วันนี้ (13 ก.พ.2567) สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน

วันนี้ (18 พ.ย.2564) พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (ผบช.ทท.) กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้จัดทำโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 กระตุ้นเศรษฐกิจ การใช้จ่ายภาคประชาชน ผ่านการท่องเที่ยวภายในประ
วันนี้ (11 มิ.ย.2567) บรรยากาศบริเวณแฟนโซน หน้าสนามราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งอยู่ข้างอินดอร์สเตเดียม หัวหมาก เป็นที่ตั้งจอขนาดยักษ์ เพื่อรองรับแฟนบอลไทยที่ไม่มีตั๋วเข้าชมการแข่งขัน ซึ่งจำหน่ายหมดไปเเล้วก่
ประชาธิปไตยในสหรัฐอเมริกาได้ถอยหลังลงคลอง ภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ค่อย ๆ แปลงร่างเป็นรัฐกึ่งเผด็จการอย่างชัดเจน มีการบ่อนทำลายความเป็นอิสระของตุลาการ การแทรก แซงข้าราชการประจำ และการควบคุมสื่อ (แบ่งขั้วสื่อ) พยายามขัดขวางอำนาจศาล มองข้ามความเห็นชอบของสภาคองเกรส รวมทั้งยังรวบอำนาจให้กับพรรคพวกของตัวเองที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เพื่อตั้งใจล้างแค้นข้าราชการหรือนักการเมืองที่เคยเอาโทษหรือวิจารณ์ทรัมป์มาก่อน ที่เลวร้ายที่สุดคือ ชัยชนะของทรัมป์ส่งสัญญาณผิด ๆ ให้ผู้นำเผด็จการทั่วโลก ว่าสหรัฐฯ ไม่สนใจบทบาทผู้ส่งเสริมประชาธิปไตยแบบสมัยก่อนที่ดำเนินมานานถึง 70 ปี ทรัมป์ได้กลับมาสนับสนุนผู้นำที่มีความคิดเป็นทรราช เช่น วลาดีมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เป็นต้น ได้ตัดงบสนับสนุนประชาธิปไตยทั่วโลกอย่างฉับพลัน ทำให้กิจกรรมภาคประชาสังคมทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทย ต้องหยุดชะงัก คำถามต่อไปคือ คนอเมริกันจะสู้เพื่อปกป้องประชาธิปไตยแบบที่ประเทศกำลังพัฒนากำลังต่อสู้อยู่หรือไม่ ที่ผ่านมา สหรัฐฯ มีแต่สั่งสอนประเทศอื่นและต่อว่าประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในโกลบอลเซาท์ (Global South) ว่าไม่ได้เป็นประชาธิปไตย ทรัมป์ได้เริ่มกระบวนการจัดการกับคนหนุ่มสาวที่มีความคิดก้าวหน้า ไม่ว่า จะอยู่ในสถาบันการทำงานหรือสถานศึกษาก็ตาม มีการตามตัวมาเล่นงานในทุกระดับ เช่น อาจารย์หรือนักศึกษาที่มีความคิดก้าวหน้า จะถูกบังคับหรือกดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง คนต่างชาติก็ถูกถอดถอนใบเขียวหรือวีซ่า จนทำให้คนกลุ่มนี้ที่เหลือไม่อยากแสดงตัวตนหรือพยา ยามถอยตัวออกห่าง ขณะนี้ นักสู้เพื่อประชาธิปไตยก้าวหน้าที่สุดในสหรัฐฯ คือ นักการเมืองชายสูงอายุ 83 ปี จากรัฐเวอร์มอนต์ วุฒิสมาชิกสหรัฐ “เบอร์นี แซนเดอร์ส” นั้นเอง ตั้งแต่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง เขาได้ออกมารณรงค์และสู้ตายอยู่คนเดียว เขาประกาศอย่างชัดเจนว่าศัตรูร้ายกาจที่สุดของการปกครองแบบประชาธิปไตยของสหรัฐฯ ขณะนี้ คือตัวประธานาธิบดีคนปัจจุบันนั่นเอง หัวก้าวหน้าบางคนที่มีบทบาทในภาคประชาสังคมของสหรัฐฯ กำลังรวมตัวกัน และคงจะหาโอกาสแสดงตัวและต่อสู้กับแนวโน้มเผด็จการของทรัมป์ในอนาคต แต่คงไม่ออกมาในรูปแบบเดิม เช่นการเดินขบวนหรือประท้วงแบบในสมัยก่อน คงใช้สื่อโซเชียลเป็นหลัก และการให้ความรู้แก่คนที่มีสิทธิเลือกตั้ง แต่น่าเสียดายคนส่วนใหญ่ที่ออกมาต่อสู้กลับเป็นวัยกลางคน ในภูมิภาคอาเซียน การฟื้นฟูและปกป้องสถาบันประชาธิปไตยขึ้นอยู่กับการมีส่วนร่วมของพลเมือง การปกป้องความเป็นอิสระของตุลาการ และการสนับสนุนสื่อเสรี ซึ่งเป็นกลไกต่อต้านแนวโน้มเผด็จการ ตอนนี้ต้องส่งเสริมกระบวนการตรวจสอบให้เข้มแข็งมากขึ้น คำตอบชัดเจนมากคือ ไม่ได้แล้ว อนาคตของประชาธิปไตยไม่อาจพึ่งพาสหรัฐฯ ได้เหมือนเดิมอีกต่อไป คนอเมริกันกำลังสับสน ความคิดถูกแบ่งแยกอย่างรุนแรง หลายคนไม่เห็นตรงกัน แม้แต่ในนิยามคำว่า “ประชาธิปไตย” บางฝ่ายคิดว่าการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยคือการปกป้องสิทธิเลือกตั้งและเสรีภาพของสื่อ ขณะที่อีกฝ่ายกลับเชื่อว่าคือการล้างบางกลุ่มอำนาจที่ถูกตราหน้าว่าเป็น “deep state” หรือการรื้อฟื้นอำนาจแบบอนุรักษนิยม เป็นเรื่องเร่งด่วน จึงเกิดความย้อนแย้งที่ชัดเจนในสหรัฐฯ ในอดีตอเมริกาเคยคิดว่า หากตนแสดงความเป็นผู้นำ โลกก็จะเดินตามแนวทางประชาธิปไตยได้สำเร็จ แต่ในวันนี้ โลกกำลังจับตามองว่า อเมริกาเองจะรักษาประชาธิปไตยไว้ได้หรือไม่ และบางประเทศก็เริ่มตั้งคำถามว่า แบบอย่างของอเมริกานั้น ยังควรค่าแก่การเอาเยี่ยงอย่างอยู่หรือเปล่า ฉะนั้น ประเทศต่าง ๆ ที่มักอ้างอิงประชาธิปไตยของสหรัฐฯ มาเป็นโมเดล ควรคิดดูให้ดี แต่ละประเทศมีข้อได้เปรียบและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน สิ่งจำเป็นในสังคมต้องมีคือการเคารพและปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ประชาชนมีที่อยู่อาศัยและที่ทำมาหากินอย่างมีศักดิ์ศรี และสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ มีเสรีภาพควบคู่กับความรับผิดชอบ คุณสมบัติเหล่านี้มีคุณค่าความเป็นประชาธิปไตยเท่าเทผล รางวัล กินแบ่ง รัฐบาล ล่าสุดียมกับของสหรัฐฯมิใช่เหรอ มองเทศคิดไทย : กวี จงกิจถาวร สื่อมวลชนอาวุโส อ่านข่าว จับกระแสการเมือง : วันที่ 21 มี.ค.2568 ฝ่ายค้าน "ลับมีดรอ" ศึกซักฟอก "แพทองธาร" พีระพันธุ์ โพสต์ เบิร์ธเดย์ "ลุงตู่" จับกระแสการเมือง : วันที่ 19 มี.ค.2568 "คอยฟังซิ" ลุงป้อมหงายไพ่การเมือง-หมัดเด็ดปชน.น็อก "แพทองธาร" ความลับโลกหลังกำแพง "ช่องรอด" นักโทษ พ้นเรือนจำ-เรือนตาย
วันนี้ (17 พ.ค.2565) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม. รับทราบรายงาน
วันนี้ (7 เม.ย.2568) การรื้อถอนซากอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และ การค้นหาผู้ติดค้าง หยุดลงในช่ว
ประชาธิปไตยในสหรัฐอเมริกาได้ถอยหลังลงคลอง ภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ค่อย ๆ แปล
ประชาธิปไตยในสหรัฐอเมริกาได้ถอยหลังลงคลอง ภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ค่อย ๆ แปลงร่างเป็นรัฐกึ่งเผด็จการอย่างชัดเจน มีการบ่อนทำลายความเป็นอิสระของตุลาการ การแทรก แซงข้าราชการประจำ และการควบคุมสื่อ (แบ่งขั้วสื่อ) พยายามขัดขวางอำนาจศาล มองข้ามความเห็นชอบของสภาคองเกรส รวมทั้งยังรวบอำนาจให้กับพรรคพวกของตัวเองที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เพื่อตั้งใจล้างแค้นข้าราชการหรือนักการเมืองที่เคยเอาโทษหรือวิจารณ์ทรัมป์มาก่อน ที่เลวร้ายที่สุดคือ ชัยชนะของทรัมป์ส่งสัญญาณผิด ๆ ให้ผู้นำเผด็จการทั่วโลก ว่าสหรัฐฯ ไม่สนใจบทบาทผู้ส่งเสริมประชาธิปไตยแบบสมัยก่อนที่ดำเนินมานานถึง 70 ปี ทรัมป์ได้กลับมาสนับสนุนผู้นำที่มีความคิดเป็นทรราช เช่น วลาดีมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เป็นต้น ได้ตัดงบสนับสนุนประชาธิปไตยทั่วโลกอย่างฉับพลัน ทำให้กิจกรรมภาคประชาสังคมทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทย ต้องหยุดชะงัก คำถามต่อไปคือ คนอเมริกันจะสู้เพื่อปกป้องประชาธิปไตยแบบที่ประเทศกำลังพัฒนากำลังต่อสู้อยู่หรือไม่ ที่ผ่านมา สหรัฐฯ มีแต่สั่งสอนประเทศอื่นและต่อว่าประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในโกลบอลเซาท์ (Global South) ว่าไม่ได้เป็นประชาธิปไตย ทรัมป์ได้เริ่มกระบวนการจัดการกับคนหนุ่มสาวที่มีความคิดก้าวหน้า ไม่ว่า จะอยู่ในสถาบันการทำงานหรือสถานศึกษาก็ตาม มีการตามตัวมาเล่นงานในทุกระดับ เช่น อาจารย์หรือนักศึกษาที่มีความคิดก้าวหน้า จะถูกบังคับหรือกดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง คนต่างชาติก็ถูกถอดถอนใบเขียวหรือวีซ่า จนทำให้คนกลุ่มนี้ที่เหลือไม่อยากแสดงตัวตนหรือพยา ยามถอยตัวออกห่าง ขณะนี้ นักสู้เพื่อประชาธิปไตยก้าวหน้าที่สุดในสหรัฐฯ คือ นักการเมืองชายสูงอายุ 83 ปี จากรัฐเวอร์มอนต์ วุฒิสมาชิกสหรัฐ “เบอร์นี แซนเดอร์ส” นั้นเอง ตั้งแต่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง เขาได้ออกมารณรงค์และสู้ตายอยู่คนเดียว เขาประกาศอย่างชัดเจนว่าศัตรูร้ายกาจที่สุดของการปกครองแบบประชาธิปไตยของสหรัฐฯ ขณะนี้ คือตัวประธานาธิบดีคนปัจจุบันนั่นเอง หัวก้าวหน้าบางคนที่มีบทบาทในภาคประชาสังคมของสหรัฐฯ กำลังรวมตัวกัน และคงจะหาโอกาสแสดงตัวและต่อสู้กับแนวโน้มเผด็จการของทรัมป์ในอนาคต แต่คงไม่ออกมาในรูปแบบเดิม เช่นการเดินขบวนหรือประท้วงแบบในสมัยก่อน คงใช้สื่อโซเชียลเป็นหลัก และการให้ความรู้แก่คนที่มีสิทธิเลือกตั้ง แต่น่าเสียดายคนส่วนใหญ่ที่ออกมาต่อสู้กลับเป็นวัยกลางคน ในภูมิภาคอาเซียน การฟื้นฟูและปกป้องสถาบันประชาธิปไตยขึ้นอยู่กับการมีส่วนร่วมของพลเมือง การปกป้องความเป็นอิสระของตุลาการ และการสนับสนุนสื่อเสรี ซึ่งเป็นกลไกต่อต้านแนวโน้มเผด็จการ ตอนนี้ต้องส่งเสริมกระบวนการตรวจสอบให้เข้มแข็งมากขึ้น คำตอบชัดเจนมากคือ ไม่ได้แล้ว อนาคตของประชาธิปไตยไม่อาจพึ่งพาสหรัฐฯ ได้เหมือนเดิมอีกต่อไป คนอเมริกันกำลังสับสน ความคิดถูกแบ่งแยกอย่างรุนแรง หลายคนไม่เห็นตรงกัน แม้แต่ในนิยามคำว่า “ประชาธิปไตย” บางฝ่ายคิดว่าการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยคือการปกป้องสิทธิเลือกตั้งและเสรีภาพของสื่อ ขณะที่อีกฝ่ายกลับเชื่อว่าคือการล้างบางกลุ่มอำนาจที่ถูกตราหน้าว่าเป็น “deep state” หรือการรื้อฟื้นอำนาจแบบอนุรักษนิยม เป็นเรื่องเร่งด่วน จึงเกิดความย้อนแย้งที่ชัดเจนในสหรัฐฯ ในอดีตอเมริกาเคยคิดว่า หากตนแสดงความเป็นผู้นำ โลกก็จะเดินตามแนวทางประชาธิปไตยได้สำเร็จ แต่ในวันนี้ โลกกำลังจับตามองว่า อเมริกาเองจะรักษาประชาธิปไตยไว้ได้หรือไม่ และบางประเทศก็เริ่มตั้งคำถามว่า แบบอย่างของอเมริกานั้น ยังควรค่าแก่การเอาเยี่ยงอย่างอยู่หรือเปล่า ฉะนั้น ประเทศต่าง ๆ ที่มักอ้างอิงประชาธิปไตยของสหรัฐฯ มาเป็นโมเดล ควรคิดดูให้ดี แต่ละประเทศมีข้อได้เปรียบและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน สิ่งจำเป็นในสังคมต้องมีคือการเคารพและปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ประชาชนมีที่อยู่อาศัยและที่ทำมาหากินอย่างมีศักดิ์ศรี และสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ มีเสรีภาพควบคู่กับความรับผิดชอบ คุณสมบัติเหล่านี้มีคุณค่าความเป็นประชาธิปไตยเท่าเทผล รางวัล กินแบ่ง รัฐบาล ล่าสุดียมกับของสหรัฐฯมิใช่เหรอ มองเทศคิดไทย : กวี จงกิจถาวร สื่อมวลชนอาวุโส อ่านข่าว จับกระแสการเมือง : วันที่ 21 มี.ค.2568 ฝ่ายค้าน "ลับมีดรอ" ศึกซักฟอก "แพทองธาร" พีระพันธุ์ โพสต์ เบิร์ธเดย์ "ลุงตู่" จับกระแสการเมือง : วันที่ 19 มี.ค.2568 "คอยฟังซิ" ลุงป้อมหงายไพ่การเมือง-หมัดเด็ดปชน.น็อก "แพทองธาร" ความลับโลกหลังกำแพง "ช่องรอด" นักโทษ พ้นเรือนจำ-เรือนตาย
ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ผ่านร่างกฎหมายอนุญาตให้การฆ่าตัวตายสามารถทำได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายโดยใช้งาน "Sa