Home
|
bonus bear 918kiss

วันนี้ (30 พ.ค.2567) ตามที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่

bonus bear 918kiss

วันนี้ (18 เม.ย.2568) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ในฐานะประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน พา กลุ่มผู้เสียหาย 20 คน จากการซื้อขายทองคำจากบริษัทแห่งหนึ่ง 20 คน เข

วันนี้ (14 มี.ค.2567) เวลา 08.30 น. นายทักษิณ ชินวัตร เดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว พร้อมด้วย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พร้อมด้วยสามีและลูกสาว และพยาบาลประจำตัว จากท่าอากาศยานดอนเมือง ไปยัง จ.เชียงใหม่ โดยม

วันนี้ (12 ก.ค.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีระหว่างพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 3 เป็นโจทก์ฟ้อง นายบรรยิน ตั้งภากรณ์ กับพวกรวม 6 คน เป็นจำเลยกรณีใช้กำลังประทุษร้ายเอาตัวพี่ชายของผู้พิพากษา ในคดีโอนหุ้นนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ไปกักขังหน่วงเหนี่ยวและใช้ความปลอดภัยในชีวิตของพี่ชายผู้พิพากษาเป็นข้อต่อรองเรียกค่าไถ่เพื่อข่มขืนใจผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่หรือละเว้นการปฎิบัติตามหน้าที่ ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาโดยถ่ายทอดภาพและเสียงในลักษณะการประชุมทางจอภาพผ่านสัญญาณโทรคมนาคมระหว่างศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางกับเรือนจำกลางบางขวางและเรือนจำกลางคลองเปรม ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า นายบรรยิน จำเลยที่ 1 รับในฎีกาว่า ไม่พอใจโจทก์ร่วมอย่างรุนแรง โดยมีความเชื่อว่า โจทก์ร่วมไม่เป็นกลางจึงทึกทักคือเหมาเอาเป็นจริงเป็นจังว่า ถูกโจทก์ร่วมกลั่นแกล้ง จำเลยที่ 1 ตัดสินใจกระทำการแก้แค้นโจทก์ร่วม แต่เปลี่ยนใจไปลักพาตัวพี่ชาย ของโจทก์ร่วม ไปแทนแล้ววางแผนให้จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นลูกน้อง สะกดรอยติดตามโจทก์ร่วมกับพี่ชายจนทราบที่พัก ประสงค์จะลักพาตัวพี่ชายของโจทก์ร่วมไปเพื่อต่อรองให้โจทก์ร่วมพิพากษาคดีดังกล่าวให้เป็นประโยชน์แก่ตัวเอง เช่นนี้การที่จำเลยที่ 1 คิดวางแผนและไตร่ตรอง เพื่อลักพาตัวพี่ชายของผู้พิพากษาไป แล้วจึงลงมือกระทำความผิดตามแผนโดยมิใช่กระทำไปโดยปัจจุบันทันด่วน บ่งชี้ว่า จำเลยที่1 มีเจตนาฆ่าผู้ตายอันเป็นการไตร่ตรองไว้ก่อน ส่วนจำเลยที่ 4 และ 5 และที่ 6 ก่อนเกิดเหตุจำเลย ที่ 1 บอกให้จำเลยที่ 6 ไปส่งจำเลยที่ 4 และที่ 5 ซึ่งเป็นลูกน้องของจำเลยที่ 6 ไปช่วยงานทวงหนี้ หลังเกิดเหตุจำเลยที่หกมอบเงินค่าตอบแทนการทำงานที่จำเลยที่สี่และที่ห้าและนำเสื้อผ้าของจำเลยที่สี่และที่ห้าที่สวมใส่ในวันเกิดเหตุไปเผาทำลาย พฤติกรรมเหล่านี้ของจำเลยทั้ง 6 ย่อมเป็นอันรับรู้กันในคณะบุคคลเยี่ยงจำเลยทั้ง 6 เป็นอย่างดีว่า การไปทวงหนี้มีความหมายถึงการกระทำอันมิชอบด้วยกฎหมายแก่บุคคลอื่น ตั้งแต่การบังคับข่มขู่ อุ้มหายไปจนถึงการฆ่าเผาหนังยางเพื่อทำลายหลักฐาน คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ถึงที่ 5 ว่ามีเหตุให้รถโทษแก่จำเลยหรือไม่ ศาลระบุว่า คดีนี้จำเลยที่ 3 ถึงที่ 5 ให้การรับสารภาพตั้งแต่ชั้นจับกลุ่มและสอบ โดยจำเลยที่ 3 นำเจ้าพนักงานไปชี้สถานที่เกิดเหตุทั้งหมด เป็นผลให้พนักงานสอบสวนแสวงหาและรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆได้อย่างละเอียดทุกขั้นตอน อ่านข่าว : ศาลฎีกา ยืนประหาร “บรรยิน” ฆ่า “เสี่ยชูวงษ์” ซึ่งศาลล่างทั้งสองก็นำคำให้การรับสารภาพของจำเลยที่ 3 และรับข้อเท็จจริงของจำเลยที่ 4 และที่ 5 มาประกอบดุลพินิจ ช่างน้ำหนักพยานในการรับฟังพยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมเป็นระยะตลอดทั้งเรื่องคำให้การในชั้นจับกลุ่มและชั้นสอบสวนของจำเลยที่สามถึงที่ห้าจึงเป็นการลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานและให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณานับเป็นเหตุบรรเทาโทษโทษ ศาลฎีกาเห็นสมควรลดโทษให้จำเลยที่ 3 ถึงที่ 5 ไปตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชอบแล้วด้วยเหตุนี้จึงมีผลไปถึงจำเลยที่ 2 ซึ่งแม้ให้การปฏิเสธแต่ก็ยอมรับข้อเท็จจริงในส่วนที่อยู่ในความรู้เห็นของตัวเองทั้งสิ้นและมิได้ฎีกา ส่วนจำเลยที่ 1 หรือ นายบรรยิน ให้การรับข้อเท็จจริงภายหลังทราบว่า จำเลยที่3 ถึงที่ 5 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกลุ่มและสอบสวนเป็นการรับข้อเท็จจริงเพราะจำนวนต่อพยานหลักฐาน จึงไม่ถือว่า เป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ประกอบกับพฤติการณ์ของจำเลย ที่1 เคยรับราชการตำรวจ ในตำแหน่งพันตำรวจโท , เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ประกอบกับมีทนายความแก้ต่างให้ย่อมทราบถึงขั้นตอนและกฎหมายวิธีพิจารณาความว่า สามารถใช้สิทธิ์ในการอุทธรณ์และฎีกาคำพิพากษาต่อไปได้ การที่จำเลยที่ 1 ใช้วิธีการที่ผิดบังคับผู้พิพากษา ผู้พิจารณาคดี เพื่อให้กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่และร่วมกับพวกกระทำผิดในที่สาธารณะโดยไม่ยำเกรงต่อกฎหมายจึงถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์ ที่เป็นภัยต่อสังคมโดยรวม และส่งผลกระทบกระเทือนต่อกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรงจึงสมควรลงโทษสถานหนักและไม่ลดโทษให้แก่จำเลยที่หนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษประหารชีวิตจำเลยที่หนึ่งมานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ศาลฎีกาพิพากษาแก้ว่า ลดโทษให้จำเลยที่ 2 - 5 และบังคับโทษตามคำพิพากษา ศาลชั้นต้น จากที่แก้คงเป็นตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้จำคุกจำเลยที่ 2 เป็นเวลา 33 ปี 4 เดือน ส่วนจำเลยที่ 3- 6 ให้จำคุกตลอดชีวิต อ่านข่าว : ปิดคดี "ลุงเปี๊ยก" ประเดิม พ.ร.บ.อุ้มหายbonus bear 918kiss สั่งฟ้อง 8 ตำรวจทำทรมาน ปคบ.-อย. บุกจับแหล่งผลิตโบท็อกปลอม ยึดกลาง 26,000 ชิ้น

วันนี้ (12 ก.ค.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ใ

วันนี้ (26 เม.ย.2565) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนต

วันนี้ (28 พ.ย.2567) ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสระแก้ว พร้อมด้วยตำรวจท่องเที่ยวสระแก้ว และเจ้าหน้าที่ฝ่ายป

วันนี้ (12 ก.ค.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีระหว่างพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 3 เป็นโจทก์ฟ้อง นายบรรยิน ตั้งภากรณ์ กับพวกรวม 6 คน เป็นจำเลยกรณีใช้กำลังประทุษร้ายเอาตัวพี่ชายของผู้พิพากษา ในคดีโอนหุ้นนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ไปกักขังหน่วงเหนี่ยวและใช้ความปลอดภัยในชีวิตของพี่ชายผู้พิพากษาเป็นข้อต่อรองเรียกค่าไถ่เพื่อข่มขืนใจผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่หรือละเว้นการปฎิบัติตามหน้าที่ ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาโดยถ่ายทอดภาพและเสียงในลักษณะการประชุมทางจอภาพผ่านสัญญาณโทรคมนาคมระหว่างศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางกับเรือนจำกลางบางขวางและเรือนจำกลางคลองเปรม ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า นายบรรยิน จำเลยที่ 1 รับในฎีกาว่า ไม่พอใจโจทก์ร่วมอย่างรุนแรง โดยมีความเชื่อว่า โจทก์ร่วมไม่เป็นกลางจึงทึกทักคือเหมาเอาเป็นจริงเป็นจังว่า ถูกโจทก์ร่วมกลั่นแกล้ง จำเลยที่ 1 ตัดสินใจกระทำการแก้แค้นโจทก์ร่วม แต่เปลี่ยนใจไปลักพาตัวพี่ชาย ของโจทก์ร่วม ไปแทนแล้ววางแผนให้จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นลูกน้อง สะกดรอยติดตามโจทก์ร่วมกับพี่ชายจนทราบที่พัก ประสงค์จะลักพาตัวพี่ชายของโจทก์ร่วมไปเพื่อต่อรองให้โจทก์ร่วมพิพากษาคดีดังกล่าวให้เป็นประโยชน์แก่ตัวเอง เช่นนี้การที่จำเลยที่ 1 คิดวางแผนและไตร่ตรอง เพื่อลักพาตัวพี่ชายของผู้พิพากษาไป แล้วจึงลงมือกระทำความผิดตามแผนโดยมิใช่กระทำไปโดยปัจจุบันทันด่วน บ่งชี้ว่า จำเลยที่1 มีเจตนาฆ่าผู้ตายอันเป็นการไตร่ตรองไว้ก่อน ส่วนจำเลยที่ 4 และ 5 และที่ 6 ก่อนเกิดเหตุจำเลย ที่ 1 บอกให้จำเลยที่ 6 ไปส่งจำเลยที่ 4 และที่ 5 ซึ่งเป็นลูกน้องของจำเลยที่ 6 ไปช่วยงานทวงหนี้ หลังเกิดเหตุจำเลยที่หกมอบเงินค่าตอบแทนการทำงานที่จำเลยที่สี่และที่ห้าและนำเสื้อผ้าของจำเลยที่สี่และที่ห้าที่สวมใส่ในวันเกิดเหตุไปเผาทำลาย พฤติกรรมเหล่านี้ของจำเลยทั้ง 6 ย่อมเป็นอันรับรู้กันในคณะบุคคลเยี่ยงจำเลยทั้ง 6 เป็นอย่างดีว่า การไปทวงหนี้มีความหมายถึงการกระทำอันมิชอบด้วยกฎหมายแก่บุคคลอื่น ตั้งแต่การบังคับข่มขู่ อุ้มหายไปจนถึงการฆ่าเผาหนังยางเพื่อทำลายหลักฐาน คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ถึงที่ 5 ว่ามีเหตุให้รถโทษแก่จำเลยหรือไม่ ศาลระบุว่า คดีนี้จำเลยที่ 3 ถึงที่ 5 ให้การรับสารภาพตั้งแต่ชั้นจับกลุ่มและสอบ โดยจำเลยที่ 3 นำเจ้าพนักงานไปชี้สถานที่เกิดเหตุทั้งหมด เป็นผลให้พนักงานสอบสวนแสวงหาและรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆได้อย่างละเอียดทุกขั้นตอน อ่านข่าว : ศาลฎีกา ยืนประหาร “บรรยิน” ฆ่า “เสี่ยชูวงษ์” ซึ่งศาลล่างทั้งสองก็นำคำให้การรับสารภาพของจำเลยที่ 3 และรับข้อเท็จจริงของจำเลยที่ 4 และที่ 5 มาประกอบดุลพินิจ ช่างน้ำหนักพยานในการรับฟังพยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมเป็นระยะตลอดทั้งเรื่องคำให้การในชั้นจับกลุ่มและชั้นสอบสวนของจำเลยที่สามถึงที่ห้าจึงเป็นการลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานและให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณานับเป็นเหตุบรรเทาโทษโทษ ศาลฎีกาเห็นสมควรลดโทษให้จำเลยที่ 3 ถึงที่ 5 ไปตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชอบแล้วด้วยเหตุนี้จึงมีผลไปถึงจำเลยที่ 2 ซึ่งแม้ให้การปฏิเสธแต่ก็ยอมรับข้อเท็จจริงในส่วนที่อยู่ในความรู้เห็นของตัวเองทั้งสิ้นและมิได้ฎีกา ส่วนจำเลยที่ 1 หรือ นายบรรยิน ให้การรับข้อเท็จจริงภายหลังทราบว่า จำเลยที่3 ถึงที่ 5 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกลุ่มและสอบสวนเป็นการรับข้อเท็จจริงเพราะจำนวนต่อพยานหลักฐาน จึงไม่ถือว่า เป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ประกอบกับพฤติการณ์ของจำเลย ที่1 เคยรับราชการตำรวจ ในตำแหน่งพันตำรวจโท , เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ประกอบกับมีทนายความแก้ต่างให้ย่อมทราบถึงขั้นตอนและกฎหมายวิธีพิจารณาความว่า สามารถใช้สิทธิ์ในการอุทธรณ์และฎีกาคำพิพากษาต่อไปได้ การที่จำเลยที่ 1 ใช้วิธีการที่ผิดบังคับผู้พิพากษา ผู้พิจารณาคดี เพื่อให้กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่และร่วมกับพวกกระทำผิดในที่สาธารณะโดยไม่ยำเกรงต่อกฎหมายจึงถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์ ที่เป็นภัยต่อสังคมโดยรวม และส่งผลกระทบกระเทือนต่อกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรงจึงสมควรลงโทษสถานหนักและไม่ลดโทษให้แก่จำเลยที่หนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษประหารชีวิตจำเลยที่หนึ่งมานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ศาลฎีกาพิพากษาแก้ว่า ลดโทษให้จำเลยที่ 2 - 5 และบังคับโทษตามคำพิพากษา ศาลชั้นต้น จากที่แก้คงเป็นตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้จำคุกจำเลยที่ 2 เป็นเวลา 33 ปี 4 เดือน ส่วนจำเลยที่ 3- 6 ให้จำคุกตลอดชีวิต อ่านข่าว : ปิดคดี "ลุงเปี๊ยก" ประเดิม พ.ร.บ.อุ้มหายbonus bear 918kiss สั่งฟ้อง 8 ตำรวจทำทรมาน ปคบ.-อย. บุกจับแหล่งผลิตโบท็อกปลอม ยึดกลาง 26,000 ชิ้น

ดูท่าทางยูเครนปรับตัวไม่ทัน เมื่อเจอกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มา “ลักไก่” เจรจากับผู้นำรัสเซี