นโยบาย "มะเร็งรักษาทุกที่" หรือ Cancer Anywhere เป็นนโยบายในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30

วันนี้ (18 พ.ค.2568) นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงการเข้าชื่อ สว. เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยต่อประเด็นที่มี สว. กลุ่มหนึ่งถูกตรวจสอบกรณีฮั้ว สว. ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการยกร่

นโยบาย "มะเร็งรักษาทุกที่" หรือ Cancer Anywhere เป็นนโยบายในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) โดยเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยสิทธิบัตรทองที่ได้รับการวินิจฉัยแล้วว่าป่วยเป็นมะเร็ง สามารถเลือก (ร่วมกับแพทย์เจ้าของไข้) ว่าจะเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลใดก็ได้ ที่มีศักยภาพและรอคิวไม่นานโดยผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2564 เรียกว่า "ข้ามเขต-ข้ามจังหวัดได้" แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา การรับบริการ "ข้ามเขต-ข้ามจังหวัดได้" กลับสร้างความยุ่งยาก โดยเฉพาะ "ใบส่งตัว" ที่เชื่อมกับ 30 บาทรักษาทุกที่ หากผู้ป่วยมะเร็งจะเข้ารับบริการโรงพยาบาลสังกัดโรงเรียนแพทย์ จะต้องไปขอใบส่งตัวจากคลินิกปฐมภูมิต้นสังกัดตามสิทธิ สอดคล้องกับช่วงปลายปี 2567 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการเบิกจ่ายกองทุนมะเร็งรักษาทุกที่ รายการให้เคมีบำบัด ฮอร์โมน หรือรังสีรักษา สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง ทั้งบริการผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในรวมบริการผู้ป่วยนอกสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งกรณีที่มีเหตุสมควร โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2568 รวมบริการผู้ป่วยนอกสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งกรณีที่มีเหตุสมควร จนกลายเป็นประเด็นหลัก ทำให้โรงพยาบาลสังกัดโรงเรียนแพทย์ ต้องออกมาประกาศว่า การรักษามะเร็งรักษาทุกที่ จะต้องมีใบส่งตัวเท่านั้น หากไล่เลียงไทม์ไลน์ ปัญหาที่เกิดขึ้น สปสช.ไม่ได้นิ่งนอนใจตั้งแต่ช่วงปลายปี 2567 จนถึงต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมาความพยายามแก้ไขปัญหาทั้งเรื่องใบส่งตัวการเบิกจ่ายค่ารักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ยังเป็นปัญหาทั้งโรงพยาบาล-ผู้ป่วย อ่านข่าว วายร้ายเงียบ "มะเร็ง" ไทยป่วยรายใหม่พุ่ง 1.4 แสนคน ทำให้มีการผ่อนผันการใช้เกณฑ์มะเร็งรักษาทุกที่ฉบับใหม่จากเดิมที่จะบังคับใช้ต่อไปอีก 3 เดือน คือตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 มี.ค.2568 ผศ.นพ.สนั่น วิสุทธิศักดิ์ชัย ประธานคณะทำงานจัดทำข้อเสนอการจ่ายชดเชยค่าบริการสาธารณสุข กรณีการรักษาโรคมะเร็ง (Cancer Anywhere) ในระบบหลักประกันสุขภาพสมัคร nxcasinoแห่งชาติ (ภาพ สปสช.) ผศ.นพ.สนั่น วิสุทธิศักดิ์ชัย ประธานคณะทำงานจัดทำข้อเสนอการจ่ายชดเชยค่าบริการสาธารณสุข กรณีการรักษาโรคมะเร็ง (Cancer Anywhere) ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ภาพ สปสช.) กระทั่งมีการตกผลึกในการประชุมเมื่อ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา นำโดย ผศ.นพ.สนั่น วิสุทธิศักดิ์ชัย ประธานคณะทำงานจัดทำข้อเสนอการจ่ายชดเชยค่าบริการสาธารณสุข กรณีการรักษาโรคมะเร็ง (Cancer Anywhere) ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จากนั้น นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช.ได้รับทราบข้อเสนอเบื้องต้นดังกล่าว และได้ลงนามคำสั่งยกเลิกประกาศหลักเกณฑ์มะเร็งรักษาทุกที่ฉบับใหม่ ที่จะบังคับใช้ 1 เม.ย.2568 ซึ่งจะมีผลทำให้กลับไปประกาศหลักเกณฑ์ ฉบับเดิมปี 2566-2567 อ่านข่าว 30 บาทรักษาทุกที่ทำคนไข้สับสน สปสช.ย้ำเร่งแก้ปัญหาใบส่งตัว ข้อมูลจากมูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง อธิบายถึงมะเร็งรักษาที่ไหนก็ได้ที่พร้อมไว้ดังนี้ อ่านข่าว ถ้าเราเป็น “มะเร็ง” ต้องรักษายังไงบ้าง วันที่ 26 พ.ย.2567 ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เคยให้สัมภาษณ์ว่า สปสช.ยังคงดำเนินการตามนโยบายมะเร็งรักษาทุกที่ แต่กำหนดเงื่อนไขการเบิกจ่ายกองทุนมะเร็งรักษาทุกที่ เฉพาะรายการให้เคมีบำบัด ฮอร์โมน หรือรังสีรักษาสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง ทั้งบริการผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน ทั้งนี้รวมบริการผู้ป่วยนอกสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งกรณีที่มีเหตุสมควร โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2568 สาเหตุที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงการเบิกจ่ายเนื่องจากพบว่า การจ่ายเงินจากกองทุน Cancer Anywhere พบว่าไม่ได้จ่ายเฉพาะการรักษามะเร็งอย่างเดียว แต่จ่ายเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเรื่อง investigation (สอบสวนโรค ) โรคอื่นที่ไม่สัมพันธ์กับการรักษามะเร็งในครั้งนั้นมากกว่า 50% ดังนั้นเพื่อให้การจัดการงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความซ้ำซ้อนของการเบิกจ่ายงบในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จึงได้เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการจ่ายใหม่ โดยแยกรายการเบิกจ่ายการรักษาโรคแทรก โรคร่วม หรือโรคอื่นๆ ที่ไม่สัมพันธ์กับโรคมะเร็ง ออกจากการจ่ายมะเร็งรักษาทุกที่ ซึ่งโรคเหล่านี้ เป็นค่าบริการที่อยู่ในงบเหมาจ่ายรายหัวที่ได้จัดสรรให้กับหน่วยบริการไว้อยู่แล้ว และจ่ายเฉพาะบริการที่เกี่ยวกับมะเร็ง ได้แก่ เคมีบำบัด ฮอร์โมน หรือรังสีรักษา อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้ชี้แจงเงื่อนไขการจ่ายที่จะมีการเปลี่ยนแปลงให้กับหน่วยบริการไปเมื่อวันที่ 19 พ.ย.2567 พบว่ามีข้อเสนอแนะให้มีการปรับเงื่อนไขใหม่ เนื่องจากความกังวลว่าจะกระทบการให้บริการแก่ผู้ป่วยและทำให้ผู้ป่วยมีความยุ่งยากมากยิ่งขึ้น ส่วนกรณีเงื่อนไขการจ่ายรูปแบบใหม่ที่จะเริ่มในวันที่ 1 ม.ค.2568 สปสช.ได้หารือร่วมกับหน่วยบริการ เพื่อทบทวนเงื่อนไขการจ่ายเพื่อไม่ให้กระทบผู้ป่วยและการให้บริการของหน่วยบริการ จากนั้นวันที่ 6 ก.พ.2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ระบุว่า ได้รับรายงานจากล่าสุด นพ.จเด็จว่า โดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัวรับรองสิทธิในการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากหน่วยบริการประจำ โดย สปสช.เป็นรับผิดชอบดูแลการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายตามนโยบาย เช่นเดิม หน่วยบริการสามารถเบิกได้ทั้งค่ารังสีรักษา ยาเคมีบำบัด การผ่าตัด โรคแทรกซ้อนของมะเร็ง และโรคอื่นที่คนไข้มะเร็งเป็นร่วม สำหรับการส่งข้อมูลผู้ป่วยนั้น มีระบบอิเล็กทรอนิกส์ TCB Plus ของสถาบันมะเร็ง กรมการแพทย์ และ Health Link ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อใช้ลงทะเบียน รับส่งต่อ และดูข้อมูลผู้ป่วยอยู่แล้ว โดยทาง รพ.รับส่งต่อสามารถดูข้อมูลผู้ป่วยผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวนี้ได้ ขณะนี้สปสช.ลงนามคำสั่งยกเลิกประกาศหลักเกณฑ์มะเร็งรักษาทุกที่ฉบับใหม่ ที่จะบังคับใช้ 1 เม.ย.นี้แล้ว ซึ่งจะมีผลทำให้กลับไปประกาศหลักเกณฑ์ฯ ฉบับเดิมปี 2566-2567 ได้ส่งหนังสือแจ้งเวียนหน่วยบริการทั่วประเทศรับทราบแล้ว จากข้อมูลพบว่าทั่วประเทศมีโรงพยาบาลที่มีศักยภาพในการรักษาโรคมะเร็งด้วยรังสีรักษา จำนวน 41 แห่ง ที่พร้อมให้บริการและรองรับนโยบาย Cancer Anywhere โดยสามารถแบ่งออกเป็น 7 กลุ่ม ตามภูมิภาค อ่านข่าว ไขข้อสงสัย "วัคซีน HPV" เหมาะกับใคร ป้องกันโรคอะไรได้บ้าง

วันนี้ (29 เม.ย.2567) ตัวแทนกลุ่มนักเรียนเลว 6 คน นำโดย นายนลภนพัฒน์ หวังไพสิฐ เข้ายื่นหนังสือถึง น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เรียกร้องให้เปิดเผยข้อสอบและเ