วันนี้ (19 ต.ค.2567) ฝนที่ตกหนักติดต่อกันในช่วงเย็

วันนี้ (21 ส.ค.2564) ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศไทยรวม 20,571 คน จำแนกเป็นติดเชื้อใหม่ 20,336 คน ติดเชื้อภายในเรือนจำ-ที่ต้องขัง 235 คน หายป่วยกลับบ้านเพิ่ม 23,159 คน และเส
พลังภาคีเครือข่ายตั้งศูนย์ “บ้านอาสาใจดี” ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม อบรม “EMBall-ต่อเรือแพ-เสื้อชูชีพ-ส้วมเก้าอี้” รับมือสถานการณ์ พลังภาคีเครือข่ายตั้งศูนย์ “บ้านอาสาใจดี” ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่
พลังภาคีเครือข่ายตั้งศูนย์ “บ้านอาสาใจดี” ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม อบรม “EMBall-ต่อเรือแพ-เสื้อชูชีพ-ส้วมเก้าอี้” รับมือสถานการณ์ พลังภาคีเครือข่ายตั้งศูนย์ “บ้านอาสาใจดี” ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายเพื่อวางแผนการดำเนินการช่วยเหลือเพื่อนภาคี สสส.และประชาชนทั่วไปที่ประสบภัยน้ำท่วม โดยทพ.กฤษดา เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาได้ประสานภาคีเครือข่ายทั่วประเทศ เพื่อสอบถามถึงสถานการณ์อุทกภัยในแต่ละพื้นที่ เบื้องต้นมีภาคีเครือข่ายจำนวนหนึ่งที่ประสบปัญหาน้ำท่วม และพบว่าความเดือดร้อนได้ขยายวงกว้างขึ้น ดังนั้น สสส.จึงได้ประสานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง อาทิ ศูนย์ข้อมูลเพื่อการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (Thaiflood) เครือข่ายองค์กรงดเหล้า มูลนิธิสุขภาพไทย มูลนิธิโกมล คีมทอง และภาคีเครือข่ายอื่นๆ เพื่อวางแผนดำเนินการช่วยเหลือเพื่อนภาคี สสส.และประชาชนที่ประสบอุทกภัย โดยขอเปิดใช้อาคารบรรษัทบริหารสินทรัพย์ (บบส.) ปากซอยพหลโยธิน 3 (สามารถลงบีทีเอสสนามเป้าประตูทางออก 3) เป็น “บ้านอาสาใจดี” (ศูนย์อาสาสมัครเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย) ทำหน้าที่เชื่อมโยงอาสาสมัคร ระดมทุนและความช่วยเหลือ โดยจะเริ่มเปิดดำเนินการตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค.เวลา 10.00-20.00 น. “ทั้งเป็นจุดรับบริจาคสิ่งของที่จำเป็น อาหารแห้ง ยาเวชภัณฑ์ ยากันยุง เทียนไข ผ้าอนามัย เป็นต้น พร้อมทั้งยังมีการบรรจุถุงยังชีพ และจัดกิจกรรม workshop การทำลูกบอลชีวภาพบำบัดน้ำเสีย (EMBall) ส้วมเก้าอี้ เรือแพ เสื้อชูชีพ และเครื่องกรองน้ำ อย่างไรก็ตาม ทางศูนย์ฯ ยังได้เตรียม “ธงเขียว” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ช่วยเหลือฉุกเฉินคนป่วย – คนชรา เพื่อนำไปกระจายต่อยังชุมชนที่ได้รับความเดือดร้อน โดยสามารถนำมาติดไว้ที่บริเวณหน้าบ้าน ในจุดที่สังเกตง่าย เพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้แก่ภาครัฐและเอกชน ในการให้ความช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วนและทั่วถึง นอกจากนี้ จะได้มีการรวบรวมข้อมูล อาทิ การป้องกันโรคที่มาจากน้ำ การปฏิบัติตนในระหว่างเกิดภัยพิบัติ การทำเครื่องกรองน้ำ การสร้างเรือแพด้วยวัสดุเหลือใช้ เพื่อจัดทำเป็นชุดความรู้เผยแพร่ไปยังช่องทางต่างๆ อาทิ โซเชียล เนตเวิร์ค และสื่อสาธารณะ เพื่อให้ถึงผู้ประสบภัยให้มากที่สุดด้วย” ทพ.กฤษดา กล่าว ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายเพื่อวางแผนการดำเนินการช่วยเหลือเพื่อนภาคี สสส.และประชาชนทั่วไปที่ประสบภัยน้ำท่วม โดยทพ.กฤษดา เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาได้ประสานภาคีเครือข่ายทั่วประเทศ เพื่อสอบถามถึงสถานการณ์อุทกภัยในแต่ละพื้นที่ เบื้องต้นมีภาคีเครือข่ายจำนวนหนึ่งที่ประสบปัญหาน้ำท่วม และพบว่าความเดือดร้อนได้ขยายวงกว้างขึ้น ดังนั้น สสส.จึงได้ประสานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง อาทิ ศูนย์ข้อมูลเพื่อการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (Thaiflood) เครือข่ายองค์กรงดเหล้า มูลนิธิสุขภาพไทย มูลนิธิโกมล คีมทอง และภาคีเครือข่ายอื่นๆ เพื่อวางแผนดำเนินการช่วยเหลือเพื่อนภาคี สสส.และประชาชนที่ประสบอุทกภัย โดยขอเปิดใช้อาคารบรรษัทบริหารสินทรัพย์ (บบส.) ปากซอยพหลโยธิน 3 (สามารถลงบีทีเอสสนามเป้าประตูทางออก 3) เป็น “บ้านอาสาใจดี” (ศูนย์อาสาสมัครเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย) ทำหน้าที่เชื่อมโยงอาสาสมัคร ระดมทุนและความช่วยเหลือ โดยจะเริ่มเปิดดำเนินการตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค.เวลา 10.00-20.00 น. “ทั้งเป็นจุดรับบริจาคสิ่งของที่จำเป็น อาหารแห้ง ยาเวชภัณฑ์ ยากันยุง เทียนไข ผ้าอนามัย เป็นต้น พร้อมทั้งยังมีการบรรจุถุงยังชีพ และจัดกิจกรรม workshop การทำลูกบอลชีวภาพบำบัดน้ำเสีย (EMBall) ส้วมเก้าอี้ เรือแพ เสื้อชูชีพ และเครื่องกรองน้ำ อย่างไรสมัคร ใหม่ รับ เครดิต ฟรี ทันที 50 บาทฝาก 50 รับ 100 ถอน ขั้น ต่ำ 300ก็ตาม ทางศูนย์ฯ ยังได้เตรียม “ธงเขียว” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ช่วยเหลือฉุกเฉินคนป่วย – คนชรา เพื่อนำไปกระจายต่อยังชุมชนที่ได้รับความเดือดร้อน โดยสามารถนำมาติดไว้ที่บริเวณหน้าบ้าน ในจุดที่สังเกตง่าย เพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้แก่ภาครัฐและเอกชน ในการให้ความช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วนและทั่วถึง นอกจากนี้ จะได้มีการรวบรวมข้อมูล อาทิ การป้องกันโรคที่มาจากน้ำ การปฏิบัติตนในระหว่างเกิดภัยพิบัติ การทำเครื่องกรองน้ำ การสร้างเรือแพด้วยวัสดุเหลือใช้ เพื่อจัดทำเป็นชุดความรู้เผยแพร่ไปยังช่องทางต่างๆ อาทิ โซเชียล เนตเวิร์ค และสื่อสาธารณะ เพื่อให้ถึงผู้ประสบภัยให้มากที่สุดด้วย” ทพ.กฤษดา กล่าว
ที่ดินเนื้อที่ประมาณ 7 ไร่ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย บริเวณใกล้กับสถานีรถไฟเชียงใหม่ บน ถ.เจริญเมือง ห
วันนี้ (24 พ.ย.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรื
วันนี้ (19 ก.ย.2567) นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์
พลังภาคีเครือข่ายตั้งศูนย์ “บ้านอาสาใจดี” ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม อบรม “EMBall-ต่อเรือแพ-เสื้อชูชีพ-ส้วมเก้าอี้” รับมือสถานการณ์ พลังภาคีเครือข่ายตั้งศูนย์ “บ้านอาสาใจดี” ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายเพื่อวางแผนการดำเนินการช่วยเหลือเพื่อนภาคี สสส.และประชาชนทั่วไปที่ประสบภัยน้ำท่วม โดยทพ.กฤษดา เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาได้ประสานภาคีเครือข่ายทั่วประเทศ เพื่อสอบถามถึงสถานการณ์อุทกภัยในแต่ละพื้นที่ เบื้องต้นมีภาคีเครือข่ายจำนวนหนึ่งที่ประสบปัญหาน้ำท่วม และพบว่าความเดือดร้อนได้ขยายวงกว้างขึ้น ดังนั้น สสส.จึงได้ประสานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง อาทิ ศูนย์ข้อมูลเพื่อการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (Thaiflood) เครือข่ายองค์กรงดเหล้า มูลนิธิสุขภาพไทย มูลนิธิโกมล คีมทอง และภาคีเครือข่ายอื่นๆ เพื่อวางแผนดำเนินการช่วยเหลือเพื่อนภาคี สสส.และประชาชนที่ประสบอุทกภัย โดยขอเปิดใช้อาคารบรรษัทบริหารสินทรัพย์ (บบส.) ปากซอยพหลโยธิน 3 (สามารถลงบีทีเอสสนามเป้าประตูทางออก 3) เป็น “บ้านอาสาใจดี” (ศูนย์อาสาสมัครเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย) ทำหน้าที่เชื่อมโยงอาสาสมัคร ระดมทุนและความช่วยเหลือ โดยจะเริ่มเปิดดำเนินการตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค.เวลา 10.00-20.00 น. “ทั้งเป็นจุดรับบริจาคสิ่งของที่จำเป็น อาหารแห้ง ยาเวชภัณฑ์ ยากันยุง เทียนไข ผ้าอนามัย เป็นต้น พร้อมทั้งยังมีการบรรจุถุงยังชีพ และจัดกิจกรรม workshop การทำลูกบอลชีวภาพบำบัดน้ำเสีย (EMBall) ส้วมเก้าอี้ เรือแพ เสื้อชูชีพ และเครื่องกรองน้ำ อย่างไรก็ตาม ทางศูนย์ฯ ยังได้เตรียม “ธงเขียว” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ช่วยเหลือฉุกเฉินคนป่วย – คนชรา เพื่อนำไปกระจายต่อยังชุมชนที่ได้รับความเดือดร้อน โดยสามารถนำมาติดไว้ที่บริเวณหน้าบ้าน ในจุดที่สังเกตง่าย เพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้แก่ภาครัฐและเอกชน ในการให้ความช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วนและทั่วถึง นอกจากนี้ จะได้มีการรวบรวมข้อมูล อาทิ การป้องกันโรคที่มาจากน้ำ การปฏิบัติตนในระหว่างเกิดภัยพิบัติ การทำเครื่องกรองน้ำ การสร้างเรือแพด้วยวัสดุเหลือใช้ เพื่อจัดทำเป็นชุดความรู้เผยแพร่ไปยังช่องทางต่างๆ อาทิ โซเชียล เนตเวิร์ค และสื่อสาธารณะ เพื่อให้ถึงผู้ประสบภัยให้มากที่สุดด้วย” ทพ.กฤษดา กล่าว ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายเพื่อวางแผนการดำเนินการช่วยเหลือเพื่อนภาคี สสส.และประชาชนทั่วไปที่ประสบภัยน้ำท่วม โดยทพ.กฤษดา เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาได้ประสานภาคีเครือข่ายทั่วประเทศ เพื่อสอบถามถึงสถานการณ์อุทกภัยในแต่ละพื้นที่ เบื้องต้นมีภาคีเครือข่ายจำนวนหนึ่งที่ประสบปัญหาน้ำท่วม และพบว่าความเดือดร้อนได้ขยายวงกว้างขึ้น ดังนั้น สสส.จึงได้ประสานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง อาทิ ศูนย์ข้อมูลเพื่อการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (Thaiflood) เครือข่ายองค์กรงดเหล้า มูลนิธิสุขภาพไทย มูลนิธิโกมล คีมทอง และภาคีเครือข่ายอื่นๆ เพื่อวางแผนดำเนินการช่วยเหลือเพื่อนภาคี สสส.และประชาชนที่ประสบอุทกภัย โดยขอเปิดใช้อาคารบรรษัทบริหารสินทรัพย์ (บบส.) ปากซอยพหลโยธิน 3 (สามารถลงบีทีเอสสนามเป้าประตูทางออก 3) เป็น “บ้านอาสาใจดี” (ศูนย์อาสาสมัครเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย) ทำหน้าที่เชื่อมโยงอาสาสมัคร ระดมทุนและความช่วยเหลือ โดยจะเริ่มเปิดดำเนินการตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค.เวลา 10.00-20.00 น. “ทั้งเป็นจุดรับบริจาคสิ่งของที่จำเป็น อาหารแห้ง ยาเวชภัณฑ์ ยากันยุง เทียนไข ผ้าอนามัย เป็นต้น พร้อมทั้งยังมีการบรรจุถุงยังชีพ และจัดกิจกรรม workshop การทำลูกบอลชีวภาพบำบัดน้ำเสีย (EMBall) ส้วมเก้าอี้ เรือแพ เสื้อชูชีพ และเครื่องกรองน้ำ อย่างไรสมัคร ใหม่ รับ เครดิต ฟรี ทันที 50 บาทฝาก 50 รับ 100 ถอน ขั้น ต่ำ 300ก็ตาม ทางศูนย์ฯ ยังได้เตรียม “ธงเขียว” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ช่วยเหลือฉุกเฉินคนป่วย – คนชรา เพื่อนำไปกระจายต่อยังชุมชนที่ได้รับความเดือดร้อน โดยสามารถนำมาติดไว้ที่บริเวณหน้าบ้าน ในจุดที่สังเกตง่าย เพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้แก่ภาครัฐและเอกชน ในการให้ความช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วนและทั่วถึง นอกจากนี้ จะได้มีการรวบรวมข้อมูล อาทิ การป้องกันโรคที่มาจากน้ำ การปฏิบัติตนในระหว่างเกิดภัยพิบัติ การทำเครื่องกรองน้ำ การสร้างเรือแพด้วยวัสดุเหลือใช้ เพื่อจัดทำเป็นชุดความรู้เผยแพร่ไปยังช่องทางต่างๆ อาทิ โซเชียล เนตเวิร์ค และสื่อสาธารณะ เพื่อให้ถึงผู้ประสบภัยให้มากที่สุดด้วย” ทพ.กฤษดา กล่าว
จากกรณีครอบครัวใน จ.ฉะเชิงเทรา ใช้นมข้นหวานเลี้ยงทารกอายุ 3 เดือน ต่อมาพบว่า ลูกคนที่ 6 เสียชีวิต ซึ