Home
|
สล็อต แตก บ่อย

วันนี้ (17 ต.ค.67) น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะกรรม

สล็อต แตก บ่อย

วันนี้ (21 พ.ค.2567) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ล่าสุด กรณีน้องไนซ์ เชื่อมจิต ที่ผ่านมา กระทรวง พม. ได้ไปร้องขอต่อศาล ซึ่งศาลรับฟ้อ

ทุกวันนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักสิ่งที่ถูกเรียกว่า “แฟลช” ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในการถ่ายรูป แต่ใครบ้างจะรู้ว่าคนที่ประดิษฐ์เจ้าสิ่งนี้ เป็นผู้ประดิษฐ์นวัตกรรมสำคัญอีกหลายอย่างที่มีความเกี่ยวข้องกับสิ่งข

ทุกวันนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักสิ่งที่ถูกเรียกว่า “แฟลช” ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในการถ่ายรูป แต่ใครบ้างจะรู้ว่าคนที่ประดิษฐ์เจ้าสิ่งนี้ เป็นผู้ประดิษฐ์นวัตกรรมสำคัญอีกหลายอย่างที่มีความเกี่ยวข้องกับสิ่งของและเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่รายล้อมอยู่รอบกาย "ฮาโรลด์ เอ็ดเกอร์ตัน" (Harold Edgerton) คือผู้คิดค้นแฟลชที่เราต่างคุ้นหูคุ้นตากันดี ผู้คนตั้งฉายานามให้เขาว่า “เจ้าพ่อแฟลช” (Papa Flash) ฮาโรลด์เป็นวิศวกรด้านไฟฟ้า นักประดิษฐ์ ช่างภาพ และอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัย สถาบันเทคโนโลยีแมตซาชูเซตส์ สาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้า ในบทบาทของนักประดิษฐ์ เขาถือเป็นหนึ่งในผู้มีความสำคัญแก่โลกใบนี้คนหนึ่ง เพราะเขาคือผู้คิดค้นเทคนิคการถ่ายภาพความเร็วสูงสโตรโบสโคปิค (High-Speed Stroboscopic Photography Techniques) ที่ถูกพัฒนาขึ้นจากสโตรโบสโคป (Stroboscope) หรืออุปกรณ์ที่ยิงแสงแฟลช ทำงานโดยการยิงแสงออกมาซ้ำ ๆ เป็นระยะ จนกระทั่งเทคโนโลยีนี้ได้กลายเป็นกล้องถ่ายภาพความเร็วสูงที่ฮาโรลด์ตั้งชื่อว่า “กล้องราพาโทรนิค” (Rapatronic Camera) ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อเทคโนโลยีในโลกปัจจุบันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้แล้วเขายังเป็นผู้คิดค้นเครื่องตรวจสอบวัตถุใต้น้ำบนพื้นทะเล (Side-Scan Sonar) ที่ ฌาคส์ กุสโต (Jacques Cousteau) ได้ใช้ในการสำรวจทะเลสาบล็อกเนสส์ (Loch Ness) ซึ่งโด่งดังมาจากตำนานเรื่องสัตว์ประหลาดคล้ายไดโนเสาร์ โดยหลังจากนั้นอุปกรณ์ชิ้นนี้ก็ได้ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ค้นพบซากเรสล็อต แตก บ่อยือแทน (Britannic) เรือลูกพี่ลูกน้องของทา ที่ได้อับปางลงในบริเวณทะเลอีเจียน ใกล้ชายฝั่งประเทศกรีซ วันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1904 ฮาโรลด์ ยูจีน เอ็ดเกอร์ตัน” (Harold Eugene Edgerton) ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาบนโลกเป็นครั้งแรก ณ เมืองฟรีมอนต์ รัฐเนแบรสกา สหรัฐอเมริกา ซึ่งเขาฉายแววนักประดิษฐ์มาตั้งแต่วัยเยาว์ จนกระทั่งได้จบการศึกษาระดับปริญญาโทจากคณะวิศวกรรมไฟฟ้า สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts Institute of Technology: MIT) ก่อนจะเข้าเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ เพื่อสอนในวิชาวิศวกรรมไฟฟ้า ในวันหนึ่งของปีค.ศ. 1931 เขาและนักเรียนของเขาได้เปิดสโตรโบสโคปยิงใส่เครื่องพิมพ์และเครื่องจักรที่ใช้สำหรับผลิตกล่อง นาฬิกา และกระดาษ ซึ่งวิธีการนี้ทำให้พวกเขาเริ่มเห็นภาพที่ไม่สามารถเห็นได้ในยามปกติ และจะเห็นได้เฉพาะตอนที่ใช้แฟลชสโตรโบสโคปเท่านั้น โดยก่อนหน้านี้ ช่วงปี ค.ศ.1926 ฮาโรลด์ได้เริ่มต้นศึกษาและทดลองเกี่ยวกับไฟแฟลช (Flash Tube) โดยใช้แก๊สซีนอน ซึ่งทำให้เกิดแฟลชที่มีความเร็วสูงเป็นอย่างมาก โดยสามารถคำนวณความเร็วสูงถึงเศษ 1 ต่อ 1,000,000 ส่วนของวินาที หลังจากนั้นเขาก็ได้นำวิธีการนี้มาคิดค้นการถ่ายภาพความเร็วสูง จนเกิดเป็นชุดของภาพถ่ายในระยะเวลาสั้น ๆ หรือ ที่เขาเรียกว่า ‘ภาพถ่ายความเร็วสูงสโตรโบสโคปิค’ (High-speed stroboscopic photography) อย่างเช่น ภาพของหยดนมแตกกระจาย ภาพกระสุนตัดผ่านลูกแอปเปิล หรือภาพการกระพือปีกของนกฮัมมิงเบิร์ด ซึ่งเป็นภาพที่มีความเร็วสูงกว่าปกติเกินกว่าที่ดวงตาของมนุษย์จะสามารถจับภาพการเคลื่อนไหวทั้งหมดได้ หลังจากนั้นไม่นาน ภาพถ่ายของสิ่งธรรมดา ๆ แต่ดูน่าตระการตากว่าที่เคยเห็นจากที่ไหน ๆ ของฮาโรลด์ก็ได้ถูกจัดแสดงโชว์ไปทั่วทั้งโลก โดยเฉพาะภาพหยดนม ซึ่งถือเป็นภาพโดดเด่นประจำงานนิทรรศการภาพถ่าย ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่แห่งนิวยอร์ก (New York Museum of Modern Art) ในปี ค.ศ. 1937 หลังจากนั้นฮาโรลด์เองก็ได้ถ่ายรูปภาพต่าง ๆ อีกมากมายจนกลายเป็นภาพในตำนานดั่งที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน นอกเหนือจากการศึกษาแฟลช และการถ่ายภาพที่คนไม่สามารถจับภาพได้ด้วยตาเปล่าแล้ว ฮาโรลด์เองก็ยังได้เป็นหนึ่งในผู้ที่ให้การวิเคราะห์แนวคิดใหม่ ๆ แก่นักฟิสิกส์ทั้งหลายในเรื่องการเคลื่อนไหวต่าง ๆ เช่น ของเหลว สภาวะอากาศ และเครื่องยนต์ ซึ่งทางกองทัพของสหรัฐฯ ก็ได้จับตามองการทำงานในด้านนี้ของฮาโรลด์อยู่ด้วย จนกระทั่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เขาจึงได้ถูกทาบทามโดยกองทัพให้สร้างแฟลชอันทรงพลังเพื่อถ่ายภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลางอากาศอย่างภาพการระเบิดของนิวเคลียร์ ระบบตรวจจับวัตถุของฮาโรลด์ทำให้เหล่าฝูงบินของสหรัฐฯ สามารถปฏิบัติภารกิจยามกลางคืนได้ หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญคือตรวจพบการเคลื่อนไหวกองกำลังฝ่ายอักษะที่เคลื่อนกำลังพลท่ามกลางความมืดมิดในช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนวันดีเดย์ หรือวันยกพลขึ้นบกที่ชายหาดนอร์มังดี ประเทศฝรั่งเศส ปี ค.ศ. 1944 ซึ่งเป็นสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำกับเทคโนโลยีในยุคสมัยนั้น ถ้าหากทางกองทัพไม่มีเทคโนโลยีของฮาโรลด์ เหตุการณ์ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับชัยชนะของสหรัฐอเมริกาและชาติฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่สองอีกด้วย ที่มาข้อมูล: Britannica , Lemelson-MITที่มาภาพ: Massachusetts Institute of Technology“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech

เกิดน้ำท่วมขังหลายจุดในเขตเทศบาลนครนครสวรรค์ เกิดน้ำท่วมขังหลายจุดในเขตเทศบาลนครนครสวรรค์ จังหวัดนคร

วันนี้ (6 ต.ค.2566) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีฟื้นนโยบายขยายเวลาเปิดผับ-บาร์ถึง ตี

วันที่ 15 ก.ค.2567 เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้เปิดประตูระบายน้ำ ที่บริเวณอาคารควบคุมน้ำออก

ทุกวันนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักสิ่งที่ถูกเรียกว่า “แฟลช” ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในการถ่ายรูป แต่ใครบ้างจะรู้ว่าคนที่ประดิษฐ์เจ้าสิ่งนี้ เป็นผู้ประดิษฐ์นวัตกรรมสำคัญอีกหลายอย่างที่มีความเกี่ยวข้องกับสิ่งของและเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่รายล้อมอยู่รอบกาย "ฮาโรลด์ เอ็ดเกอร์ตัน" (Harold Edgerton) คือผู้คิดค้นแฟลชที่เราต่างคุ้นหูคุ้นตากันดี ผู้คนตั้งฉายานามให้เขาว่า “เจ้าพ่อแฟลช” (Papa Flash) ฮาโรลด์เป็นวิศวกรด้านไฟฟ้า นักประดิษฐ์ ช่างภาพ และอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัย สถาบันเทคโนโลยีแมตซาชูเซตส์ สาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้า ในบทบาทของนักประดิษฐ์ เขาถือเป็นหนึ่งในผู้มีความสำคัญแก่โลกใบนี้คนหนึ่ง เพราะเขาคือผู้คิดค้นเทคนิคการถ่ายภาพความเร็วสูงสโตรโบสโคปิค (High-Speed Stroboscopic Photography Techniques) ที่ถูกพัฒนาขึ้นจากสโตรโบสโคป (Stroboscope) หรืออุปกรณ์ที่ยิงแสงแฟลช ทำงานโดยการยิงแสงออกมาซ้ำ ๆ เป็นระยะ จนกระทั่งเทคโนโลยีนี้ได้กลายเป็นกล้องถ่ายภาพความเร็วสูงที่ฮาโรลด์ตั้งชื่อว่า “กล้องราพาโทรนิค” (Rapatronic Camera) ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อเทคโนโลยีในโลกปัจจุบันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้แล้วเขายังเป็นผู้คิดค้นเครื่องตรวจสอบวัตถุใต้น้ำบนพื้นทะเล (Side-Scan Sonar) ที่ ฌาคส์ กุสโต (Jacques Cousteau) ได้ใช้ในการสำรวจทะเลสาบล็อกเนสส์ (Loch Ness) ซึ่งโด่งดังมาจากตำนานเรื่องสัตว์ประหลาดคล้ายไดโนเสาร์ โดยหลังจากนั้นอุปกรณ์ชิ้นนี้ก็ได้ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ค้นพบซากเรสล็อต แตก บ่อยือแทน (Britannic) เรือลูกพี่ลูกน้องของทา ที่ได้อับปางลงในบริเวณทะเลอีเจียน ใกล้ชายฝั่งประเทศกรีซ วันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1904 ฮาโรลด์ ยูจีน เอ็ดเกอร์ตัน” (Harold Eugene Edgerton) ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาบนโลกเป็นครั้งแรก ณ เมืองฟรีมอนต์ รัฐเนแบรสกา สหรัฐอเมริกา ซึ่งเขาฉายแววนักประดิษฐ์มาตั้งแต่วัยเยาว์ จนกระทั่งได้จบการศึกษาระดับปริญญาโทจากคณะวิศวกรรมไฟฟ้า สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts Institute of Technology: MIT) ก่อนจะเข้าเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ เพื่อสอนในวิชาวิศวกรรมไฟฟ้า ในวันหนึ่งของปีค.ศ. 1931 เขาและนักเรียนของเขาได้เปิดสโตรโบสโคปยิงใส่เครื่องพิมพ์และเครื่องจักรที่ใช้สำหรับผลิตกล่อง นาฬิกา และกระดาษ ซึ่งวิธีการนี้ทำให้พวกเขาเริ่มเห็นภาพที่ไม่สามารถเห็นได้ในยามปกติ และจะเห็นได้เฉพาะตอนที่ใช้แฟลชสโตรโบสโคปเท่านั้น โดยก่อนหน้านี้ ช่วงปี ค.ศ.1926 ฮาโรลด์ได้เริ่มต้นศึกษาและทดลองเกี่ยวกับไฟแฟลช (Flash Tube) โดยใช้แก๊สซีนอน ซึ่งทำให้เกิดแฟลชที่มีความเร็วสูงเป็นอย่างมาก โดยสามารถคำนวณความเร็วสูงถึงเศษ 1 ต่อ 1,000,000 ส่วนของวินาที หลังจากนั้นเขาก็ได้นำวิธีการนี้มาคิดค้นการถ่ายภาพความเร็วสูง จนเกิดเป็นชุดของภาพถ่ายในระยะเวลาสั้น ๆ หรือ ที่เขาเรียกว่า ‘ภาพถ่ายความเร็วสูงสโตรโบสโคปิค’ (High-speed stroboscopic photography) อย่างเช่น ภาพของหยดนมแตกกระจาย ภาพกระสุนตัดผ่านลูกแอปเปิล หรือภาพการกระพือปีกของนกฮัมมิงเบิร์ด ซึ่งเป็นภาพที่มีความเร็วสูงกว่าปกติเกินกว่าที่ดวงตาของมนุษย์จะสามารถจับภาพการเคลื่อนไหวทั้งหมดได้ หลังจากนั้นไม่นาน ภาพถ่ายของสิ่งธรรมดา ๆ แต่ดูน่าตระการตากว่าที่เคยเห็นจากที่ไหน ๆ ของฮาโรลด์ก็ได้ถูกจัดแสดงโชว์ไปทั่วทั้งโลก โดยเฉพาะภาพหยดนม ซึ่งถือเป็นภาพโดดเด่นประจำงานนิทรรศการภาพถ่าย ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่แห่งนิวยอร์ก (New York Museum of Modern Art) ในปี ค.ศ. 1937 หลังจากนั้นฮาโรลด์เองก็ได้ถ่ายรูปภาพต่าง ๆ อีกมากมายจนกลายเป็นภาพในตำนานดั่งที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน นอกเหนือจากการศึกษาแฟลช และการถ่ายภาพที่คนไม่สามารถจับภาพได้ด้วยตาเปล่าแล้ว ฮาโรลด์เองก็ยังได้เป็นหนึ่งในผู้ที่ให้การวิเคราะห์แนวคิดใหม่ ๆ แก่นักฟิสิกส์ทั้งหลายในเรื่องการเคลื่อนไหวต่าง ๆ เช่น ของเหลว สภาวะอากาศ และเครื่องยนต์ ซึ่งทางกองทัพของสหรัฐฯ ก็ได้จับตามองการทำงานในด้านนี้ของฮาโรลด์อยู่ด้วย จนกระทั่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เขาจึงได้ถูกทาบทามโดยกองทัพให้สร้างแฟลชอันทรงพลังเพื่อถ่ายภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลางอากาศอย่างภาพการระเบิดของนิวเคลียร์ ระบบตรวจจับวัตถุของฮาโรลด์ทำให้เหล่าฝูงบินของสหรัฐฯ สามารถปฏิบัติภารกิจยามกลางคืนได้ หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญคือตรวจพบการเคลื่อนไหวกองกำลังฝ่ายอักษะที่เคลื่อนกำลังพลท่ามกลางความมืดมิดในช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนวันดีเดย์ หรือวันยกพลขึ้นบกที่ชายหาดนอร์มังดี ประเทศฝรั่งเศส ปี ค.ศ. 1944 ซึ่งเป็นสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำกับเทคโนโลยีในยุคสมัยนั้น ถ้าหากทางกองทัพไม่มีเทคโนโลยีของฮาโรลด์ เหตุการณ์ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับชัยชนะของสหรัฐอเมริกาและชาติฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่สองอีกด้วย ที่มาข้อมูล: Britannica , Lemelson-MITที่มาภาพ: Massachusetts Institute of Technology“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech

วันนี้ (4 พ.ค.2568) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น "นิด้าโพล" สถาบันบัณฑิตคณะบริหารศาสตร์ เปิดเผยผลสำรวจเรื่อ