วันนี้ (18 ธ.ค.2564) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวในรายการรัฐบาลเล่าเรื่อ
วันนี้ (4 พ.ค.2565) นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ดำเนินรายการเรื่องเล่าเช้านี้ โพสต์เฟซบุ๊ก "สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว" รายงานว่า "อplayer pair คือดีตพระกาโตะ" หรือ นายพงศกร จันทร์แก้ว ยอมรับว่า เบิกเงิน
วันนี้ (4 พ.ค.2565) นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ดำเนินรายการเรื่องเล่าเช้านี้ โพสต์เฟซบุ๊ก "สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว" รายงานว่า "อplayer pair คือดีตพระกาโตะ" หรือ นายพงศกร จันทร์แก้ว ยอมรับว่า เบิกเงินวัดไป 6 แสน ในฐานะรักษาการเจ้าอาวาส โดยช่างเป็นคนไปเบิกเงิน เพื่อนำเงินไปให้ "คนกลาง"(จ่ายสีกาตอง และสื่อ) และยืนยันกับ หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรรายการโหนกระแสว่า วันนี้จะนำเงินจากญาติไปคืนให้วัด ยืนยันไม่มีเจตนาเอาเงินวัด แต่เพราะคนกลางเร่งรัด จะเอาเงินให้ได้ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า วันนี้สมาคมฯ ได้ส่งหนังสือร้องเรียนไปยังคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และวุฒิสภา (ส.ว.) เพื่อขอให้เป็นเจ้าภาพในการพิจารณาแก้ไขกฎหมายเพื่อเอาผิดพระและสีกาที่เสพเมถุน อันเป็นการกระทำผิดพระธรรมวินัยขั้นปาราชิก ให้มีโทษทางอาญา ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากกรณีของสมีกาโตะและสีกา ได้ออกมายอมรับกันว่า ได้ร่วมกันเสพเมถุนในรถบนสันเขื่อน จนกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั้งประเทศอยู่ในขณะนี้ จนทำให้พระกาโตะต้องลาสิกขาไปแล้ว กลายเป็นสมี ซึ่งต้องห้ามไม่สามารถกลับมาบวชเป็นพระได้อีกตลอดชีวิต แต่ในทางโลกนั้นกลับไม่มีกฎหมายใด ๆ ที่จะเอาผิดผู้ที่ร่วมกระทำการดังกล่าวได้ แม้จะเป็นการทำให้พระศาสนาเสื่อมเสียอย่างมหาศาลก็ตาม ผิดกับประเทศลาวเพื่อนบ้านเรา ที่เขามีกฎหมายลงโทษผู้ที่กระทำการดังกล่าวในทางอาญาโดยมีโทษจำคุกถึง 3 ปีได้ ซึ่งประเทศไทยเรากลับไม่มีกฎหมายที่บัญญัติเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวโดยตรงเลย มีแต่ประมวลกฎหมายอาญา ลักษณะ 4 เป็นความผิดเกี่ยวกับศาสนา (ม.206-208) แต่ก็เป็นเรื่องของการเหยียดหยามศาสนา ซึ่งเป็นเรื่องของวัตถุหรือสถานอันเป็นที่เคารพในทางศาสนาเท่านั้น ไม่ได้บัญญัติเกี่ยวกับตัวบุคคลแต่อย่างใด หรือการก่อให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในที่ประชุมศาสนิกชนเวลาประชุมกัน นมัสการ หรือกระทำพิธีกรรมตามศาสนา และการแต่งกายหรือใช้เครื่องหมายที่แสดงว่าเป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวชในศาสนาใดโดยมิชอบ เพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนเป็นนักบวชเท่านั้น ไม่ได้มีบทบัญญัติที่จะต้องเอาผิดผู้ที่กระทำการชั่วช้าเลวทรามโดยการเสพเมถุนในขณะเป็นพระ ทำให้ศาสนาเสื่อมเสียแต่อย่างใดเลย ส่วนในเรื่องทรัพย์สินเงินทองของพระที่ได้มาในขณะเป็นพระภิกษุนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม.1623 ระบุไว้แต่เพียงว่า ทรัพย์สินของพระภิกษุที่ได้มาในระหว่างเวลาที่อยู่ในสมณเพศนั้น เมื่อพระภิกษุนั้นถึงแก่มรณภาพ ให้ตกเป็นสมบัติของวัดที่เป็นภูมิลำเนาของพระภิกษุนั้น เว้นไว้แต่พระภิกษุนั้น จะได้จำหน่ายไปในระหว่างชีวิต หรือโดยพินัยกรรม ซึ่งไม่ได้บัญญัติป้องกันมิให้อลัชชีที่แอบเข้ามาบวชเป็นพระเอาผ้าเหลืองบังหน้า หากินสร้างชื่อเสียงมีเงินทองมากมาย จนสามารถนำไปปรนเปรอบำรุงบำเรอสีกา แอบโอนให้กันเป็นหมื่นเป็นแสนได้ หรือแอบนำไปให้ญาติซื้อที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติได้ หรือพระบางรูปเมื่อลาสิกขาแล้ว ยังสามารถขนเอาทรัพย์สินเงินทองติดตามตัวไปด้วย จนสามารถนำไปทำธุรกิจมากมาย โดยกฎหมายไม่สามารถทำอะไรได้ เพื่อเป็นการคุ้มครองพระพุทธศาสนา โดยการมีมาตรการและกลไกในการป้องกันมิให้มีการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาไม่ว่าในรูปแบบใด ๆ ตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 ม.67 กำหนด สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงนำกรณีดังกล่าวร้องเรียนไปยังคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และวุฒิสภา (ส.ว.) เพื่อใช้วิกฤติเป็นโอกาสในการเป็นต้นเรื่องในการเร่งเสนอปรับปรุงแก้ไขกฎหมายดังกล่าว เพื่อยับยั้งและป้องปรามผู้ที่กระทำการดังกล่าวเสียโดยเร็ว อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง "กาโตะ" แฉกลาง "โหนกระแส" อ้างถูกแบล็กเมล์-รับคลิปเสียงจริง "พระกาโตะ" ลาสิกขาแล้ว ระบุ เป็นเพียง "พระนวกะ" อ่อนพระวินัย
ชาวบ้านเร่งขนของหนีหลังดินทรุดที่ อ.เถิน จ.ลำปาง ชาวบ้านริมลำห้วยแม่ตั๊ก อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง เร่งอพยพออกจากบ้าน หลังดินริมตลิ่งลำห้วยทรุดตัว และ แตกร้าวเป็นแนวยาว ชาวบ้านเร่งขนของหนีหลังดินทรุดที่