Home
|
เกม ค่า สิ โน

วันนี้ (16 ส.ค.2567) เวลา 10.00 น. มีการประชุมสภาผ

เกม ค่า สิ โน

วันนี้ (23 เม.ย.2565) นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 3 ลงพื้นที่หาเสียงตลาดย่านเขตสายไหม ยังคงชูประเด็นฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากของชาวกทม. รวมทั้งการจัดการปัญหาด้านการจราจร จากที่เดินพบปะป

วันนี้ (22 ธ.ค.2564) คณะผู้เชี่ยวชาญของกระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลเสนอให้มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 ให้กับผู้ที่อายุ 60 ปีขึ้นไป บุคลากรทางการแพทย์และผู้ที่มีปัญหาระบบภูมิคุ้มกัน แม้ว่าข้อเสนอดังกล่าวจะต้อง

วันนี้ ( 13 ม.ค.2568) นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าไทย กล่าวถึงเศรษฐกิจไทยปี 2568 ว่า ประเด็นสำคัญที่ภาคเอกชนจับตาดูในปีนี้ คือการเข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ วันที่ 20 ม.ค.นี้ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าไทย นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าไทย โดยเฉพาะการดำเนินนโยบายทางการค้า และนโยบายการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าที่อาจจะมีผลกระทบกับหลายประเทศทั่วโลก เชื่อว่า ในช่วงครึ่งปีแรกอาจได้เห็นหลายประเทศเร่งนำเข้าสินค้าก่อนที่จะถูกปรับขึ้นภาษี จึงอาจทำให้ภาพรวมการส่งออกในช่วงครึ่งปีแรกยังมีทิศทางที่ดี ประธานหอการค้ากล่าวอีกว่า แม้ช่วงครึ่งปีแรกจะไม่มีสถานการณ์ที่น่ากังวล แต่ในครึ่งปีหลัง ภาคเอกชนยังมีความกังวลใน 2 ประเด็น คือ เม็ดเงินที่รัฐ บาลจะใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจลดลง และภาวะเศรษฐกิจโลก ที่จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว และการส่งออกของไทยให้ชะลอตัวลงได้ ดังนั้น รัฐบาลต้องหามาตรการเข้ามาช่วยเสริมรายได้ของรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ ถือเป็นความท้าทายที่สุดของรัฐบาลในการหารายได้เพิ่ม คงต้องตามดูว่ารัฐบาลจะหาวิธีไหนที่จะทำให้รายรับเพิ่มขึ้น ทางออก คือ หากรัฐบาลจะปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จาก 7% เป็น 15% อาจจะเป็นไปไม่ได้ แต่อาจจะต้องค่อย ๆ ปรับขึ้นจาก 7% เป็น 8% นายสนั่น กล่าวอีกว่า ส่วนการดูแลเศรษฐกิจในระยะยาว กระทรวงการคลัง แบงก์ชาติ ควรประสานการทำงานร่วมกันในการหาเม็ดเงินเพื่อมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งการหารายได้เข้ามาเติมเต็มให้กับภาครัฐ เพื่อช่วยกันหาทางออก ไม่เช่นนั้น เศรษฐกิจไทยจะไม่มีกระสุน ยิ่งในช่วงครึ่งหลังปีนี้ เป็นสิ่งที่เรากังวลมาก อย่างไรก็ตาม มาตรการที่ รัฐบาลควรนำโครงการ คนละครึ่ง หรือโครงการ คูณสองออกมาใช้เพื่อช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งจะเป็นการดึงเงินจากกระเป๋าของผู้ที่มีกำลังซื้อ ให้ออกมาช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศได้ “โครงการคูณสองเป็นมาตรการที่กกร.ยื่นเสนอให้รัฐบาลดำเนินเพราะมองว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริง เช่นประชาชนใช้จ่ายเงินจำนวน 5,000 บาท รัฐบาลจะสมทบเงินเพิ่มอีก 5,000 บาท ซึ่งมาตรการลักษณะนี้ไม่เพียงช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วยังเป็นการกระจายเม็ดเงินเข้าสู่ระบบโดยไม่ต้องใช้งบประมาณภาครัฐในปริมาณมาก ถือเป็นการกระตุ้นที่มีประสิทธิภาพและช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค” ส่วนเสถียรภาพทางการเมือง หลังจากมีกระแสข่าวว่า จะมีการปรับคณะรัฐมน ตรี (ครม.) ครั้งใหญ่ในเดือนเม.ย. นี้ ถือเป็นเรื่องปกติของรัฐบาล มองว่ารัฐบาลยังมีเสถียรภาพในการบริหารประเทศ แต่ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้าน ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ Chief Economist ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยกรุงไทยฯ ได้ประเมินเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะขยายตัวได้ที่ระดับ 2.7% จากแรงกดดันของสงครามการค้าที่กลับมาเร่งตัวขึ้นและความไม่แน่นอนของทิศทางเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้การส่งออกอาจขยายตัวเพียง 2% ชะลอลงจากปีก่อน แม้ในครึ่งปีแรกคาดว่าจะยังขยายตัวได้ดี แต่ความชัดเจนเรื่องมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ จะกดดันการส่งออกช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบกับปัญหาเชิงโครงสร้างด้านการส่งออกสินค้าที่ยังมีอยู่ท่ามกลางการตีตลาดที่รุนแรงและขยายวงมากขึ้นจากปัจจัย Oversupply ในจีน สำหรับภาคการท่องเที่ยว เป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ คาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติ จะกลับมาใกล้เคียงระดับก่อนโควิด-19 ที่ 39 ล้านคน เช่นเดียวกับการลงทุนภาคเอกชน ที่คาดว่า จะกลับมาขยายตัวตามแนวโน้มการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่เติบโต โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจแห่งอนาคต ขณะที่ภาครัฐมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะมาตรการที่จะทยอยดำเนินการในช่วงครึ่งแรกของปี ทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจเฟส 2 และเฟส 3 รวมถึงมาตรการ Easy E-Receipt ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกมีโมเมนตัมและเติบโตได้ดี อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีหลังยังมีความจำเป็นที่ภาครัฐอาจพิจารณามาตรการเพิ่มเติมเพื่อรับมือกับความผันผวนของเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกรุงไทยฯ ชี้ว่า ปี 2568 จะเป็นจุดพลิกผันสำคัญ (Inflection point) ของเศรษฐกิจไทย โดยมีความท้าทายที่ทุกภาคส่วนต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วนในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น สงครามการค้ารอบใหม่ ที่ทำให้สินค้าส่งออกของไทยที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ สูง และเสี่ยงได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และสินค้าอุตสาหกรรม ที่อาจถูกเก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 40%-60%ขณะที่เศรษฐกิจนอกระบบขนาดใหญ่ ถึง 48% ของจีดีพี ทำให้จำเป็นต้องเร่งผันเศรษฐกิจนอกระบบเข้าสู่ในระบบมากขึ้น เพื่อพลิกศักยภาพเศรษฐกิจไทยให้ดีขึ้น ศูนย์วิจัยกรุงไทยฯยังชี้อีกว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ภายใต้ Perfect Storm ที่รถยนต์สันดาปยากจะกลับไปสู่ยุครุ่งเรือง โดยคาดว่า ยอดผลิตรถยนต์ของไทยในปี 2568-69 อยู่ที่ 1.47-1.53 ล้านคัน/ปี ลดลงจากค่าเฉลี่ยในอดีตกว่า 15% จากปัจจัยด้านกำลังซื้อครัวเรือนไทย กระแส EV และการแข่งขันด้านราคารุนแรง ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวจะพลิกโฉมด้วย Man-made Destination เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่และเพิ่มเม็ดเงินท่องเที่ยวให้สะพัดมากขึ้น ซึ่งคาดว่า ค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ กลุ่ม Man-made ในไทย ปี 2568 จะอยู่ที่ราว 58,300 บาท/คน/ทริป สูงกว่ากรณีนักท่องเที่ยวทั่วไปกว่า 19% และท้ายที่สุด ปลดพันธนาการที่เหนี่ยวรั้งเศรษฐกิจไทย ทั้งความเหลื่อมล้ำทางรายได้ในระดับสูง หนี้ครัวเรือนที่เมื่อรวมกับหนี้นอกระบบสูงถึง 104% ของ GDP ซึ่งต้องยกระดับรายได้ และ Safety Net ของครัวเรือนอย่างเป็นระบบ สอดรับกับมาตรการ คุณสู้ เราช่วย จะช่วยเพิ่มความสามารถในการชำระหนี้ได้อย่างยั่งยืน รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ ก้าวทันกระแสโลกและลดอุปสรรคในการทำธุรกิจ อาทิ Regulatory Guillotineเกม ค่า สิ โน เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ “ปี 2568 เป็นจุดพลิกผัน หรือ Inflection Point ของเศรษฐกิจไทย ที่เป็นทั้งความท้าทายและโอกาส ซึ่งต้องอาศัยการร่วมมือกันของทุกภาคส่วน ในการตั้งคำถามและหาแนวทางในการยกระดับรายได้ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ต่อยอดจากนโยบายระยะสั้นที่ได้ช่วยกระตุกเศรษฐกิจไทยไปแล้วไปปี 2567 ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญในการพลิกโฉมเศรษฐกิจไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน” อ่านข่าว: ท่องเที่ยวไทยปี68 ส่อเสื่อมมนต์ขลัง ทีทีบี แนะรัฐยกระดับดึงนักเที่ยวกลุ่มใหม่ น้ำมัน อาหาร-เครื่องดื่มขึ้น ดันเงินเฟ้อปี67 พุ่ง 0.4% TDRI ชี้เศรษฐกิจไทยปี68 “ไม่ตายแต่ไม่โต” มรสุมการค้า-สงครามทำโลกปั่นป่วน

เจ้าหน้าที่ป่าไม้ปิดประกาศดำเนินคดีรีสอร์ทบุกรุกพื้นที่ป่า เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ปักป้ายแจ้งความดำเนิน

วันนี้ ( 13 ม.ค.2568) นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าไทย กล่าวถึงเศรษฐกิจ

การประชุมร่วมระหว่างอัยการและกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อหาแนวทางคดี ก่อนจะนำไปสู่ออกหมายจับ 3

วันนี้ ( 13 ม.ค.2568) นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าไทย กล่าวถึงเศรษฐกิจไทยปี 2568 ว่า ประเด็นสำคัญที่ภาคเอกชนจับตาดูในปีนี้ คือการเข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ วันที่ 20 ม.ค.นี้ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าไทย นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าไทย โดยเฉพาะการดำเนินนโยบายทางการค้า และนโยบายการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าที่อาจจะมีผลกระทบกับหลายประเทศทั่วโลก เชื่อว่า ในช่วงครึ่งปีแรกอาจได้เห็นหลายประเทศเร่งนำเข้าสินค้าก่อนที่จะถูกปรับขึ้นภาษี จึงอาจทำให้ภาพรวมการส่งออกในช่วงครึ่งปีแรกยังมีทิศทางที่ดี ประธานหอการค้ากล่าวอีกว่า แม้ช่วงครึ่งปีแรกจะไม่มีสถานการณ์ที่น่ากังวล แต่ในครึ่งปีหลัง ภาคเอกชนยังมีความกังวลใน 2 ประเด็น คือ เม็ดเงินที่รัฐ บาลจะใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจลดลง และภาวะเศรษฐกิจโลก ที่จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว และการส่งออกของไทยให้ชะลอตัวลงได้ ดังนั้น รัฐบาลต้องหามาตรการเข้ามาช่วยเสริมรายได้ของรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ ถือเป็นความท้าทายที่สุดของรัฐบาลในการหารายได้เพิ่ม คงต้องตามดูว่ารัฐบาลจะหาวิธีไหนที่จะทำให้รายรับเพิ่มขึ้น ทางออก คือ หากรัฐบาลจะปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จาก 7% เป็น 15% อาจจะเป็นไปไม่ได้ แต่อาจจะต้องค่อย ๆ ปรับขึ้นจาก 7% เป็น 8% นายสนั่น กล่าวอีกว่า ส่วนการดูแลเศรษฐกิจในระยะยาว กระทรวงการคลัง แบงก์ชาติ ควรประสานการทำงานร่วมกันในการหาเม็ดเงินเพื่อมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งการหารายได้เข้ามาเติมเต็มให้กับภาครัฐ เพื่อช่วยกันหาทางออก ไม่เช่นนั้น เศรษฐกิจไทยจะไม่มีกระสุน ยิ่งในช่วงครึ่งหลังปีนี้ เป็นสิ่งที่เรากังวลมาก อย่างไรก็ตาม มาตรการที่ รัฐบาลควรนำโครงการ คนละครึ่ง หรือโครงการ คูณสองออกมาใช้เพื่อช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งจะเป็นการดึงเงินจากกระเป๋าของผู้ที่มีกำลังซื้อ ให้ออกมาช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศได้ “โครงการคูณสองเป็นมาตรการที่กกร.ยื่นเสนอให้รัฐบาลดำเนินเพราะมองว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริง เช่นประชาชนใช้จ่ายเงินจำนวน 5,000 บาท รัฐบาลจะสมทบเงินเพิ่มอีก 5,000 บาท ซึ่งมาตรการลักษณะนี้ไม่เพียงช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วยังเป็นการกระจายเม็ดเงินเข้าสู่ระบบโดยไม่ต้องใช้งบประมาณภาครัฐในปริมาณมาก ถือเป็นการกระตุ้นที่มีประสิทธิภาพและช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค” ส่วนเสถียรภาพทางการเมือง หลังจากมีกระแสข่าวว่า จะมีการปรับคณะรัฐมน ตรี (ครม.) ครั้งใหญ่ในเดือนเม.ย. นี้ ถือเป็นเรื่องปกติของรัฐบาล มองว่ารัฐบาลยังมีเสถียรภาพในการบริหารประเทศ แต่ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้าน ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ Chief Economist ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยกรุงไทยฯ ได้ประเมินเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะขยายตัวได้ที่ระดับ 2.7% จากแรงกดดันของสงครามการค้าที่กลับมาเร่งตัวขึ้นและความไม่แน่นอนของทิศทางเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้การส่งออกอาจขยายตัวเพียง 2% ชะลอลงจากปีก่อน แม้ในครึ่งปีแรกคาดว่าจะยังขยายตัวได้ดี แต่ความชัดเจนเรื่องมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ จะกดดันการส่งออกช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบกับปัญหาเชิงโครงสร้างด้านการส่งออกสินค้าที่ยังมีอยู่ท่ามกลางการตีตลาดที่รุนแรงและขยายวงมากขึ้นจากปัจจัย Oversupply ในจีน สำหรับภาคการท่องเที่ยว เป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ คาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติ จะกลับมาใกล้เคียงระดับก่อนโควิด-19 ที่ 39 ล้านคน เช่นเดียวกับการลงทุนภาคเอกชน ที่คาดว่า จะกลับมาขยายตัวตามแนวโน้มการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่เติบโต โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจแห่งอนาคต ขณะที่ภาครัฐมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะมาตรการที่จะทยอยดำเนินการในช่วงครึ่งแรกของปี ทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจเฟส 2 และเฟส 3 รวมถึงมาตรการ Easy E-Receipt ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกมีโมเมนตัมและเติบโตได้ดี อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีหลังยังมีความจำเป็นที่ภาครัฐอาจพิจารณามาตรการเพิ่มเติมเพื่อรับมือกับความผันผวนของเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกรุงไทยฯ ชี้ว่า ปี 2568 จะเป็นจุดพลิกผันสำคัญ (Inflection point) ของเศรษฐกิจไทย โดยมีความท้าทายที่ทุกภาคส่วนต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วนในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น สงครามการค้ารอบใหม่ ที่ทำให้สินค้าส่งออกของไทยที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ สูง และเสี่ยงได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และสินค้าอุตสาหกรรม ที่อาจถูกเก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 40%-60%ขณะที่เศรษฐกิจนอกระบบขนาดใหญ่ ถึง 48% ของจีดีพี ทำให้จำเป็นต้องเร่งผันเศรษฐกิจนอกระบบเข้าสู่ในระบบมากขึ้น เพื่อพลิกศักยภาพเศรษฐกิจไทยให้ดีขึ้น ศูนย์วิจัยกรุงไทยฯยังชี้อีกว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ภายใต้ Perfect Storm ที่รถยนต์สันดาปยากจะกลับไปสู่ยุครุ่งเรือง โดยคาดว่า ยอดผลิตรถยนต์ของไทยในปี 2568-69 อยู่ที่ 1.47-1.53 ล้านคัน/ปี ลดลงจากค่าเฉลี่ยในอดีตกว่า 15% จากปัจจัยด้านกำลังซื้อครัวเรือนไทย กระแส EV และการแข่งขันด้านราคารุนแรง ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวจะพลิกโฉมด้วย Man-made Destination เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่และเพิ่มเม็ดเงินท่องเที่ยวให้สะพัดมากขึ้น ซึ่งคาดว่า ค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ กลุ่ม Man-made ในไทย ปี 2568 จะอยู่ที่ราว 58,300 บาท/คน/ทริป สูงกว่ากรณีนักท่องเที่ยวทั่วไปกว่า 19% และท้ายที่สุด ปลดพันธนาการที่เหนี่ยวรั้งเศรษฐกิจไทย ทั้งความเหลื่อมล้ำทางรายได้ในระดับสูง หนี้ครัวเรือนที่เมื่อรวมกับหนี้นอกระบบสูงถึง 104% ของ GDP ซึ่งต้องยกระดับรายได้ และ Safety Net ของครัวเรือนอย่างเป็นระบบ สอดรับกับมาตรการ คุณสู้ เราช่วย จะช่วยเพิ่มความสามารถในการชำระหนี้ได้อย่างยั่งยืน รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ ก้าวทันกระแสโลกและลดอุปสรรคในการทำธุรกิจ อาทิ Regulatory Guillotineเกม ค่า สิ โน เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ “ปี 2568 เป็นจุดพลิกผัน หรือ Inflection Point ของเศรษฐกิจไทย ที่เป็นทั้งความท้าทายและโอกาส ซึ่งต้องอาศัยการร่วมมือกันของทุกภาคส่วน ในการตั้งคำถามและหาแนวทางในการยกระดับรายได้ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ต่อยอดจากนโยบายระยะสั้นที่ได้ช่วยกระตุกเศรษฐกิจไทยไปแล้วไปปี 2567 ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญในการพลิกโฉมเศรษฐกิจไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน” อ่านข่าว: ท่องเที่ยวไทยปี68 ส่อเสื่อมมนต์ขลัง ทีทีบี แนะรัฐยกระดับดึงนักเที่ยวกลุ่มใหม่ น้ำมัน อาหาร-เครื่องดื่มขึ้น ดันเงินเฟ้อปี67 พุ่ง 0.4% TDRI ชี้เศรษฐกิจไทยปี68 “ไม่ตายแต่ไม่โต” มรสุมการค้า-สงครามทำโลกปั่นป่วน

วันนี้ (28 พ.ค.2567) ความคืบหน้าเกิดเหตุไฟไหม้อาคารเรียนภายในโรงเรียนวัดอดิศร ต.บึงทองหลาง อ.ลำลูกกา