วันนี้ (14 ก.ค.2566) ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย สถาบันคช
2 สิงหาคม 2025 - 08:40
จากกรณีคลิป​ Tiktok​ ที่ชายคนหนึ่งเทน้ำเต้าหู้ทิ้ง
2 สิงหาคม 2025 - 08:40

สล็อต บา คา ร่าเกม ออนไลน์ 918

วันนี้ (3 พ.ค.2567) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขึ้นกล่าวเปิดงาน "10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10" ในหัวข้อ "เติมเพื่อไทยให้เต็ม 10 สนับสนุนรัฐบาลเปลี่ยนประเทศ" ว่า ในนามของหัวหน้าพรรคเพ

"พวกเราต่างก็มองเห็นอนาคตแบบเดียวกัน นั่นคือ การสูญสิ้นเผ่าพันธุ์กะเหรี่ยงในประเทศไทย" พฤ โอโดเชา ปราชญ์ชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่ป่าภาคเหนือ เดินทางจาก อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ มาที่ อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุร

เมียนมา หรือพม่า เป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์การเมืองและการปกครองที่ซับซ้อน ตั้งแต่การเป็นอาณานิคมของอังกฤษ การเผชิญหน้ากับสงครามกลางเมือง และการปกครองภายใต้รัฐบาลทหารยาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ หากมาวิเคราะห์การเมืองการปกครองของเมียนมาในมุมมองทางประวัติศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และความขัดแย้งที่ยังคงอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงความคิดเห็นและมุมมองของนักวิชาการด้านกฏหมายมหาชน ต่อสถานการณ์ในเมียนมา จะสามารถแยกได้ดังนี้ การเมืองและการปกครองของเมียนมา หากเริ่มต้นจากการเป็นอาณานิคมของอังกฤษในปี พ.ศ. 2367 หลังจากสงครามอังกฤษ-พม่า การเป็นอาณานิคมส่งผลให้วัฒนธรรม การปกครอง และเศรษฐกิจของเมียนมาเปลี่ยนไปอย่างมาก และช่วงหลังจากสงครามโลกครั้งที่สองและการได้รับอิสรภาพในปี พ.ศ. 2491 เมียนมาเข้าสู่ยุคการปกครองแบบประชาธิปไตย แต่ก็ไม่นาน จากนั้นเมียนมาต้องเผชิญกับความขัดแย้งภายในและการก่อรัฐประหารโดยทหารในปีพ.ศ.2505 ภายใต้การนำของนายพลเนวิน การปกครองโดยรัฐบาลทหารในเมียนมา ล่วงเลยมายาวนานและเต็มไปด้วยการละเมิดสิทธิมนุษยชน การจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และการปราบปรามประชาชนที่เห็นต่าง ทหารเมียนมาได้วางโครงสร้างการปกครองที่รวมศูนย์อำนาจ และบังคับใช้รัฐนิยมและการควบคุมอย่างเข้มงวด ส่งผลให้เศรษฐกิจและสังคมของประเทศซบเซา และการพัฒนาทางการเมืองถูกหยุดชะงัก ในช่วงปีพ.ศ.2531ในประเทศเมียนมาเริ่มเห็นการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยในประเทศ ประชาชนได้จัดการประท้วงครั้งใหญ่ในเดือนสิงหาคมของปีนั้น หรือที่เรียกกันว่า 8888 Uprising เพื่อต่อต้านรัฐบาลทหาร อย่างไรก็ตาม การประท้วงครั้งนี้ถูกปราบปรามขั้นเด็ดขาดโดยกองทัพ มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก หลังจากการปราบปราม 8888 Uprising รัฐบาลทหารยังคงจัดการปกครองต่อไป และให้มีการจัดการเลือกตั้งในปี พ.ศ.2533 พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) นำโดยอองซานซูจี ได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลาย แต่กองทัพปฏิเสธผลการเลือกตั้งและยังคงยึดอำนาจต่อไป อองซานซูจีถูกกักบริเวณในบ้านเป็นเวลาหลายปี การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้นในปี พ.ศ.2553 เมื่อรัฐบาลทหารภายใต้การนำของประธานาธิบดีเต็งเส่ง ประกาศว่าจะเริ่มกระบวนการปฏิรูปและจัดการเลือกตั้งใหม่ในปี พ.ศ.2554 แม้จะยังคงมีการควบคุมทางทหารอยู่เบื้องหลัง แต่การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นสัญญาณของการเปิดช่องทางให้กับประชาธิปไตย อองซานซูจีได้รับการปล่อยตัวและได้รับอนุญาตให้ลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้ง ทำให้พรรค NLD ชนะการเลือกตั้งในปี พ.ศ.2558 ซึ่งถือเป็นชัยชนะของประชาธิปไตยครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ แม้ว่าจะมีการพยายามเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตย แต่เมียนมายังคงเผชิญกับความขัดแย้งภายในที่รุนแรง โดยเฉพาะปัญหากลุ่มชาติพันธุ์ที่สืบเนื่องมาจากยุคอาณานิคมและยุคสงครามเย็น ทั้งนี้เมียนมามีชนชาติพันธุ์กว่า 135 กลุ่ม โดยกลุ่มชาติพันธุ์ใหญ่ ๆ เช่น ชาวกะเหรี่ยง ชาวคะฉิ่น และชาวชิน ต้องเผชิญกับการปราบปรามจากรัฐบาลกลางมาโดยตลอด ทำให้กองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ต่าง ๆ จึงต่อสู้เพื่ออิสรภาพและความเป็นธรรมในการปกครองตนเอง ส่งผลให้เกิดสงครามกลางเมืองที่ยาวนานและมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง ปัญหาชาติพันธุ์ที่เป็นที่จับตามองมากที่สุดในช่วงหลังคือกรณีของชาวโรฮีนจาหรือที่คนไทยเรียกว่าโรฮิงยา ในรัฐยะไข่ รัฐบาลเมียนมาและกองทัพถูกกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชาวโรฮีนจา ผ่านการกระทำรุนแรง และการบังคับให้มีการอพยพที่ทำให้ผู้คนหลายแสนคนต้องหนีไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างบังกลาเทศ ปัญหานี้ได้กลายเป็นประเด็นระหว่างประเทศที่ทำให้รัฐบาลของนางอองซานซูจี ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง แม้ว่าเธอจะเคยได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ ก็ตาม การเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยของเมียนมาถูกทำลายลงในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2564 เมื่อกองทัพเมียนมา ทำการรัฐประหารยึดอำนาจอีกครั้ง และจับกุมนางอองซานซูจี พร้อมกับผู้นำทางการเมืองคนอื่น ๆ ของ NLD โดยกองทัพให้เหตุผลว่าการเลือกตั้งในปี พ.ศ.2563 ซึ่ง NLD ชนะอย่างถล่มทลายนั้นมีการโกงเลือกตั้ง แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน การรัฐประหารครั้งนี้จุดชนวนให้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่ทั่วประเทศ ประชาชนทุกกลุ่มและทุกวัยออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยผ่านการเดินขบวน การนัดหยุดงาน และการเคลื่อนไหวบนโลกออนไลน์ ขณะที่กองทัพใช้ความรุนแรงปราบปรามอย่างรุนแรง การใช้กำลังอาวุธเพื่อควบคุมการประท้วงทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายพันคน และประเทศกำลังเผชิญกับวิกฤตทางเศรษฐกิจที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จากการถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจากนานาชาติ สถานการณ์ทางการเมืองของเมียนมายังคงมีความไม่แน่นอนและซับซ้อน ความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับกองทัพยังคงดำเนินต่อไป โดยมีกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ เข้าร่วมการต่อสู้กับรัฐบาลทหาร ควบคู่กับประชาชน ทำให้การปฏิรูปประชาธิปไตยที่เคยมีความหวังอาจต้องใช้เวลานานกว่าจะกลับมาอีกครั้ง การแก้ไขปัญหาในเมียนมาอาจต้องเริ่มจากการเจรจาระหว่างกลุ่มต่าง ๆ โดยเฉพาะระหว่างกองทัพกัสล็อต บา คา ร่าเกม ออนไลน์ 918บประชาชนและกลุ่มชาติพันธุ์ นอกจากนี้ การมีส่วนร่วมของประชาคมระหว่างประเทศในการผลักดันให้เกิดการเจรจาและการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนจะมีบทบาทสำคัญในการคลี่คลายวิกฤตที่ยืดเยื้อ วันอาทิตย์ 8 กันยายน 2567 Thaipbs North จะนำเสนอ ย้อนอดีต-มองอนาคตการเมือง-ปกครอง “เมียนมา” /ตอน 2 ในมุมมองของนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์และการเมือง ที่อยู่ในแวดวงการศึกษาและการเมือง รวมถึงผู้ผลักดันเชียงใหม่จัดการตนเอง เกี่ยวกับความขัดแย้งในประเทศเมียนมา รายงาน : ทีมศูนย์ข่าวภาคเหนือ

เมียนมา หรือพม่า เป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์การเมืองและการปกครองที่ซับซ้อน ตั้งแต่การเป็นอาณานิคมของอังกฤษ การเผชิญหน้ากับสงครามกลางเมือง และการปกครองภายใต้รัฐบาลทหารยาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ หากมาวิเครา

วันนี้ (23 ก.พ.2565) นายชัยยุทธ คำคุณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร กล