วันนี้ (7 มี.ค.2566) น.ส.ชิดชญา วณิชกิตติ์ พร้อมด้

เมื่อดูจำนวน ส.ส.ในสังกัดของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่มีถึง 21 คน ถือเป็นกลุ่ม ส.ส. ที่มีน้ำหนักมากพอที่จะเขย่าเสถียรภาพของรัฐบาล จึงเป็นไปได้ว่า ข้อแม้ของการสนับสนุนรัฐบาลนับจากนี้ อาจต้องแลกกับเก้าอี
วันนี้ (7 ต.ค.2567) หลังเกิดสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.เชียงใหม่ ทำให้น้ำท่วมมูลนิธิฯ แห่งหนึ่งที่มีการเลี้ยงสัตว์จำนวนมากใน อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ทำให้การอพยพช้างเต็มไปด้วยความยากลำบาก และมีช้างตาย 2 เชือก
วันนี้ (21 ก.ย.2566) ศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส เผยแพร่ข้อเสนอแนะถึง รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยระบุว่า ทั้ง 2 กระทรวง มีความสำคัญยิ่ง เพราะเป็นระบบปัญญาของชาติ แต่นักการเมืองไม่ค่อยสนใจ อาจกลัวว่ายาก ศ.นพ.ประเวศ ให้คำแนะนำว่า ผู้บริหารอย่าไปบริหารงานประจำ ซึ่งจะเหนื่อยและไม่ได้ผล ระบบมีข้าราชการประจำทำอยู่แล้ว รัฐมนตรีต้องเป็นผู้นำนโยบาย และนโยบายต้องพุ่งไปที่จุดคานงัดของระบบการศึกษา ซึ่งถ้างัดตรงนี้อย่างเดียว ทั้งหมดจะดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด ราษฎรอาวุโส ยังอธิบายความหมายจุดคานงัดประเทศไทยว่า เรามีทรัพยากรเพื่อการพัฒนามาก ควรเจริญรุ่งเรืองยิ่ง แต่กลับติดอยู่ในวิกฤตการณ์เรื้อรัง เพราะพัฒนาแบบแยกส่วนเป็นเรื่อง ๆ อะไรที่ชำแหละเป็นส่วน ๆ เช่น ชำแหละโค ชำแหละสุกร ก็จะทำให้สิ้นชีวิต ชีวิตคือการเชื่อมโยง และการพัฒนาแบบแยกส่วน ทำให้ประเทศเสียสมดุลหมดทุกมิติ อะไรที่ไม่สมดุลก็จะปั่นป่วน วุ่นวาย รุนแรง วิกฤต ไม่ยั่งยืน แต่การพัฒนาอย่างบูรณาการ จะทำให้ทุกส่วนเชื่อมโยงกัน เมื่อเชื่อมโยงก็จะมีชีวิต ชีวิตเรียนรู้และเติบโตได้ โดยเอาพื้นที่เป็นตัวตั้ง จะเอาหน่วยงาน ประเด็น หรือวิชาการ เป็นตัวตั้งไม่ได้ เพราะแยกส่วนเป็นเรื่อง ๆ ศ.นพ.ประเวศ ย้ำว่า การบูรณาการจะต้องเชื่อมโยงกันใน 8 มิติ คือ เศรษฐกิจ จิตใจ สังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม สุขภาพ การศึกษา และ ประชาธิปไตย ในแบบที่เรียกว่า "มรรคสมังคี" ที่ผ่านมาปัญหาใหญ่ขเว็บ แทง บอล ไทย ลีกองการศึกษา คือ เป็นระบบการศึกษาที่แยกส่วน โดยเอาวิชาเป็นตัวตั้ง วิชาความรู้มีความสำคัญแต่ไม่ใช่ตัวตั้ง แต่เป็นตัวประกอบอย่างหนึ่งของการเรียนรู้ ดังนั้นการศึกษาต้องบูรณาการกับชีวิต ตามหลักทางพุทธศาสนา ชีวิตคือการศึกษา การศึกษาคือชีวิต และ ชีวิตจะเกี่ยวข้องกับอะไร ก็ต้องเรียนรู้ในสิ่งนั้นให้ได้ 6 เป็น คือ ทำเป็น คิดเป็น ตัดสินใจเป็น จัดการเป็น อยู่ร่วมกันเป็น พัฒนาจิตใจเป็น ไม่ใช่การศึกษาแบบท่องเป็น แต่ทำอะไรไม่เป็น เป็นเหตุให้ชาติอ่อนแอและวิกฤต สำหรับนโยบายจุดคานงัดของกระทรวงศึกษาธิการ ศ.นพ.ประเวศ เสนอว่า ให้ทุกสถาบันการศึกษามีหลักสูตรเรียนรู้จากการทำงาน (Work-Base Learning) หรือ WBL ถ้ามีการเรียนรู้จากการทำงาน มีรายได้ไปด้วย เรียนรู้ไปด้วย จะหายจนทั้งนักเรียน ครู ผู้ปกครอง คือ หายจนทั้งประเทศ และคนไทยมีสมรรถนะสูงเพราะทำเป็น และอุดมศึกษาควรเป็นหัวรถจักรทางปัญญาพาชาติออกจากวิกฤต ไทยมีมหาวิทยาลัยทั้งของรัฐและเอกชน ประมาณ 140 แห่ง มีนิสิตนักศึกษาประมาณ 2 ล้านคน มีครูบาอาจารย์ นักวิชาการหลายแสนคน เป็นขุมศักยภาพทางปัญญามหาศาล แต่การที่ไม่สามารถเป็นหัวรถจากทางปัญญา พาชาติออกจากวิกฤตได้ เพราะคิดเชิงเทคนิคเท่านั้น ขาดสมรรถนะการคิดเชิงระบบและการจัดการ รวมทั้งสมรรถนะเชิงพัฒนานโยบาย ศ.ดร.ประเวศ ระบุว่า จุดคานงัดของอุดมศึกษาไทยมี 2 จุด คือ นโยบายการทำงานเชิงพื้นที่ 1 มหาวิทยาลัย 1 จังหวัด ถ้ามหาวิทยาลัยร่วมพัฒนาพื้นที่อย่างบูรณาการ จะทำให้คนไทยเข้าใจความจริงของแผ่นดินไทย การศึกษาที่ทำให้คนไทยไม่เข้าใจความจริงของแผ่นดินไทย เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศที่ทำให้ชาติวิกฤต เพราะเมื่อไม่รู้ความจริงก็ทำให้ถูกต้องไม่ได้ ส่วนนโยบายมหาวิทยาลัยกับการพัฒนานโยบาย นโยบายเป็นปัญญาสูงสุดของชาติ เพราะกระทบทุกองคาพยพของประเทศ ไทยเกือบไม่มีความสำเร็จทางนโยบาย เป็นเหตุให้ติดอยู่ในหลุมดำแห่งวิกฤตการณ์ ทั้งนี้เพราะขาดความเข้าใจระบบนโยบาย นโยบายเป็นระบบไม่ใช่เรื่องทางเทคนิคเท่านั้น ถ้าทำไม่เป็นระบบครบวงจร ก็ไม่สำเร็จ แต่ถ้าทำเป็นระบบครบวงจร 12 ขั้นตอน ก็จะสำเร็จทุกเรื่อง เรียกว่า สัมฤทธิศาสตร์ ถ้ามหาวิทยาลัยสร้างความเชี่ยวชาญในสัมฤทธิศาสตร์ ก็จะช่วยให้ประเทศมีความสำเร็จทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องชุมชนจนถึงนโยบาย จึงเรียกว่า อุดมศึกษาคือหัวรถจักรทางปัญญาพาชาติออกจากวิกฤต การสร้างนักพัฒนานโยบายในมหาวิทยาลัยก็เป็นเรื่องไม่ยาก ศ.ดร.ประเวศ ชี้ว่า หากรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ และ กระทรวง อว. ทำตรงนโยบายจุดคานงัด 3 จุด ที่กล่าวถึง ทุกสิ่งทุกอย่างก็สัมพันธ์กันเป็นลูกโซ่ บูรณาการกันสู่องค์รวม ไทยจะเป็นประเทศที่มีคุณสมบัติอันมหัศจรรย์ ทำนองเดียวกับที่เครื่องบินเมื่อประกอบชิ้นส่วนครบเป็นองค์รวมก็มีคุณสมบัติใหม่ คือ บินได้ ในขณะที่ไม่มีชิ้นส่วนใดบินได้เลย ประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน พัฒนาแบบแยกส่วนประเทศ ไทยบินไม่ได้ ต้องพัฒนาอย่างบูรณาการสู่องค์รวม
วันนี้ (13 ส.ค.2567) ศูนย์นเรนทร (สพฉ.) รับแจ้งจากศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร (ศูนย์เอรา
วันนี้ (21 ก.ย.2566) ศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส เผยแพร่ข้อเสนอแนะถึง รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ
เมื่อวันที่ 2 มี.ค.2565 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (UNGA) ลงมติเสียงข้
วันนี้ (21 ก.ย.2566) ศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส เผยแพร่ข้อเสนอแนะถึง รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยระบุว่า ทั้ง 2 กระทรวง มีความสำคัญยิ่ง เพราะเป็นระบบปัญญาของชาติ แต่นักการเมืองไม่ค่อยสนใจ อาจกลัวว่ายาก ศ.นพ.ประเวศ ให้คำแนะนำว่า ผู้บริหารอย่าไปบริหารงานประจำ ซึ่งจะเหนื่อยและไม่ได้ผล ระบบมีข้าราชการประจำทำอยู่แล้ว รัฐมนตรีต้องเป็นผู้นำนโยบาย และนโยบายต้องพุ่งไปที่จุดคานงัดของระบบการศึกษา ซึ่งถ้างัดตรงนี้อย่างเดียว ทั้งหมดจะดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด ราษฎรอาวุโส ยังอธิบายความหมายจุดคานงัดประเทศไทยว่า เรามีทรัพยากรเพื่อการพัฒนามาก ควรเจริญรุ่งเรืองยิ่ง แต่กลับติดอยู่ในวิกฤตการณ์เรื้อรัง เพราะพัฒนาแบบแยกส่วนเป็นเรื่อง ๆ อะไรที่ชำแหละเป็นส่วน ๆ เช่น ชำแหละโค ชำแหละสุกร ก็จะทำให้สิ้นชีวิต ชีวิตคือการเชื่อมโยง และการพัฒนาแบบแยกส่วน ทำให้ประเทศเสียสมดุลหมดทุกมิติ อะไรที่ไม่สมดุลก็จะปั่นป่วน วุ่นวาย รุนแรง วิกฤต ไม่ยั่งยืน แต่การพัฒนาอย่างบูรณาการ จะทำให้ทุกส่วนเชื่อมโยงกัน เมื่อเชื่อมโยงก็จะมีชีวิต ชีวิตเรียนรู้และเติบโตได้ โดยเอาพื้นที่เป็นตัวตั้ง จะเอาหน่วยงาน ประเด็น หรือวิชาการ เป็นตัวตั้งไม่ได้ เพราะแยกส่วนเป็นเรื่อง ๆ ศ.นพ.ประเวศ ย้ำว่า การบูรณาการจะต้องเชื่อมโยงกันใน 8 มิติ คือ เศรษฐกิจ จิตใจ สังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม สุขภาพ การศึกษา และ ประชาธิปไตย ในแบบที่เรียกว่า "มรรคสมังคี" ที่ผ่านมาปัญหาใหญ่ขเว็บ แทง บอล ไทย ลีกองการศึกษา คือ เป็นระบบการศึกษาที่แยกส่วน โดยเอาวิชาเป็นตัวตั้ง วิชาความรู้มีความสำคัญแต่ไม่ใช่ตัวตั้ง แต่เป็นตัวประกอบอย่างหนึ่งของการเรียนรู้ ดังนั้นการศึกษาต้องบูรณาการกับชีวิต ตามหลักทางพุทธศาสนา ชีวิตคือการศึกษา การศึกษาคือชีวิต และ ชีวิตจะเกี่ยวข้องกับอะไร ก็ต้องเรียนรู้ในสิ่งนั้นให้ได้ 6 เป็น คือ ทำเป็น คิดเป็น ตัดสินใจเป็น จัดการเป็น อยู่ร่วมกันเป็น พัฒนาจิตใจเป็น ไม่ใช่การศึกษาแบบท่องเป็น แต่ทำอะไรไม่เป็น เป็นเหตุให้ชาติอ่อนแอและวิกฤต สำหรับนโยบายจุดคานงัดของกระทรวงศึกษาธิการ ศ.นพ.ประเวศ เสนอว่า ให้ทุกสถาบันการศึกษามีหลักสูตรเรียนรู้จากการทำงาน (Work-Base Learning) หรือ WBL ถ้ามีการเรียนรู้จากการทำงาน มีรายได้ไปด้วย เรียนรู้ไปด้วย จะหายจนทั้งนักเรียน ครู ผู้ปกครอง คือ หายจนทั้งประเทศ และคนไทยมีสมรรถนะสูงเพราะทำเป็น และอุดมศึกษาควรเป็นหัวรถจักรทางปัญญาพาชาติออกจากวิกฤต ไทยมีมหาวิทยาลัยทั้งของรัฐและเอกชน ประมาณ 140 แห่ง มีนิสิตนักศึกษาประมาณ 2 ล้านคน มีครูบาอาจารย์ นักวิชาการหลายแสนคน เป็นขุมศักยภาพทางปัญญามหาศาล แต่การที่ไม่สามารถเป็นหัวรถจากทางปัญญา พาชาติออกจากวิกฤตได้ เพราะคิดเชิงเทคนิคเท่านั้น ขาดสมรรถนะการคิดเชิงระบบและการจัดการ รวมทั้งสมรรถนะเชิงพัฒนานโยบาย ศ.ดร.ประเวศ ระบุว่า จุดคานงัดของอุดมศึกษาไทยมี 2 จุด คือ นโยบายการทำงานเชิงพื้นที่ 1 มหาวิทยาลัย 1 จังหวัด ถ้ามหาวิทยาลัยร่วมพัฒนาพื้นที่อย่างบูรณาการ จะทำให้คนไทยเข้าใจความจริงของแผ่นดินไทย การศึกษาที่ทำให้คนไทยไม่เข้าใจความจริงของแผ่นดินไทย เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศที่ทำให้ชาติวิกฤต เพราะเมื่อไม่รู้ความจริงก็ทำให้ถูกต้องไม่ได้ ส่วนนโยบายมหาวิทยาลัยกับการพัฒนานโยบาย นโยบายเป็นปัญญาสูงสุดของชาติ เพราะกระทบทุกองคาพยพของประเทศ ไทยเกือบไม่มีความสำเร็จทางนโยบาย เป็นเหตุให้ติดอยู่ในหลุมดำแห่งวิกฤตการณ์ ทั้งนี้เพราะขาดความเข้าใจระบบนโยบาย นโยบายเป็นระบบไม่ใช่เรื่องทางเทคนิคเท่านั้น ถ้าทำไม่เป็นระบบครบวงจร ก็ไม่สำเร็จ แต่ถ้าทำเป็นระบบครบวงจร 12 ขั้นตอน ก็จะสำเร็จทุกเรื่อง เรียกว่า สัมฤทธิศาสตร์ ถ้ามหาวิทยาลัยสร้างความเชี่ยวชาญในสัมฤทธิศาสตร์ ก็จะช่วยให้ประเทศมีความสำเร็จทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องชุมชนจนถึงนโยบาย จึงเรียกว่า อุดมศึกษาคือหัวรถจักรทางปัญญาพาชาติออกจากวิกฤต การสร้างนักพัฒนานโยบายในมหาวิทยาลัยก็เป็นเรื่องไม่ยาก ศ.ดร.ประเวศ ชี้ว่า หากรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ และ กระทรวง อว. ทำตรงนโยบายจุดคานงัด 3 จุด ที่กล่าวถึง ทุกสิ่งทุกอย่างก็สัมพันธ์กันเป็นลูกโซ่ บูรณาการกันสู่องค์รวม ไทยจะเป็นประเทศที่มีคุณสมบัติอันมหัศจรรย์ ทำนองเดียวกับที่เครื่องบินเมื่อประกอบชิ้นส่วนครบเป็นองค์รวมก็มีคุณสมบัติใหม่ คือ บินได้ ในขณะที่ไม่มีชิ้นส่วนใดบินได้เลย ประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน พัฒนาแบบแยกส่วนประเทศ ไทยบินไม่ได้ ต้องพัฒนาอย่างบูรณาการสู่องค์รวม
(1 มี.ค.2567) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เข้าทำเนียบรัฐบาล ในการแถลงวิสัยทัศน์ “IGNI