"สิระ" ชี้ฝ่ายค้านซักฟอกไม่มีข้อมูลใหม่ เตรียมขอลงมติ

"โครงการรับจำนำข้าว" กลับมาได้รับความสนใจและถูกพูดถึงกันอีกครั้ง หลังจากเมื่อวันที่ 6 พ.ค.2567 ที่ผ่าโจ๊ก เกอร์ 979นมา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ "กินข้าวโชว์" เพื่อพิสูจน์ให้เห็น

วันนี้ (14 พ.ค.2565) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เจ้าหน้าที่ดับเพลิงอินเดียพร้อมรถดับเพลิงเร่งฉีดน

ความคืบหน้ากรณี นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท สว.สำรอง และอดีต สส.พรรคเพื่อไทย ยื่นยุบพรรคภูมิใจไทย​ กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง​ (กกต.) โดยกล่าวหาหัวหน้าพรรคฯ และเลขาธิการพรรค รวมไปถึง สส.กระทำผิดรัฐธรรมนูญก

"โครงการรับจำนำข้าว" กลับมาได้รับความสนใจและถูกพูดถึงกันอีกครั้ง หลังจากเมื่อวันที่ 6 พ.ค.2567 ที่ผ่าโจ๊ก เกอร์ 979นมา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ "กินข้าวโชว์" เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า ข้าวในโครงการรับจำนำข้าวที่เก็บในโกดัง จ.สุรินทร์ มานาน 10 ปี ยังสามารถบริโภคได้ และเป็นการันตีถึงคุณภาพของ "ข้าว" ในสต็อก แต่ก่อนนำมาหุ้งต้องผ่านการซาวน้ำถึง 15 ครั้ง อ่านข่าว : ไขคำตอบ! "ข้าวสาร" เก็บได้นานแค่ไหน ? ประเด็นนี้มีการตั้งคำถามจากประชาชน รวมถึงนักวิชาการถึง "คุณภาพข้าว" ที่เก็บมานานว่า "ปลอดภัย" และ "ได้คุณภาพ" จริงหรือไม่ ขณะที่ข้าวที่เก็บรักษาข้าวในโกดังจะต้องได้มาตรฐาน เป็นสถานที่ต้องมิดชิด เป็นโกดังปิด รวมไปถึงอาจต้องใช้วิธีการ "รมยา" ต่อเนื่องเพื่อปกป้องข้าวในคลังจากสิ่งรบกวน หนึ่งในนั้นคือ "มอด" และวิธีการเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดการปนเปื้อน รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์​ ให้ความเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้ ข้าวเก่า 10 ปี หากตรวจสอบแล้วปลอดภัยก็เอามาทำประโยชน์ได้ แต่สิ่งที่เป็นห่วงนั้นคือ สาร "อะฟลาท็อกซิน" สารก่อมะเร็งที่มีอันตรายมาก สอดคล้องกับ รศ.พันทิพา พงษ์เพียจันทร์ ที่ปรึกษาฝ่ายวิจัยและวิชาการ คณะเกษตรศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นนี้เช่นกัน โดยใจความสำคัญคือ พบว่ามีการวางกระสอบข้าวซ้อนทับกันภายในโกดัง โดยการเก็บข้าวซึ่งบรรจุในกระสอบป่าน มีโอกาสที่จะดูดซึมความชื้นได้ เมื่อวางซ้อนทับกันสูงมากจะยิ่งทำให้อากาศไม่ถ่ายเท ซึ่งส่งเสริมให้ข้าวดูดซึมน้ำกลับ รวมถึงการวางซ้อนกันสูงเช่นนี้ทำให้ไม่สามารถรมยาได้ทั่วถึง จึงทำให้มอดและแมลงเจริญเติบโตได้ ซึ่งมูลของแมลงเหล่านี้นำมาซึ่งการเจริญของเชื้อราและแบคทีเรีย ทำให้ข้าวเน่าและได้รับสารพิษโดยไม่รู้ตัว และ เม็ดข้าวที่ขึ้นราจะมี "สารอะฟลาท็อกซิน" อ่านข่าว : ท้าส่ง "ตัวอย่างข้าว 10 ปี" พิสูจน์แล็บตรวจสารตกค้าง-โภชนาการ วันนี้ เรามาทำความรู้จักกับ "อะฟลาท็อกซิน" ให้มากขึ้นดีกว่า คืออะไร อันตรายแค่ไหน เราสามารถหลีกเลี่ยงหรือป้องกันได้อย่างไร "สารอะฟลาท็อกซิน" มักพบได้ในวัตถุดิบทางการเกษตรที่นำมาแปรรูปและเก็บอย่างไม่เหมาะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ นพ.ประวัฒน์ จันทฤทธิ์ อายุรศาสตร์ทั่วไป ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เคยอธิบายเกี่ยวกับ "สารอะฟลาท็อกซิน" ไว้ว่า องค์การอนามัยโลก กำหนดให้สารชนิดนี้ เป็นสารก่อมะเร็งที่ร้ายแรงมากชนิดหนึ่ง โดยปริมาณเพียง 1 ไมโครกรัม หากได้รับอย่างต่อเนื่องสามารถทำให้เกิดการกลายพันธุ์ในแบคทีเรียและทำให้เกิดมะเร็งในสัตว์ทดลองได้ ทั้งนี้ สารอะฟลาท็อกซิน มักพบได้ในวัตถุดิบทางการเกษตรที่นำมาแปรรูปและเก็บอย่างไม่เหมาะสม มีอะไรบ้างนั้นยกตัวอย่างได้ดังนี้ สำหรับใครที่ได้รับ "สารอะฟลาท็อกซิน" ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการในระยะแรก ๆ แต่จะมาแสดงอาการเมื่อเกิดการเรื้อรังแล้ว อธิบายอีกคือ การกินอาหารที่มีการปนเปื้อนของ "เชื้อรา" แล้วเชื้อรานั้นสร้างสารอะฟลาท็อกซิน ทำให้เกิดการอักเสบของตับเรื้อรัง เกิดภาวะตับแข็ง ก่อเกิดมะเร็งตัง ซึ่งอาจมีผลต่อระบบไต หัวใจ มาถึงตรงนี้หลายคนอาจเริ่มกังวล แล้วจะทำอย่างไรเพื่อเป็นการป้องกันสารตัวนี้ วันนี้มีข้อแนะนำทำได้โดย สุดท้ายควรเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ และสังเกตทุกครั้งก่อนรับประทานอาหารทุกอย่างเพื่อสุขภาพที่ดี อ่านข่าว : ปิดเกาะปลิง! ไม่มีกำหนด ปะการังฟอกขาวหนัก ยังสนุก ตื่นเช้า กทม.เมืองในฝัน “ชัชชาติ” ดันศูนย์กลาง Ecosystem AstraZeneca ถอนใบอนุญาตวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลก

วันนี้ (8 พ.ย.2564) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส กล่าวถึงกรณีมีการเปิดคลับเฮาส์ วิพากษ์วิจารณ์คนอีสานว่า เป็นเรื่องที่ทำให้ประชาชนทั้งประเทศมีความไม่สบายใจอย่า