Home
|
ไฮ ไล ลี ยง บา เยิ ร์ น

วันนี้ (18 ม.ค.2568) ไฟไหม้โกดังเก็บสินค้าและโรงเล

ไฮ ไล ลี ยง บา เยิ ร์ น

ชาวนาปทุมฯเดินเครื่องสูบน้ำอีกหลังครบ 3 วัน สิงห์บุรีไม่ยอมให้ข้าวตาย-อยุธยายังทำประปาได้ ชาวนาคลอง 13 ปทุมธานี เดินเครื่องสูบน้ำเข้านาอีกครั้งหลังครบกำหนด 3 วันตามที่มีการขอความร่วมมือ เพื่อให้การประ

วันนี้ (10 ม.ค.2566) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม เปิดตัวเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ว่า จริง ๆ พล.อ.ประยุทธ์ และพ

ชาวนาปทุมฯเดินเครื่องสูบน้ำอีกหลังครบ 3 วัน สิงห์บุรีไม่ยอมให้ข้าวตาย-อยุธยายังทำประปาได้ ชาวนาคลอง 13 ปทุมธานี เดินเครื่องสูบน้ำเข้านาอีกครั้งหลังครบกำหนด 3 วันตามที่มีการขอความร่วมมือ เพื่อให้การประปาธัญบุรี มีน้ำผลิตประปา ขณะที่ชาวนาบางส่วนในจ.สิงห์บุรี มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยหากมีประกาศให้หยุดสูบน้ำ และยังคงสูบน้ำกันอย่างต่อเนื่องเพื่อหล่อเลี้ยงต้นข้าว ส่วนหลายพื้นที่ภาคกลางเริ่มสำรองน้ำประปาไว้ใช้ ทำให้ร้านจำหน่ายอุปกรณ์บรรจุน้ำขายดีในช่วงนี้ แต่ร้านน้ำดื่มในจ.พระนครศรีอยุธยา ยังไม่มีการสั่งน้ำมากักตุนไว้ขาย และยังคงราคาไว้เท่าเดิม ชาวนาปทุมฯเดินเครื่องสูบน้ำอีกหลังครบ 3 วัน สิงห์บุรีไม่ยอมให้ข้าวตาย-อยุธยายังทำประปาได้ ก่อนหน้านี้ที่อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ประกาศให้ชาวคลอง 13 หยุดสูบน้ำ ล่าสุดชาวบ้านได้ตั้งเครื่องสูบน้ำอีกครั้ง หลังครบกำหนด 3 วันตามที่ได้ประกาศไว้ วานนี้ (16 ก.ค.2558) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณคลอง 13 เขตพื้นที่ต.นพรัตน์ ต.ศาลาครุ ต.หนองสามวัง อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ติดตั้งเครื่องสูบน้ำริมคลอง 13 อีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ได้มีการกำหนดให้ชาวบ้านคลอง 13 หยุดสูบน้ำเป็นเวลา 3 วัน เนื่องจากต้องเร่งผันน้ำไปเป็นน้ำดิบให้กับสถานีผลิตประปา สาขาธัญบุรี เพราะประชาชนในพื้นที่ชุมชนเมืองขาดน้ำประปาใช้ หลังครบกำหนด 3 วัน ชาวบ้านกว่า 20 คน ตั้งเครื่องสูบน้ำอีกครั้ง ชาวนาส่วนหนึ่งบอกว่า ต้องเร่งสูบเพื่อเลี้ยงต้นข้าวที่กำลังตั้งท้องก่อนที่ข้าวจะตาย โดยทางอำเภอหนองเสือได้ประสานผู้นำชุมชน เพื่อขอให้ชาวบ้านแบ่งวันสูบน้ำให้คลอง 13 ฝั่นตะวันออก สูบน้ำเข้าพื้นที่เกษตรตั้งแต่เมื่อวานนี้ (16 ก.ค.) และฝั่งตะวันตกสูบน้ำเข้าพื้นที่นาได้ในวันนี้ (17 ก.ค.) โดยมีรถทหารออกสำรวจดูแลความเรียบร้อย และคอยตรวจสอบบุคคลที่ฝ่าฝืนลักลอบสูบน้ำในช่วงนี้ ขณะที่ชาวนาในจ.สิงห์บุรี มีทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วยหากมีประกาศให้หยุดสูบน้ำ และยังคงสูบน้ำกันอย่างต่อเนื่องเพื่อหล่อเลี้ยงต้นข้าว ซึ่งชาวนาในลุ่มแม่น้ำน้อย อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี ติดตั้งเครื่องสูบน้ำจากแม่น้ำน้อยเข้านา โดยใช้เครื่องสูบน้ำ ทั้งแบบระบบไฟฟ้า และเครื่องที่ใช้น้ำมัน โดยชาวนาที่สูบน้ำจากคลองชลประทานระบุว่า จะสูบน้ำต่อไปจนกว่าน้ำจะแห้ง หากไม่มีน้ำฝนมาตกลงมาก็คงจะต้องปล่อยให้ต้นข้าวตาย ซึ่งชาวนาส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการขอให้หยุดสูบน้ำเข้านา เพราะใช้เงินลงทุนสูง และข้าวที่เพาะปลูกในรอบนี้เหลือเพียงอีกไม่เกิน 2 เดือน ก็จะเก็บเกี่ยวได้ ขณะที่บางส่วนเปิดเผยว่า หากมีคำสั่งให้หยุดสูบน้ำจริง ก็อาจต้องทิ้งให้ต้นข้าวตาย ส่วนการสำรองน้ำประปาไว้ใช้ของประชาชนในพื้นที่ภาคกลาง ทำให้ร้านจำหน่ายอุปกรณ์บรรจุน้ำขายดี ขณะที่ร้านน้ำดื่มในจ.พระนครศรีอยุธยา ยังไม่มีการสั่งน้ำมากักตุนไว้ขาย และยังคงราคาไว้เท่าเดิม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร้านค้าน้ำดื่มแบบขวดทั่วไป ที่จ.พระนครศรีอยุธยา ขนาด 600 มิลลิลิตร ยังคงราคาไว้ที่แพคละ 35 บาท และขนาด 1.25 ลิตร 6 ขวดอยู่ที่ 35 บาท โดยสังเกตว่า ประชาชนก็ยังนิยมมาซื้อในจำนวนปกติ คนละ 1-2 แพคติดรถกลับบ้าน ผู้ประกอบการร้านขายส่ง และขายปลีกเครื่องดื่มกล่าวว่า ช่วงนี้ยังไม่มีการกักตุน เนื่องจากเชื่อว่าการผลิตน้ำดื่มยังสามารถทำได้ โดยเฉพาะที่จ.พระนครศรีอยุธยา น้ำดื่มน่าจะเพียงพอ ส่วนบรรยากาศการจำหน่ายอุปกรณ์ใส่น้ำดื่มน้ำ เจ้าของร้านบอกว่า มีประชาชนมาเลือกซื้อถังใส่น้ำ ขนาด 110-200 ลิตรมากขึ้น ส่วนใหญ่คนที่มาเลือกซื้อจะเป็นคนในจังหวัดข้างเคียง เช่น ปทุมธานี อ่างทอง และสิงห์บุรี โดยมีราคาตั้งแต่ 350 บาท จนถึง 2500 บาทขึ้นไป เชื่อว่ามาจากกระแสข่าวการขาดแคลนน้ำ ด้านนายกฤษณ์ เถี่ยวนมิตรภาพ เลขานุการนายกเทศมนตรีนครพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ยังสามารถผลิตน้ำได้เพียงพอ เนื่องจากท่อสูบน้ำลงไปถึงกลางแม่น้ำเจ้าพระยา-ป่าสัก ในจุดรวมของแม่น้ำที่ลึกที่สุด ก่อนหน้านี้ที่อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ประกาศให้ชาวคลอง 13 หยุดสูบน้ำ ล่าสุดชาวบ้านได้ตั้งเครื่องสูบน้ำอีกครั้ง หลังครบกำหนด 3 วันตามที่ได้ประกาศไว้ วานนี้ (16 ก.ค.2558) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณคลอง 13 เขตพื้นที่ต.นพรัตน์ ต.ศาลาครุ ต.หนองสามวัง อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ติดตั้งเครื่องสูบน้ำริมคลอง 13 อีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ได้มีการกำหนดให้ชาวบ้านคลอง 13 หยุดสูบน้ำเป็นเวลา 3 วัน เนื่องจากต้องเร่งผันน้ำไปเป็นน้ำดิบให้กับสถานีผลิตประปา สาขาธัญบุรี เพราะประชาชนในพื้นที่ชุมชนเมืองขาดน้ำประปาใช้ หลังครบกำหนด 3 วัน ชาวบ้านกว่า 20 คน ตั้งเครื่องสูบน้ำอีกครั้ง ชาวนาส่วนหนึ่งบอกว่า ต้องเร่งสูบเพื่อเลี้ยงต้นข้าวที่กำลังตั้งท้องก่อนที่ข้าวจะตาย โดยทางอำเภอหนองเสือได้ประสานผู้นำชุมชน เพื่อขอให้ชาวบ้านแบ่งวันสูบน้ำให้คลอง 13 ฝั่นตะวันออก สูบน้ำเข้าพื้นที่เกษตรตั้งแต่เมื่อวานนี้ (16 ก.ค.) และฝั่งตะวันตกสูบน้ำเข้าพื้นที่นาได้ในวันนี้ (17 ก.ค.) โดยมีรถทหารออกสำรวจดูแลความเรียบร้อย และคอยตรวจสอบบุคคลที่ฝ่าฝืนลักลอบสูบน้ำในช่วงนี้ ขณะที่ชาวนาในจ.สิงห์บุรี มีทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วยหากมีประกาศให้หยุดสูบน้ำ และยังคงสูบน้ำกันอย่างต่อเนื่องเพื่อหล่อเลี้ยงตไฮ ไล ลี ยง บา เยิ ร์ น้นข้าว ซึ่งชาวนาในลุ่มแม่น้ำน้อย อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี ติดตั้งเครื่องสูบน้ำจากแม่น้ำน้อยเข้านา โดยใช้เครื่องสูบน้ำ ทั้งแบบระบบไฟฟ้า และเครื่องที่ใช้น้ำมัน โดยชาวนาที่สูบน้ำจากคลองชลประทานระบุว่า จะสูบน้ำต่อไปจนกว่าน้ำจะแห้ง หากไม่มีน้ำฝนมาตกลงมาก็คงจะต้องปล่อยให้ต้นข้าวตาย ซึ่งชาวนาส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการขอให้หยุดสูบน้ำเข้านา เพราะใช้เงินลงทุนสูง และข้าวที่เพาะปลูกในรอบนี้เหลือเพียงอีกไม่เกิน 2 เดือน ก็จะเก็บเกี่ยวได้ ขณะที่บางส่วนเปิดเผยว่า หากมีคำสั่งให้หยุดสูบน้ำจริง ก็อาจต้องทิ้งให้ต้นข้าวตาย ส่วนการสำรองน้ำประปาไว้ใช้ของประชาชนในพื้นที่ภาคกลาง ทำให้ร้านจำหน่ายอุปกรณ์บรรจุน้ำขายดี ขณะที่ร้านน้ำดื่มในจ.พระนครศรีอยุธยา ยังไม่มีการสั่งน้ำมากักตุนไว้ขาย และยังคงราคาไว้เท่าเดิม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร้านค้าน้ำดื่มแบบขวดทั่วไป ที่จ.พระนครศรีอยุธยา ขนาด 600 มิลลิลิตร ยังคงราคาไว้ที่แพคละ 35 บาท และขนาด 1.25 ลิตร 6 ขวดอยู่ที่ 35 บาท โดยสังเกตว่า ประชาชนก็ยังนิยมมาซื้อในจำนวนปกติ คนละ 1-2 แพคติดรถกลับบ้าน ผู้ประกอบการร้านขายส่ง และขายปลีกเครื่องดื่มกล่าวว่า ช่วงนี้ยังไม่มีการกักตุน เนื่องจากเชื่อว่าการผลิตน้ำดื่มยังสามารถทำได้ โดยเฉพาะที่จ.พระนครศรีอยุธยา น้ำดื่มน่าจะเพียงพอ ส่วนบรรยากาศการจำหน่ายอุปกรณ์ใส่น้ำดื่มน้ำ เจ้าของร้านบอกว่า มีประชาชนมาเลือกซื้อถังใส่น้ำ ขนาด 110-200 ลิตรมากขึ้น ส่วนใหญ่คนที่มาเลือกซื้อจะเป็นคนในจังหวัดข้างเคียง เช่น ปทุมธานี อ่างทอง และสิงห์บุรี โดยมีราคาตั้งแต่ 350 บาท จนถึง 2500 บาทขึ้นไป เชื่อว่ามาจากกระแสข่าวการขาดแคลนน้ำ ด้านนายกฤษณ์ เถี่ยวนมิตรภาพ เลขานุการนายกเทศมนตรีนครพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ยังสามารถผลิตน้ำได้เพียงพอ เนื่องจากท่อสูบน้ำลงไปถึงกลางแม่น้ำเจ้าพระยา-ป่าสัก ในจุดรวมของแม่น้ำที่ลึกที่สุด

น้ำท่วมป่วยกว่า 5.2 แสนคน ตาย 269 ศูนย์อำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยด้านการแพทย์และสาธารณสุข เผย

สถานการณ์น้ำท่วมภาคเหนือ – อีสาน – กลาง ยังน่าเป็นห่วง สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนื

วันนี้ (12 ก.ค.2565) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามข้

ชาวนาปทุมฯเดินเครื่องสูบน้ำอีกหลังครบ 3 วัน สิงห์บุรีไม่ยอมให้ข้าวตาย-อยุธยายังทำประปาได้ ชาวนาคลอง 13 ปทุมธานี เดินเครื่องสูบน้ำเข้านาอีกครั้งหลังครบกำหนด 3 วันตามที่มีการขอความร่วมมือ เพื่อให้การประปาธัญบุรี มีน้ำผลิตประปา ขณะที่ชาวนาบางส่วนในจ.สิงห์บุรี มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยหากมีประกาศให้หยุดสูบน้ำ และยังคงสูบน้ำกันอย่างต่อเนื่องเพื่อหล่อเลี้ยงต้นข้าว ส่วนหลายพื้นที่ภาคกลางเริ่มสำรองน้ำประปาไว้ใช้ ทำให้ร้านจำหน่ายอุปกรณ์บรรจุน้ำขายดีในช่วงนี้ แต่ร้านน้ำดื่มในจ.พระนครศรีอยุธยา ยังไม่มีการสั่งน้ำมากักตุนไว้ขาย และยังคงราคาไว้เท่าเดิม ชาวนาปทุมฯเดินเครื่องสูบน้ำอีกหลังครบ 3 วัน สิงห์บุรีไม่ยอมให้ข้าวตาย-อยุธยายังทำประปาได้ ก่อนหน้านี้ที่อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ประกาศให้ชาวคลอง 13 หยุดสูบน้ำ ล่าสุดชาวบ้านได้ตั้งเครื่องสูบน้ำอีกครั้ง หลังครบกำหนด 3 วันตามที่ได้ประกาศไว้ วานนี้ (16 ก.ค.2558) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณคลอง 13 เขตพื้นที่ต.นพรัตน์ ต.ศาลาครุ ต.หนองสามวัง อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ติดตั้งเครื่องสูบน้ำริมคลอง 13 อีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ได้มีการกำหนดให้ชาวบ้านคลอง 13 หยุดสูบน้ำเป็นเวลา 3 วัน เนื่องจากต้องเร่งผันน้ำไปเป็นน้ำดิบให้กับสถานีผลิตประปา สาขาธัญบุรี เพราะประชาชนในพื้นที่ชุมชนเมืองขาดน้ำประปาใช้ หลังครบกำหนด 3 วัน ชาวบ้านกว่า 20 คน ตั้งเครื่องสูบน้ำอีกครั้ง ชาวนาส่วนหนึ่งบอกว่า ต้องเร่งสูบเพื่อเลี้ยงต้นข้าวที่กำลังตั้งท้องก่อนที่ข้าวจะตาย โดยทางอำเภอหนองเสือได้ประสานผู้นำชุมชน เพื่อขอให้ชาวบ้านแบ่งวันสูบน้ำให้คลอง 13 ฝั่นตะวันออก สูบน้ำเข้าพื้นที่เกษตรตั้งแต่เมื่อวานนี้ (16 ก.ค.) และฝั่งตะวันตกสูบน้ำเข้าพื้นที่นาได้ในวันนี้ (17 ก.ค.) โดยมีรถทหารออกสำรวจดูแลความเรียบร้อย และคอยตรวจสอบบุคคลที่ฝ่าฝืนลักลอบสูบน้ำในช่วงนี้ ขณะที่ชาวนาในจ.สิงห์บุรี มีทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วยหากมีประกาศให้หยุดสูบน้ำ และยังคงสูบน้ำกันอย่างต่อเนื่องเพื่อหล่อเลี้ยงต้นข้าว ซึ่งชาวนาในลุ่มแม่น้ำน้อย อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี ติดตั้งเครื่องสูบน้ำจากแม่น้ำน้อยเข้านา โดยใช้เครื่องสูบน้ำ ทั้งแบบระบบไฟฟ้า และเครื่องที่ใช้น้ำมัน โดยชาวนาที่สูบน้ำจากคลองชลประทานระบุว่า จะสูบน้ำต่อไปจนกว่าน้ำจะแห้ง หากไม่มีน้ำฝนมาตกลงมาก็คงจะต้องปล่อยให้ต้นข้าวตาย ซึ่งชาวนาส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการขอให้หยุดสูบน้ำเข้านา เพราะใช้เงินลงทุนสูง และข้าวที่เพาะปลูกในรอบนี้เหลือเพียงอีกไม่เกิน 2 เดือน ก็จะเก็บเกี่ยวได้ ขณะที่บางส่วนเปิดเผยว่า หากมีคำสั่งให้หยุดสูบน้ำจริง ก็อาจต้องทิ้งให้ต้นข้าวตาย ส่วนการสำรองน้ำประปาไว้ใช้ของประชาชนในพื้นที่ภาคกลาง ทำให้ร้านจำหน่ายอุปกรณ์บรรจุน้ำขายดี ขณะที่ร้านน้ำดื่มในจ.พระนครศรีอยุธยา ยังไม่มีการสั่งน้ำมากักตุนไว้ขาย และยังคงราคาไว้เท่าเดิม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร้านค้าน้ำดื่มแบบขวดทั่วไป ที่จ.พระนครศรีอยุธยา ขนาด 600 มิลลิลิตร ยังคงราคาไว้ที่แพคละ 35 บาท และขนาด 1.25 ลิตร 6 ขวดอยู่ที่ 35 บาท โดยสังเกตว่า ประชาชนก็ยังนิยมมาซื้อในจำนวนปกติ คนละ 1-2 แพคติดรถกลับบ้าน ผู้ประกอบการร้านขายส่ง และขายปลีกเครื่องดื่มกล่าวว่า ช่วงนี้ยังไม่มีการกักตุน เนื่องจากเชื่อว่าการผลิตน้ำดื่มยังสามารถทำได้ โดยเฉพาะที่จ.พระนครศรีอยุธยา น้ำดื่มน่าจะเพียงพอ ส่วนบรรยากาศการจำหน่ายอุปกรณ์ใส่น้ำดื่มน้ำ เจ้าของร้านบอกว่า มีประชาชนมาเลือกซื้อถังใส่น้ำ ขนาด 110-200 ลิตรมากขึ้น ส่วนใหญ่คนที่มาเลือกซื้อจะเป็นคนในจังหวัดข้างเคียง เช่น ปทุมธานี อ่างทอง และสิงห์บุรี โดยมีราคาตั้งแต่ 350 บาท จนถึง 2500 บาทขึ้นไป เชื่อว่ามาจากกระแสข่าวการขาดแคลนน้ำ ด้านนายกฤษณ์ เถี่ยวนมิตรภาพ เลขานุการนายกเทศมนตรีนครพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ยังสามารถผลิตน้ำได้เพียงพอ เนื่องจากท่อสูบน้ำลงไปถึงกลางแม่น้ำเจ้าพระยา-ป่าสัก ในจุดรวมของแม่น้ำที่ลึกที่สุด ก่อนหน้านี้ที่อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ประกาศให้ชาวคลอง 13 หยุดสูบน้ำ ล่าสุดชาวบ้านได้ตั้งเครื่องสูบน้ำอีกครั้ง หลังครบกำหนด 3 วันตามที่ได้ประกาศไว้ วานนี้ (16 ก.ค.2558) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณคลอง 13 เขตพื้นที่ต.นพรัตน์ ต.ศาลาครุ ต.หนองสามวัง อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ติดตั้งเครื่องสูบน้ำริมคลอง 13 อีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ได้มีการกำหนดให้ชาวบ้านคลอง 13 หยุดสูบน้ำเป็นเวลา 3 วัน เนื่องจากต้องเร่งผันน้ำไปเป็นน้ำดิบให้กับสถานีผลิตประปา สาขาธัญบุรี เพราะประชาชนในพื้นที่ชุมชนเมืองขาดน้ำประปาใช้ หลังครบกำหนด 3 วัน ชาวบ้านกว่า 20 คน ตั้งเครื่องสูบน้ำอีกครั้ง ชาวนาส่วนหนึ่งบอกว่า ต้องเร่งสูบเพื่อเลี้ยงต้นข้าวที่กำลังตั้งท้องก่อนที่ข้าวจะตาย โดยทางอำเภอหนองเสือได้ประสานผู้นำชุมชน เพื่อขอให้ชาวบ้านแบ่งวันสูบน้ำให้คลอง 13 ฝั่นตะวันออก สูบน้ำเข้าพื้นที่เกษตรตั้งแต่เมื่อวานนี้ (16 ก.ค.) และฝั่งตะวันตกสูบน้ำเข้าพื้นที่นาได้ในวันนี้ (17 ก.ค.) โดยมีรถทหารออกสำรวจดูแลความเรียบร้อย และคอยตรวจสอบบุคคลที่ฝ่าฝืนลักลอบสูบน้ำในช่วงนี้ ขณะที่ชาวนาในจ.สิงห์บุรี มีทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วยหากมีประกาศให้หยุดสูบน้ำ และยังคงสูบน้ำกันอย่างต่อเนื่องเพื่อหล่อเลี้ยงตไฮ ไล ลี ยง บา เยิ ร์ น้นข้าว ซึ่งชาวนาในลุ่มแม่น้ำน้อย อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี ติดตั้งเครื่องสูบน้ำจากแม่น้ำน้อยเข้านา โดยใช้เครื่องสูบน้ำ ทั้งแบบระบบไฟฟ้า และเครื่องที่ใช้น้ำมัน โดยชาวนาที่สูบน้ำจากคลองชลประทานระบุว่า จะสูบน้ำต่อไปจนกว่าน้ำจะแห้ง หากไม่มีน้ำฝนมาตกลงมาก็คงจะต้องปล่อยให้ต้นข้าวตาย ซึ่งชาวนาส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการขอให้หยุดสูบน้ำเข้านา เพราะใช้เงินลงทุนสูง และข้าวที่เพาะปลูกในรอบนี้เหลือเพียงอีกไม่เกิน 2 เดือน ก็จะเก็บเกี่ยวได้ ขณะที่บางส่วนเปิดเผยว่า หากมีคำสั่งให้หยุดสูบน้ำจริง ก็อาจต้องทิ้งให้ต้นข้าวตาย ส่วนการสำรองน้ำประปาไว้ใช้ของประชาชนในพื้นที่ภาคกลาง ทำให้ร้านจำหน่ายอุปกรณ์บรรจุน้ำขายดี ขณะที่ร้านน้ำดื่มในจ.พระนครศรีอยุธยา ยังไม่มีการสั่งน้ำมากักตุนไว้ขาย และยังคงราคาไว้เท่าเดิม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร้านค้าน้ำดื่มแบบขวดทั่วไป ที่จ.พระนครศรีอยุธยา ขนาด 600 มิลลิลิตร ยังคงราคาไว้ที่แพคละ 35 บาท และขนาด 1.25 ลิตร 6 ขวดอยู่ที่ 35 บาท โดยสังเกตว่า ประชาชนก็ยังนิยมมาซื้อในจำนวนปกติ คนละ 1-2 แพคติดรถกลับบ้าน ผู้ประกอบการร้านขายส่ง และขายปลีกเครื่องดื่มกล่าวว่า ช่วงนี้ยังไม่มีการกักตุน เนื่องจากเชื่อว่าการผลิตน้ำดื่มยังสามารถทำได้ โดยเฉพาะที่จ.พระนครศรีอยุธยา น้ำดื่มน่าจะเพียงพอ ส่วนบรรยากาศการจำหน่ายอุปกรณ์ใส่น้ำดื่มน้ำ เจ้าของร้านบอกว่า มีประชาชนมาเลือกซื้อถังใส่น้ำ ขนาด 110-200 ลิตรมากขึ้น ส่วนใหญ่คนที่มาเลือกซื้อจะเป็นคนในจังหวัดข้างเคียง เช่น ปทุมธานี อ่างทอง และสิงห์บุรี โดยมีราคาตั้งแต่ 350 บาท จนถึง 2500 บาทขึ้นไป เชื่อว่ามาจากกระแสข่าวการขาดแคลนน้ำ ด้านนายกฤษณ์ เถี่ยวนมิตรภาพ เลขานุการนายกเทศมนตรีนครพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ยังสามารถผลิตน้ำได้เพียงพอ เนื่องจากท่อสูบน้ำลงไปถึงกลางแม่น้ำเจ้าพระยา-ป่าสัก ในจุดรวมของแม่น้ำที่ลึกที่สุด

วันนี้ ( 27 เม.ย.2568) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ตามที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)