เลือกตั้ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) วันที่ 22 พ.ค.2565 วันเดียว ไม่มีลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า หรือ ลงคะแนนนอกราชอาณาจักร สามารถแจ้งไม่ไปใช้สิทธิได้ก่อน-หลังวันเลือกตั้
เกาหลีใต้ เป็นหนึ่งในประเทศที่โดดเด่นด้าน"การปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน"เป็นลำดับต้น ๆ ของเอเชียและของ
วันนี้ (18 พ.ย.2567) กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้แล้ว ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูม
เกาหลีใต้ เป็นหนึ่งในประเทศที่โดดเด่นด้าน"การปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน"เป็นลำดับต้น ๆ ของเอเชียและของโลก จากสถิติของ Corruption Perceptions Index 2023 เกาหลีใต้อยู่ในอันดับที่ 32 จาก 180 ประเทศทั่วโลก ทั้ง ๆ เมื่อเกือบ 60 ปีที่แล้ว ถูกขึ้นชื่อเป็น "สวรรค์คนโกง" นอกจากเกาหลีใต้ยังมีความโหดเรื่อง "จับหมดไม่สนลูกใคร" เห็นได้จาก การไล่จับกุมผู้กระทำการทุจริตโดยไม่ละเว้น จะเป็นคนใหญ่คนโตหรือมีอำนาจมาจากไหน ล่าสุด จากกรณีจับกุม "มุน ดา ฮเย" ลูกสาวของอดีตประธานาธิบดี "มุน แจ อิน" ในคดีเมาแล้วขับ และการให้เช่า AirBNB โดยไม่ได้แจ้งทางการอย่างถูกต้อง ถือว่าเอาจริงต่อการปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างมาก ทำให้เกิดคำถามว่า จากตะกอนเถ้าถ่านสู่ความศิวิไลซ์ เกาหลีใต้ยังทำได้ และประเทศไทย ที่หมายมั่นปั้นมือเรื่องการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชันเพื่อความโปร่งใสมายาวนาน จะสามารถเรียนรู้และถอดบทเรียนเพื่อนำมาปรับใช้ได้หรือไม่ อย่างไร ไทยพีบีเอส ออนไลน์ สัมภาษณ์ ว่าที่ร้อยตรี เสกสรร อานันทศิริเกียรติ ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ สมาคมไทยคดีศึกษาแห่งสาธารณรัฐเกาหลี (Korean Association of Thai Studies : KATS) ประเด็นดังกล่าว ว่าที่ร้อยตรี เสกสรร ระบุว่า ภายใต้บริบททางการเมืองและสังคมของเกาหลีใต้เอื้อให้เกิดการสร้างเสริมนิสัยและบุคลิกลักษณะ "ชอบตรวจสอบ" ในผู้คนมาแต่ครั้งอดีต ตั้งแต่สมัยอาณาจักร "โชช็อน" หรืออาณาจักรโบราณในแผ่นดินเกาหลี มีหน่วยงานที่รวบรวมนักปราชญ์ราชบัณฑิตมาเขียนประวัติศาสตร์ เขียนพงศาวดารของราชวงศ์ กษัตริย์และสมาชิกราชวงศ์ "ไม่อาจแทรกแซง" การทำงานนี้ได้ ประกอบกับโชซ็อนนั้น ให้ความสำคัญต่อแนวคิด "ขงจื่อใหม่ (Neo Confucianism)" ที่มีคุณธรรมนิยมและความรับผิดรับชอบ (Meritocracy and Accountability)เป็นพื้นฐาน ขุนนางมีพันธะหน้าที่ต่อสังคมและประชาชน ถ้าดูซีรีส์ก็จะเห็นว่า แม้แต่ในหมู่ขุนนางเองก็มีการ "ตรวจสอบถ่วงดุล" ทางอำนาจ กลุ่มตระกูลหนึ่งอาจไม่ถูกกับอีกกลุ่มตระกูลหนึ่ง และการไม่ถูกกันจึงกลายเป็นที่มาของการจับตาสอดส่องกำกับดูแลกันเอง ว่าที่ร้อยตรี เสกสรร ชี้ว่า สังคมเกาหลีออกแบบมาให้เกิดการ "ชอบตรวจสอบ" อย่างสม่ำเสมอ ขุนนางเป็นหนึ่งในดุลอำนาจที่สามารถ "ตรวจสอบราชบัลลังก์" ซึ่งมีนัยของการเป็นข้าของแผ่นดินมากกว่าข้าของราชวงศ์ กษัตริย์ในแผ่นดินเกาหลีมีลักษณะแบบ "อำนาจจำกัด" มาช้านาน แน่นอน เป็นการจำกัดด้วยขุนนางและจำกัดจากความเชื่อมโยงกับประชาชนอีกทอดหนึ่ง ซึ่งบางครั้งแสดงออกในรูปแบบของกบฏและการก่อความไม่สงบ ด้วยระบอบที่สร้างพื้นฐานของการมีนิสัยรักการตรวจสอบ เมื่อแผ่นดินเกาหลีตกเป็นเมืองขึ้นของจักรวรรดิญี่ปุ่นในปี 1910 ซึ่งเป็นการเผชิญการกดขี่ข่มเหงอย่างเต็มรูปแบบ ข้าราชการ หรือผู้ปกครอง ล้วนแต่มีสัญชาติอาทิตย์อุทัย หรือไม่ก็เป็นเกาหลีที่แปรพักตร์ เมื่อขาดซึ่งมูลนายที่พึ่ง สามัญชนจึงเริ่มมีกระดูกสันหลังยืนหยัดต่อสู้ขึ้นมาเป็นผู้เล่นในการ "ตรวจสอบถ่วงดุล" ญี่ปุ่นด้วยตนเอง ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อได้รับเอกราชมาในปี 1945 ทำให้เกิดการแบ่งแยกประเทศโดยสองมหาอำนาจ สหรัฐอเมริกา-สหภาพโซเวียต และสงครามเกาหลี และได้ "การปกครองรูปแบบประธานาธิบดี" ที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด หรือที่เรียกว่า "Executive Order" เพื่อง่ายต่อการจัดการบริหารประเทศให้เป็นเนื้อเดียวกัน ไม่ต้องอ่อนแอไปอย่างที่เป็นมา เพราะ อี ซึง-มัน ประธานาธิบดีคนแรก เป็นอำนาจนิยมพลเรือน ต่อมา พัค ช็อง-ฮี, ช็อน ทู-ฮวัน เป็นอำนาจนิยมทหารโดยการรัฐประหาร เรียกได้ว่าอำนาจล้นฟ้า อาจจะมากกว่ากษัตริย์ในยุคโชซ็อนเสียด้วยซ้ำ ต่อมา ภายหลังจากการล่มสลายของรัฐบาลทหาร เกาหลีใต้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ปี 1987 ปูทางสู่การปกครองด้วยระบอบเสรีประชาธิปไตย ถือเป็นฟ้าใหม่ของประชาชนในเรื่องการปราบปรามทุจริตอย่างมาก โดยเฉพาะ การออกแบบ "อำนาจตุลาการ (Judiciary)" เพื่อการตรวจสอบทุจริตอย่างแข็งขbaccarat battle bookันทั้งองคาพยพ ให้เป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริงในการเอาคืนฝ่ายบริหาร นอกเหนือจากฝ่ายนิติบัญญัติ คิม พย็อง โน ประธานศาลฎีกาคนแรกของเกาหลีใต้ เคยกล่าวว่า ผู้พิพากษาพึงพิจารณาคดีอย่างเป็นอิสระ แม้แต่ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกาก็มิอาจเข้าแทรกแซงหรือสั่งการให้ผู้พิพากษาพิจารณาคดีตามใจตนได้ และไม่สมควรอย่างยิ่งที่ศาลฎีกาจะต้องทำตามใจฝ่ายบริหารในการบังคับใช้กฎหมาย นอกจากนี้ การออกกฎหมายพิเศษไม่ควรเกิดขึ้นไม่ว่ากรณีใดก็ตาม แม้องค์ประกอบสำคัญของการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน ต้องมาจากการสร้างนิสัยชอบตรวจสอบของประชาชนอย่างถ้วนหน้า ซึ่งเกาหลีใต้ได้เปรียบจากการที่ระบอบและวิธีคิดนั้นเอื้อให้เกิดลักษณะดังกล่าว แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้น คือ นอกเหนือจากรากฐานที่มีเป็นทุนแล้ว เกาหลีใต้ยัง "ยกระดับ (Enhancement)" การต่อต้านทุจริตคอร์รัปชันอีกขั้น โดยใช้ประโยชน์จากการเข้าร่วม Organisation for Economic Co-operation and Development หรือ "OECD" ว่าที่ร้อยตรี เสกสรร วิเคราะห์ว่า หลายคนอาจคิดว่า การเข้าร่วม OECD เป็นไปเพื่อประกาศตนเองว่าประเทศนั้น "เจริญแล้ว" หรือเพื่อเงื่อนไขทางด้านเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่การจะผ่านการคัดเลือกหรือ "ออดิชัน" เป็นสมาชิกของ OECD หนึ่งในคุณสมบัติที่จำเป็นที่สุด คือ ประเทศนั้น ๆ ต้องมีมาตรฐาน "ความโปร่งใส (Transparency)" ในระดับสูงมาก เกาหลีใต้ใช้ประโยชน์ตรงนี้เพื่อปรับโครงสร้างภายในว่าด้วยเรื่อง "สถาบันการเมือง (Political Institutions)" เพื่อการตรวจสอบทุจริต โดย ว่าที่ร้อยตรี เสกสรร แบ่งออกเป็น 3 ประเด็นใหญ่ ๆ ด้วยกัน คือ องค์กรอิสระ ภาคประชาสังคม และการสร้างความเชื่อมโยงกับท้องถิ่น กล่าวคือ องค์กรอิสระของเกาหลีใต้ มีความเป็นอิสระจริง ๆ ตามชื่อที่ตั้ง และมีหลายหน่วยงาน แต่โจทย์หลักของเกาหลีใต้ ในการสร้างองค์การอิสระขึ้นมาเพื่อต่อต้านการทุจริตนั้น เป้าหมายสำคัญ คือ การเพิ่มอำนาจโดย "การควบคุมจากประชาชน (Civilian Control)" ด้วยความที่เกาหลีใต้มี "บาดแผลทางใจ (Trauma)" จากการที่ประเทศมีฝ่ายบริหารที่เข้มแข็งเกินไป ประชาชนไม่มีอำนาจ ทำอย่างไรให้เพิ่มอำนาจประชาชนมากที่สุดจึงเป็นเป้าหมายตั้งต้น Defense Acquisition Program Administration (DAPA) จึงเกิดขึ้น โดยวางอำนาจหน้าที่ไว้ว่า เมื่อใดก็ตามที่กองทัพจัดซื้อจัดจ้างยุทโธปกรณ์ ต้องทำหนังสือของบประมาณจากฝ่ายนิติบัญญัติ ต้องผ่านการอภิปรายในสมัชชาแห่งชาติ (รัฐสภา) และจัดทำแผนจัดซื้อจัดจ้างร่วมกับคณะทำงานของสมัชชาแห่งชาติ หมายความว่า กองทัพไม่สามารถซื้ออาวุธได้ตามอำเภอใจ ผู้แทนจากประชาชนมีสิทธิ์ตรวจสอบ ยับยั้ง หรืออภิปรายไม่ไว้วางใจการจัดซื้อจัดจ้างของกองทัพได้ อีกหนึ่งองค์กรอิสระที่ขาดไปไม่ได้ คือ Korea Independent Commission Against Corruption (KICAC) โดย ว่าที่ร้อยตรี เสกสรร กล่าวว่า หน่วยงานนี้เป็น "สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติของเกาหลีใต้ (ป.ป.ช. เกาหลีใต้)" ที่ทำงานเชิงรุกอย่างมาก เช่นเดียวกับระบบผู้ตรวจการแผ่นดิน รวมถึง การปฏิรูปอัยการที่มีอำนาจมากเกิน ในสมัยประธานาธิบดี มุน แจ อิน ได้มีการแก้กฎหมาย Criminal Procedure Code และ Prosecutor’s Office Act ที่มีสาระสำคัญ คือ จำกัดขอบเขตการสืบสวนสอบสวนที่อัยการสามารถดำเนินการได้ ให้เหลือเพียงเรื่องการทำทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐเท่านั้น เรื่องอื่น ๆ เช่น อาชญากรรมหรือความมั่นคงของประเทศให้เป็นหน้าที่ของตำรวจแทน และจำกัดขอบเขตการสืบสวนเพิ่มเติมโดยอัยการ ส่วนภาคประชาสังคม ซึ่งเป็นกลไกที่พ้นจากอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้ เพราะการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด คือ ปล่อยให้ประชาชนตรวจสอบด้วยตัวของเขาเอง องค์กรอิสระอย่างไรก็ต้องดำเนินการแบบราชการ แต่ภาคประชาสังคมนั้น เป็นอิสระอย่างแท้จริง โดยภาคประชาสังคม จะดำเนินการในรูปแบบ NGOs หรือการรวมกลุ่มเฉพาะกิจก็ได้ แต่การรวมกลุ่มเฉพาะกิจในเกาหลีใต้ กระทำแล้วได้ผลกว่า NGOs มาก โดยประธานาธิบดีพัคนั้น ไม่ได้กระทำการทุจริตด้วยตนเอง แต่มีการปล่อยปละละเลยให้พวกพ้องเข้ามามีตำแหน่งในฝ่ายบริหาร กินรวบอำนาจ มีการคอร์รัปชันอย่างโจ่งครึ่ม บ้านเมืองทุรยศเสื่อมทราม ถือว่าตัวประธานาธิบดีเองก็มีความผิดฐานคอร์รัปชันไปด้วยเช่นกัน ทำให้ผู้คนทนไม่ไหว ออกมาชุมนุมประท้วงกันโดยมิได้นัดหมาย จนในที่สุดต้องก้าวลงจากตำแหน่งไปแบบเสื่อมเกียรติยศ และสุดท้าย การสร้างความเชื่อมโยงกับท้องถิ่น ว่าที่ร้อยตรี เสกสรร กล่าวถึง "กระบวนการกระจายสู่ท้องถิ่น (Localised)" เพราะท้องถิ่นคือพื้นฐานของการพัฒนาคน พัฒนาชาติ พัฒนาทุกสิ่งทุกอย่าง และสิ่งแรกที่รัฐบาลส่งเสริม คือ ห้ามรับเลี้ยงอาหารที่มีมูลค่าเกินกว่า 30,000 วอน หรือรับเงินใส่ซองเกิน 100,000 วอนในงานแต่งและงานศพ ดังจะเห็นว่า เกาหลีใต้มีการใช้ประโยชน์หลายทาง ทั้งต่อยอดนิสัยชอบตรวจสอบของประชาชน เข้ากับทางเลือกในการเข้าร่วม OECD เพื่อทำให้ประเทศสามารถปราบปรามปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ทั้งในลักษณะทางการ คือการออกแบบเชิงสถาบันการเมือง และไม่เป็นทางการ คือภาคประชาสังคมและท้องถิ่น คำถาม คือ ไทย ในฐานะที่มีความต้องการอยากเข้าร่วม OECD เหมือนกัน จะสามารถสร้างนิสัยชอบตรวจสอบในประชาชน หรือออกแบบกลไกเชิงสถาบัน จากการถอดบทเรียนเกาหลีใต้อย่างไร ว่าที่ร้อยตรี เสกสรร เสนอว่า ไทยต้องสร้าง "พลเมืองที่แข็งขันและลงมือทำในเชิงรุก (Active Citizens)" ต้องกัดไม่ปล่อย เมื่อเห็นการกระทำทุจริตคอร์รัปชันให้ได้เสียก่อน ไม่เช่นนั้นจะเป็นเรื่องยากที่จะออกแบบสถาบัน เพราะจะไม่สอดรับกับสิ่งที่เป็นอุปนิสัยของประชาชนในประเทศ ว่าที่ร้อยตรี เสกสรร ให้ข้อคิด คือ ไทยมีกระแสความไม่พอใจเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันมานาน และต่างจากเกาหลีตรงที่ คนไทยส่วนมากจะพูดมากกว่าทำ หรือ "เว้าสิบ่เฮ็ด" เน้นระบายลงสื่อสังคมออนไลน์ หายอดไลก์และยอดการมองเห็นอย่างเดียว ไม่ได้เป็นพลเมืองที่แข็งขันและลงมือทำในเชิงรุก "จะยืนหยัด ยืนยันความถูกต้องได้ สิ่งสำคัญ คือ เราต้องมีกระดูกสันหลัง กระดูกสันหลังนั้น ขยับขึ้นลงได้ แต่การจะขยับขึ้นลง ต้องมีแกนที่แข็งแรง แกนที่แข็งแรงนั้น หมายถึงหลักการ และความปรารถนาแน่วแน่ที่จะเป็นสังคมโปร่งใสโดยไม่มีข้อยกเว้น ไม่เลือกปฏิบัติเฉพาะพวกพ้อง เกาหลีใต้ทำให้เห็นว่า แค่มีสถาบันหรือกลไกทางการเมืองที่กำกับ The One และ The Few อาจจะยังไม่พอ ต้องมีวัฒนธรรมทางการเมืองที่ The Many จริงจังกับการเปลี่ยนแปลงด้วย" ว่าที่ร้อยตรี เสกสรร กล่าวปิดท้าย
ความคืบหน้าคดี น.ส.นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เสียชีวิต ล่าสุดพนักงานอัยการจังหวัดนนทบุรี และคณะทำงาน มีความเห็นสั่งฟ้องคดีผู้ต้องหาทั้ง 6 คน และนำตัวส่งศาลขอฝากขัง วันนี้ (3 ส.ค.2565) ล่าสุดศาลจังหว
- baccarat battle book
- แอ พ เกม ยิง ปลา ฟรี เครดิต ถอน ได้
- โปรโมชั่น สล็อต Megaspin
- วิเคราะห์ บอล ส เต็ ป วัน นี้ 100 เปอร์ เซ็น
- wallet 20 รับ 100เกม สล็อต ได้ เงิน จริง 2020
- Betluckmak