Home
|
ผล บอล วัน นี้ ทุก ลีก สด

วันนี้ (26 ส.ค.2564) "แวว" สายสุนีย์ จ๊ะนะ นักกีฬา

ผล บอล วัน นี้ ทุก ลีก สด

วันนี้ (2 มี.ค.2564) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีมีคนนำรูปที่เป็นการพูดคุยกับนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎร มาโพสต์และใช้โจมตีทางการเมือง ว่า รูปดัง

แนวทางคดี 14 นศ. หลังครบกำหนดฝากขังผลัดแรก วันพรุ่งนี้ (7 ก.ค.2558) จะครบกำหนดการขอฝากขังผลัดแรกของนักศึกษา 14 คนหลังตัดสินใจไม่ยื่นประกันตัว ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนและศาลพิจารณา

แนวทางคดี 14 นศ. หลังครบกำหนดฝากขังผลัดแรก วันพรุ่งนี้ (7 ก.ค.2558) จะครบกำหนดการขอฝากขังผลัดแรกของนักศึกษา 14 คนหลังตัดสินใจไม่ยื่นประกันตัว ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนและศาลพิจารณาว่าต้องควบคุมตัวในผลัดที่ 2 หรือไม่ และสุดท้ายหากสั่งฟ้อง ศาลทหารจะให้อุทธรณ์และฎีกาตามปกติ หรือจะตัดสินให้จบในศาลเดียว แนวทางคดี 14 นศ. หลังครบกำหนดฝากขังผลัดแรก การทำกิจกรรมและเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ผ่านมา ทำให้นักศึกษาและประชาชน 14 คน ถูกตั้งข้อหายุยงปลุกปั่นให้เกิดปัญหาความวุ่นวายในบ้านเมือง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 3/2557 เรื่องห้ามชุมนุมทางการเมืองเกินกว่า 5 คน โดยประกาศ คสช. ฉบับที่ 37/2557 ระบุว่า ต้องพิจารณาคดีในศาลทหาร ซึ่งการตัดสินใจสู้คดีของทั้ง 14 คนในวันพรุ่งนี้ (7 ก.ค.2558) จึงถูกแบ่งเป็น 2 ทางเลือก ทางเลือกที่ 1 นักศึกษายื่นขอประกันตัว ซึ่งหากศาลอนุญาต พนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกเพื่อเข้าให้ปากคำภายหลัง ก่อนรวบรวมสำนวนคดีเข้าสู่การพิจารณาของศาลทหาร โดยนายนัชชชา กองอุดม และนายชาติชาย แกดำ นักศึกษาอีก 2 คนที่มีความผิดฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. จากกรณีรวมตัวหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เลือกช่องทางกฎหมายทางเลือกนี้ ทางเลือกที่ 2  หากนักศึกษาและผู้ถูกควบคุมตัวรวม 14 คน ไม่ยื่นขอประกันตัว ทางเลือกนี้อาจแบ่งเส้นทางคดีได้เป็น 3 ทางตามข้อมูลจากคณะทนายความทั้ง 14 คน โดยเส้นทางที่ 1  เมื่อครบกำหนดการฝากขังผลัดแรก หากพนักงานสอบสวนเห็นว่าไม่จำเป็นต้องควบคุมตัว นักศึกษาทั้ง 14 คนจะได้รับการปล่อยตัวทันที แต่พนักงานสอบสวนอาจเรียกไปสอบปากคำได้ เส้นทางที่ 2 พนักงานสอบสวนเห็นว่าจำเป็นต้องควบคุมตัวต่อเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม เนื่องจากการทำสำนวนคดียังไม่เสร็จสิ้น สามารถร้องขอต่อศาลเพื่อให้ฝากขังผลัดต่อไปได้ ผลัดละ 12 วัน แต่รวมแล้วต้องไม่เกิน 48 วัน กรณีนี้คณะทนายความของผู้ถูกกล่าวหาแจ้งว่าทั้ง 14 คนยืนยันจะขอคัดค้านการฝากขังในผลัดที่ 2 หากศาลรับคำขอคัดค้าน ทั้ง 14 คนจะถูกปล่อยตัวตามคำสั่งศาล แต่หากศาลไม่รับคำขอคัดค้าน นายกฤษฎางค์ นุตจรัส หัวหน้าทีมทนายความ กล่าวว่า อาจร้องขอต่อศาลทหารในวันฝากขังให้เปิดการพิจารณาคดีนี้โดยเปิดเผยต่อสาธารณะ แต่กระบวนการนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล "หากกลุ่มนักศึกษาไม่ได้รับความเป็นธรรมเฉพาะในกรณีนี้ ซึ่งนักศึกษาถือว่าการพิจารณาคดีโดยหลักสิทธิมนุษยชนและหลักกฎหมายไทย แม้แต่กฎหมายวิธีพิจารณาคดีในศาลทหารก็ระบุว่าจะต้องพิจารณาคดีโดยเปิดเผย เพราะฉะนั้นกลุ่มนักศึกษาจึงให้แจ้งว่า หากมีการฝากขังครั้งหน้าขอยืนยันว่าจะต้องพิจารณาคดีโดยเปิดเผย" หัวหน้าทีมทนายความกล่าว เส้นทางที่ 3 พนักงานสอบสวนทำสำนวนคดีเสร็จสิ้นและอาจส่งฟ้องหรือไม่ส่งฟ้องก็ได้ แต่หากพนักงานสอบสวนไม่ฟ้อง ทั้ง 14 คนถือว่าไม่มีความผิดตามข้อกล่าวหา แต่หากส่งฟ้องและทำสำนวนทันส่งฟ้องคดีได้ภายในผลัดแรก จะเข้าสู่การพิจารณาขั้นถัดไปของศาลทหาร ทางเลือกของศาลจึงมี 2 ทาง คือรับหรือไม่รับคำฟ้อง หากศาลไม่รับฟ้อง ทั้ง 14 คนจะพ้นจากข้อกล่าวหาเช่นเดียวกัน โดยนายสมชาย หอมลออ กรรมการปฏิรูปกฎหมาย กล่าวว่า กรณีนี้หากศาลรับคำฟ้องของพนักงานสอบสวน ศาลอาจสั่งไต่สวนมูลฟ้องเพิ่มเติมได้ "การนำบุคคลที่เป็นพลเรือนไปขึ้นศาลทหารนั้น ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและหลักปฏิบัติของนานาประเทศ ซึ่งควรจะยกเลิก แต่ในแง่ของ คสช.ถ้ายังเห็นว่าสิ่งนี้ยังจำเป็นก็ต้องพยายามดำเนินการต่างๆเพื่อนำไปสู่การยกเลิก หรือทำให้ประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด" กรรมการปฏิรูปกฎหมายกล่าว นายสมชาย กล่าวอีกว่า ตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 ระบุไว้ว่าในสถานการณ์ปกติ การพิจารณาคดีของศาลทหาร ยื่นอุทธรณ์และฎีกาได้ แต่หากตีความว่าการบริหารประเทศภายใต้ คสช.เป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ การพิจารณาคดีจะสิ้นสุดในศาลเดียว การทำกิจกรรมและเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ผ่านมา ทำให้นักศึกษาและประชาชน 14 คน ถูกตั้งข้อหายุยงปลุกปั่นให้เกิดปัญหาความวุ่นวายในบ้านเมือง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 3/2557 เรื่องห้ามชุมนุมทางการเมืองเกินกว่า 5 คน โดยประกาศ คสช. ฉบับที่ 37/2557 ระบุว่า ต้องพิจารณาคดีในศาลทหาร ซึ่งการตัดสินใจสู้คดีของทั้ง 14 คนในวันพรุ่งนี้ (7 ก.ค.2558) จึงถูกแบ่งเป็น 2 ทางเลือก ทางเลือกที่ 1 นักศึกษายื่นขอประกันตัว ซึ่งหากศาลอนุญาต พนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกเพื่อเข้าให้ปากคำภายหลัง ก่อนรวบรวมสำนวนคดีเข้าสู่การพิจารณาของศาลทหาร โดยนายนัชชชา กองอุดม และนายชาติชาย แกดำ นักศึกษาอีก 2 คนที่มีความผิดฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. จากกรณีรวมตัวหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เลือกช่องทางกฎหมายทางเลือกนี้ ทางเลือกที่ 2  หากนักศึกษาและผู้ถูกควบคุมตัวรวม 14 คน ไม่ยื่นขอประกันตัว ทางเลือกนี้อาจแบ่งเส้นทางคดีได้เป็น 3 ทางตามข้อมูลจากคณะทนายความทั้ง 14 คน โดยเส้นทางที่ 1  เมื่อครบกำหนดการฝากขังผลัดแรก หากพนักงานสอบสวนเห็นว่าไม่จำเป็นต้องควบคุมตัว นักศึกษาทั้ง 14 คนจะได้รับการปล่อยตัวทันที แต่พนักงานสอบสวนอาจเรียกไปสอบปากคำได้ เส้นทางที่ 2 พนักงานสอบสวนเห็นว่าจำเป็นต้องควบคุมตัวต่อเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม เนื่องจากการทำสำนวนคดีผล บอล วัน นี้ ทุก ลีก สดยังไม่เสร็จสิ้น สามารถร้องขอต่อศาลเพื่อให้ฝากขังผลัดต่อไปได้ ผลัดละ 12 วัน แต่รวมแล้วต้องไม่เกิน 48 วัน กรณีนี้คณะทนายความของผู้ถูกกล่าวหาแจ้งว่าทั้ง 14 คนยืนยันจะขอคัดค้านการฝากขังในผลัดที่ 2 หากศาลรับคำขอคัดค้าน ทั้ง 14 คนจะถูกปล่อยตัวตามคำสั่งศาล แต่หากศาลไม่รับคำขอคัดค้าน นายกฤษฎางค์ นุตจรัส หัวหน้าทีมทนายความ กล่าวว่า อาจร้องขอต่อศาลทหารในวันฝากขังให้เปิดการพิจารณาคดีนี้โดยเปิดเผยต่อสาธารณะ แต่กระบวนการนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล "หากกลุ่มนักศึกษาไม่ได้รับความเป็นธรรมเฉพาะในกรณีนี้ ซึ่งนักศึกษาถือว่าการพิจารณาคดีโดยหลักสิทธิมนุษยชนและหลักกฎหมายไทย แม้แต่กฎหมายวิธีพิจารณาคดีในศาลทหารก็ระบุว่าจะต้องพิจารณาคดีโดยเปิดเผย เพราะฉะนั้นกลุ่มนักศึกษาจึงให้แจ้งว่า หากมีการฝากขังครั้งหน้าขอยืนยันว่าจะต้องพิจารณาคดีโดยเปิดเผย" หัวหน้าทีมทนายความกล่าว เส้นทางที่ 3 พนักงานสอบสวนทำสำนวนคดีเสร็จสิ้นและอาจส่งฟ้องหรือไม่ส่งฟ้องก็ได้ แต่หากพนักงานสอบสวนไม่ฟ้อง ทั้ง 14 คนถือว่าไม่มีความผิดตามข้อกล่าวหา แต่หากส่งฟ้องและทำสำนวนทันส่งฟ้องคดีได้ภายในผลัดแรก จะเข้าสู่การพิจารณาขั้นถัดไปของศาลทหาร ทางเลือกของศาลจึงมี 2 ทาง คือรับหรือไม่รับคำฟ้อง หากศาลไม่รับฟ้อง ทั้ง 14 คนจะพ้นจากข้อกล่าวหาเช่นเดียวกัน โดยนายสมชาย หอมลออ กรรมการปฏิรูปกฎหมาย กล่าวว่า กรณีนี้หากศาลรับคำฟ้องของพนักงานสอบสวน ศาลอาจสั่งไต่สวนมูลฟ้องเพิ่มเติมได้ "การนำบุคคลที่เป็นพลเรือนไปขึ้นศาลทหารนั้น ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและหลักปฏิบัติของนานาประเทศ ซึ่งควรจะยกเลิก แต่ในแง่ของ คสช.ถ้ายังเห็นว่าสิ่งนี้ยังจำเป็นก็ต้องพยายามดำเนินการต่างๆเพื่อนำไปสู่การยกเลิก หรือทำให้ประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด" กรรมการปฏิรูปกฎหมายกล่าว นายสมชาย กล่าวอีกว่า ตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 ระบุไว้ว่าในสถานการณ์ปกติ การพิจารณาคดีของศาลทหาร ยื่นอุทธรณ์และฎีกาได้ แต่หากตีความว่าการบริหารประเทศภายใต้ คสช.เป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ การพิจารณาคดีจะสิ้นสุดในศาลเดียว

สถานการณ์โรค COVID-19 ที่ยังคงมีผู้ติดเชื้อรายวัน 7,681 คน และเสียชีวิต 19 คน โดยเฉพาะการระบาดระลอกใ

วันนี้ (27 พ.ค.2565) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ระบุในวันที่ 2 มิ.

ยานไซคี (Psyche) ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางไปสำรวจดาวเคราะห์น้อย “16 Psyche” ในปี 2029 นั้นรับและส่งส

แนวทางคดี 14 นศ. หลังครบกำหนดฝากขังผลัดแรก วันพรุ่งนี้ (7 ก.ค.2558) จะครบกำหนดการขอฝากขังผลัดแรกของนักศึกษา 14 คนหลังตัดสินใจไม่ยื่นประกันตัว ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนและศาลพิจารณาว่าต้องควบคุมตัวในผลัดที่ 2 หรือไม่ และสุดท้ายหากสั่งฟ้อง ศาลทหารจะให้อุทธรณ์และฎีกาตามปกติ หรือจะตัดสินให้จบในศาลเดียว แนวทางคดี 14 นศ. หลังครบกำหนดฝากขังผลัดแรก การทำกิจกรรมและเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ผ่านมา ทำให้นักศึกษาและประชาชน 14 คน ถูกตั้งข้อหายุยงปลุกปั่นให้เกิดปัญหาความวุ่นวายในบ้านเมือง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 3/2557 เรื่องห้ามชุมนุมทางการเมืองเกินกว่า 5 คน โดยประกาศ คสช. ฉบับที่ 37/2557 ระบุว่า ต้องพิจารณาคดีในศาลทหาร ซึ่งการตัดสินใจสู้คดีของทั้ง 14 คนในวันพรุ่งนี้ (7 ก.ค.2558) จึงถูกแบ่งเป็น 2 ทางเลือก ทางเลือกที่ 1 นักศึกษายื่นขอประกันตัว ซึ่งหากศาลอนุญาต พนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกเพื่อเข้าให้ปากคำภายหลัง ก่อนรวบรวมสำนวนคดีเข้าสู่การพิจารณาของศาลทหาร โดยนายนัชชชา กองอุดม และนายชาติชาย แกดำ นักศึกษาอีก 2 คนที่มีความผิดฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. จากกรณีรวมตัวหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เลือกช่องทางกฎหมายทางเลือกนี้ ทางเลือกที่ 2  หากนักศึกษาและผู้ถูกควบคุมตัวรวม 14 คน ไม่ยื่นขอประกันตัว ทางเลือกนี้อาจแบ่งเส้นทางคดีได้เป็น 3 ทางตามข้อมูลจากคณะทนายความทั้ง 14 คน โดยเส้นทางที่ 1  เมื่อครบกำหนดการฝากขังผลัดแรก หากพนักงานสอบสวนเห็นว่าไม่จำเป็นต้องควบคุมตัว นักศึกษาทั้ง 14 คนจะได้รับการปล่อยตัวทันที แต่พนักงานสอบสวนอาจเรียกไปสอบปากคำได้ เส้นทางที่ 2 พนักงานสอบสวนเห็นว่าจำเป็นต้องควบคุมตัวต่อเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม เนื่องจากการทำสำนวนคดียังไม่เสร็จสิ้น สามารถร้องขอต่อศาลเพื่อให้ฝากขังผลัดต่อไปได้ ผลัดละ 12 วัน แต่รวมแล้วต้องไม่เกิน 48 วัน กรณีนี้คณะทนายความของผู้ถูกกล่าวหาแจ้งว่าทั้ง 14 คนยืนยันจะขอคัดค้านการฝากขังในผลัดที่ 2 หากศาลรับคำขอคัดค้าน ทั้ง 14 คนจะถูกปล่อยตัวตามคำสั่งศาล แต่หากศาลไม่รับคำขอคัดค้าน นายกฤษฎางค์ นุตจรัส หัวหน้าทีมทนายความ กล่าวว่า อาจร้องขอต่อศาลทหารในวันฝากขังให้เปิดการพิจารณาคดีนี้โดยเปิดเผยต่อสาธารณะ แต่กระบวนการนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล "หากกลุ่มนักศึกษาไม่ได้รับความเป็นธรรมเฉพาะในกรณีนี้ ซึ่งนักศึกษาถือว่าการพิจารณาคดีโดยหลักสิทธิมนุษยชนและหลักกฎหมายไทย แม้แต่กฎหมายวิธีพิจารณาคดีในศาลทหารก็ระบุว่าจะต้องพิจารณาคดีโดยเปิดเผย เพราะฉะนั้นกลุ่มนักศึกษาจึงให้แจ้งว่า หากมีการฝากขังครั้งหน้าขอยืนยันว่าจะต้องพิจารณาคดีโดยเปิดเผย" หัวหน้าทีมทนายความกล่าว เส้นทางที่ 3 พนักงานสอบสวนทำสำนวนคดีเสร็จสิ้นและอาจส่งฟ้องหรือไม่ส่งฟ้องก็ได้ แต่หากพนักงานสอบสวนไม่ฟ้อง ทั้ง 14 คนถือว่าไม่มีความผิดตามข้อกล่าวหา แต่หากส่งฟ้องและทำสำนวนทันส่งฟ้องคดีได้ภายในผลัดแรก จะเข้าสู่การพิจารณาขั้นถัดไปของศาลทหาร ทางเลือกของศาลจึงมี 2 ทาง คือรับหรือไม่รับคำฟ้อง หากศาลไม่รับฟ้อง ทั้ง 14 คนจะพ้นจากข้อกล่าวหาเช่นเดียวกัน โดยนายสมชาย หอมลออ กรรมการปฏิรูปกฎหมาย กล่าวว่า กรณีนี้หากศาลรับคำฟ้องของพนักงานสอบสวน ศาลอาจสั่งไต่สวนมูลฟ้องเพิ่มเติมได้ "การนำบุคคลที่เป็นพลเรือนไปขึ้นศาลทหารนั้น ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและหลักปฏิบัติของนานาประเทศ ซึ่งควรจะยกเลิก แต่ในแง่ของ คสช.ถ้ายังเห็นว่าสิ่งนี้ยังจำเป็นก็ต้องพยายามดำเนินการต่างๆเพื่อนำไปสู่การยกเลิก หรือทำให้ประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด" กรรมการปฏิรูปกฎหมายกล่าว นายสมชาย กล่าวอีกว่า ตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 ระบุไว้ว่าในสถานการณ์ปกติ การพิจารณาคดีของศาลทหาร ยื่นอุทธรณ์และฎีกาได้ แต่หากตีความว่าการบริหารประเทศภายใต้ คสช.เป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ การพิจารณาคดีจะสิ้นสุดในศาลเดียว การทำกิจกรรมและเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ผ่านมา ทำให้นักศึกษาและประชาชน 14 คน ถูกตั้งข้อหายุยงปลุกปั่นให้เกิดปัญหาความวุ่นวายในบ้านเมือง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 3/2557 เรื่องห้ามชุมนุมทางการเมืองเกินกว่า 5 คน โดยประกาศ คสช. ฉบับที่ 37/2557 ระบุว่า ต้องพิจารณาคดีในศาลทหาร ซึ่งการตัดสินใจสู้คดีของทั้ง 14 คนในวันพรุ่งนี้ (7 ก.ค.2558) จึงถูกแบ่งเป็น 2 ทางเลือก ทางเลือกที่ 1 นักศึกษายื่นขอประกันตัว ซึ่งหากศาลอนุญาต พนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกเพื่อเข้าให้ปากคำภายหลัง ก่อนรวบรวมสำนวนคดีเข้าสู่การพิจารณาของศาลทหาร โดยนายนัชชชา กองอุดม และนายชาติชาย แกดำ นักศึกษาอีก 2 คนที่มีความผิดฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. จากกรณีรวมตัวหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เลือกช่องทางกฎหมายทางเลือกนี้ ทางเลือกที่ 2  หากนักศึกษาและผู้ถูกควบคุมตัวรวม 14 คน ไม่ยื่นขอประกันตัว ทางเลือกนี้อาจแบ่งเส้นทางคดีได้เป็น 3 ทางตามข้อมูลจากคณะทนายความทั้ง 14 คน โดยเส้นทางที่ 1  เมื่อครบกำหนดการฝากขังผลัดแรก หากพนักงานสอบสวนเห็นว่าไม่จำเป็นต้องควบคุมตัว นักศึกษาทั้ง 14 คนจะได้รับการปล่อยตัวทันที แต่พนักงานสอบสวนอาจเรียกไปสอบปากคำได้ เส้นทางที่ 2 พนักงานสอบสวนเห็นว่าจำเป็นต้องควบคุมตัวต่อเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม เนื่องจากการทำสำนวนคดีผล บอล วัน นี้ ทุก ลีก สดยังไม่เสร็จสิ้น สามารถร้องขอต่อศาลเพื่อให้ฝากขังผลัดต่อไปได้ ผลัดละ 12 วัน แต่รวมแล้วต้องไม่เกิน 48 วัน กรณีนี้คณะทนายความของผู้ถูกกล่าวหาแจ้งว่าทั้ง 14 คนยืนยันจะขอคัดค้านการฝากขังในผลัดที่ 2 หากศาลรับคำขอคัดค้าน ทั้ง 14 คนจะถูกปล่อยตัวตามคำสั่งศาล แต่หากศาลไม่รับคำขอคัดค้าน นายกฤษฎางค์ นุตจรัส หัวหน้าทีมทนายความ กล่าวว่า อาจร้องขอต่อศาลทหารในวันฝากขังให้เปิดการพิจารณาคดีนี้โดยเปิดเผยต่อสาธารณะ แต่กระบวนการนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล "หากกลุ่มนักศึกษาไม่ได้รับความเป็นธรรมเฉพาะในกรณีนี้ ซึ่งนักศึกษาถือว่าการพิจารณาคดีโดยหลักสิทธิมนุษยชนและหลักกฎหมายไทย แม้แต่กฎหมายวิธีพิจารณาคดีในศาลทหารก็ระบุว่าจะต้องพิจารณาคดีโดยเปิดเผย เพราะฉะนั้นกลุ่มนักศึกษาจึงให้แจ้งว่า หากมีการฝากขังครั้งหน้าขอยืนยันว่าจะต้องพิจารณาคดีโดยเปิดเผย" หัวหน้าทีมทนายความกล่าว เส้นทางที่ 3 พนักงานสอบสวนทำสำนวนคดีเสร็จสิ้นและอาจส่งฟ้องหรือไม่ส่งฟ้องก็ได้ แต่หากพนักงานสอบสวนไม่ฟ้อง ทั้ง 14 คนถือว่าไม่มีความผิดตามข้อกล่าวหา แต่หากส่งฟ้องและทำสำนวนทันส่งฟ้องคดีได้ภายในผลัดแรก จะเข้าสู่การพิจารณาขั้นถัดไปของศาลทหาร ทางเลือกของศาลจึงมี 2 ทาง คือรับหรือไม่รับคำฟ้อง หากศาลไม่รับฟ้อง ทั้ง 14 คนจะพ้นจากข้อกล่าวหาเช่นเดียวกัน โดยนายสมชาย หอมลออ กรรมการปฏิรูปกฎหมาย กล่าวว่า กรณีนี้หากศาลรับคำฟ้องของพนักงานสอบสวน ศาลอาจสั่งไต่สวนมูลฟ้องเพิ่มเติมได้ "การนำบุคคลที่เป็นพลเรือนไปขึ้นศาลทหารนั้น ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและหลักปฏิบัติของนานาประเทศ ซึ่งควรจะยกเลิก แต่ในแง่ของ คสช.ถ้ายังเห็นว่าสิ่งนี้ยังจำเป็นก็ต้องพยายามดำเนินการต่างๆเพื่อนำไปสู่การยกเลิก หรือทำให้ประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด" กรรมการปฏิรูปกฎหมายกล่าว นายสมชาย กล่าวอีกว่า ตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 ระบุไว้ว่าในสถานการณ์ปกติ การพิจารณาคดีของศาลทหาร ยื่นอุทธรณ์และฎีกาได้ แต่หากตีความว่าการบริหารประเทศภายใต้ คสช.เป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ การพิจารณาคดีจะสิ้นสุดในศาลเดียว

แต่จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งของพรรคประชาธิปัตย์ สำหรับการกอบกู้ฟื้นฟูพรรคใหม่ หลังเลือกตั้ง 14 พ