UID: 91481

วันนี้ (10 ก.พ.2566) ที่บ้านของเด็กน้อย วัย 8 เดือน เป็นไปอย่างเงียบเชียบ เนื่องจาก พ่อและแม่ไม่อยู่

วันที่ 29 พ.ย.2567 ที่ผ่านมา บริษัท หนังสือพิมพ์สากล จำกัด เจ้าของหนังสือพิมพ์จีนรายวัน ออกประกาศระบ

วันที่ 29 พ.ย.2567 ที่ผ่านมา บริษัท หนังสือพิมพ์สากล จำกัด เจ้าของหนังสือพิมพ์จีนรายวัน ออกประกาศระบุว่า บริษัท หนังสือพิมพ์สากล จำกัด มีความจำเป็นต้องปิดกิจการ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2568 เป็นต้นไป แต่เนื่องจาก ทรัพย์สินของบริษัทมีการบันทึกไว้แล้ว ห้ามพนักงาน นำกลับบ้านโดยเด็ดขาด หลังที่ 31 ธ.ค.2567 ทางบัญชีจะทำการรวบรวมทรัพย์สินต่าง ๆ แล้วขายให้พนักงานก่อน ที่เหลือจึงจะขายให้บุคคลภายนอก แต่หากพนักงาน นำทรัพย์สินของบริษัทออกไปโดยพลการ ถือว่าเป็นการทุจริต บริษัทจะไม่จ่ายเงินชดเชยให้ และดำเนินการตามกฎหมาย อ่านข่าว : “สินค้าจีน” กระทบไทย ถูกรุกคืบหรือเราไม่ปรับตัว ประกาศของหนังสือพิมพ์รายวัน ภาษาจีน ที่วางจำหน่ายบนแผงในประเทศไทยมานานถึง 69 ปี ในชื่อ “หนังสือพิมพ์จีนสากล” หรือ “ชื่อ เจี้ย ยื่อ เป้า” ก่อตั้งเมื่อวันที่ 26 ก.ค.2498 ก่อตั้งขึ้นที่กรุงเทพฯ โดยนายชิน โสภณพนิช ผู้ก่อตั้งธนาคารกรุงเทพ จำกัด ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ ด้วยแนวคิดต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ และแนวคิดการเมืองฝ่ายขวาเป็นหลัก หลังจากการรัฐประหารในประเทศไทย เมื่อ พ.ศ.2500 ซึ่ง พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ ผู้สนับสนุนหลัก ลี้ภัยการเมืองไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ส่งผลให้ในเดือน ม.ค.2501 มีการโอนสิทธิ์ในทรัพย์สินและพ่อค้าชาวไทยเชื้อสายจีน ที่ให้การสนับสนุนไต้หวัน ระดมทุนเพื่อซื้อหนังสือพิมพ์สากล และปรับโครงสร้างหลายครั้ง โดยทางการไต้หวัน ได้ส่งอดีตเอกอัครราชทูต ประจำประเทศไทย Fang Guozhu มาเป็นประธานหนังสือพิมพ์ในปี 2518 และเนื่องจากเวลานั้น มีการปิดกั้นข่าวสารที่มาจากจีนแผ่นดินใหญ่ หนังสือพิมพ์จีนสากล จึงเป็นหนังสือพิมพ์จีนในประเทศไทยเพียงฉบับเดียว ที่มีข้อมูลข่าวสาร ที่นำมาจากหนังสือพิมพ์ 4 ฉบับในประเทศจีน หนังสือพิมพ์จีนสากลขายกิจการให้กับ Taiwan United Daily News ในปี พ.ศ.2529 พร้อมส่งทีมงานมืออาชีพ เข้ามาจัดระเบียบการดำเนินงานใหม่และทำให้เป็น “กิจการเอกชนอิสระยุคใหม่” หลังจากการเพิ่มข่าวจีนแผ่นดินใหญ่ ในปี 2531 มีการนำรายงานข่าวการเมือง เศรษฐกิจ และความเคลื่อนไหวทางสังคมในจีนแผ่นดินใหญ่ด้วย ผลจากการรวมกับหนังสือพิมพ์จีนระดับนานาชาติ หนังสือพิมพ์สากลได้เปรียบในแง่การนำเสนอข่าวสารที่กว้างขวาง ครอบคลุมหลายประเทศ เนื่องจาก United Daily ได้ควบรวมกิจการหนังสือพิมพ์จีนในประเทศต่าง ๆ มากมาย ทั้งในอเมริกา แคนาดา ยุโรป และอินโดนีเซีย United Daily จึงมีสายข่าวอยู่ทั่วทุกมุมโลก ด้วยนักข่าวกว่า 400 คน หนังสือพิมพ์สากลจึงมีแหล่งข่าวที่เรียกได้ว่าค่อนข้าง “แข็ง” และมีคุณภาพในแง่ของภาษาจีนที่มีความถูกต้องแม่นยำ เชื่อถือได้ “แหล่งข่าวเกินครึ่งของหนังสือพิมพ์สากล ถูกส่งมาจากไต้หวัน จีนแผ่นดินใหญ่ และชุมชนจีนทั่วโลก โดยการจัดหน้าเรียบร้อย ส่งเป็นฟิล์มมาทางอินเทอร์เน็ต ในวันที่สอง ผู้อ่านในเมืองไทยก็จะได้อ่านข่าวในหนังสือพิมพ์ เหมือนกับที่หนังสือพิมพ์ในไต้หวันนำเสนอ ความเร็วของข่าวเทียบเท่ากับไต้หวัน บางครั้งก็เร็วกว่าจีนแผ่นดินใหญ่ เพราะจีนจะมีข้อจำกัดทางการเมือง จึงเป็นข้อได้เปรียบหนังสือพิมพ์จีนอื่น ๆ ในเมืองไทย ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 10 บาท ในเดือน ก.พ.2559 นอกจากสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพฯ แล้ว ยังมีสำนักงานใน จ.เชียงใหม่ เชียงราย หาดใหญ่ มัณฑะเลย์ เวียงจันทน์ และพนมเปญ ต่อมา วันที่ 1 เม.ย.2559 หนังสือพิมพ์จีนสากลได้จัดตั้งแผนกสื่อใหม่ อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นครั้งแรก ที่มีการปรับปรุงและอัพเกรดเว็บไซต์ข่าวอายุ 10 ปี (www.udnbkk.com) และได้เปิดบัญชี WeChat สาธารณะ (udnbkk), Weibo news live และหน้าแฟนเพจ Facebook (facebook.com/udnbkk) วันที่ 30 ก.ย.2561 เปิดตัว e-newsletter PDF อย่างเป็นทางการ ผู้อ่านสามารถอ่านข่าวทั้งหมดในวันนี้ได้ฟรีผ่านเว็บไซต์ทางการ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความพยายามในการปรับตัว เพื่อให้เท่าทันกับความเปลี่ยนแปลงของโลก แต่ธุรกิจสื่อ ก็ต้องประกอบด้วยมิติต่าง ๆ มากมาย ด้วยภูมิทัศน์สื่อที่เปลี่ยนแปลงไป ล่าสุดการรับข้อมูลข่าวสารของประชาชนเปลี่ยนแปลงไป ทั้งจำนวนสื่อที่มากขึ้น และหลากหลายช่องทาง ทำให้การแข่งขันรุนแรงอย่างมากขึ้น “หนังสือพิมพ์จีนสากล” หนึ่งในหนังสือพิมพ์จีนในประเทศไทย ที่มีเพียงไม่กี่ฉบับ ก็ต้องปิดตำนานลงด้วยอายุ 69 ปี ในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ อ่านข่าว : คืนดาวกลับฟ้า "คนบันเทิง-ดารา" เสียชีวิตปี 2567 มรสุมถาโถม "คนดัง-อินฟลูฯ" ต้องคดีสำคัญ คอตกเข้าเรือนจำ คดีslot rmkjดังสะเทือนไทย ปี 2567 "รถบัสไฟไหม้-ดิไอคอน" มหาภัยพิบัติ หายนะโลกปี'67 ป่วนสุดขั้วใกล้ตัว "มนุษยชาติ"

วันนี้ (8 ส.ค.2564) นพ.ภาสกร วันชัยจิระบุญ กรรมการแพทยสภา ได้เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Passakorn Wan