วันนี้ (19 ก.ค.2566) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผลโหวตลงคะแนน 395 เสียงที่เห็นว่า ชื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ไม่สามารถนำกลับมาโหวตรอบ 2 ได้ เป็นเสียงของอด
ตำรวจกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จับนายครรชิต อายุ 62 ปี อดีตนายตำรวจที่เคยพัวพันคดีอุ้มฆ่าเสี่ยติงนัง ในปี 2542 และคดีฉ้อโกงหลายคดี ชุดสืบสวน เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาได้ร่วมกับพวกฉ้อโกงร้านรับแลกเงิน ย่าน
วันนี้ (23 พ.ย.2565) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนและตรวจสอบความเกี่ยวข้องกันของสถานบันเทิง 4 แห่ง ต้องสงสัยว่าบัญชี ทดลอง เล่น บา คา ร่า ฟรีมีคนจีนเป็นผู้ลงทุนโดยให้คนไทยเป็นนอมินี ประกอบด้วย ร้านคลับวัน พัทยา พื้นที่ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งมีการตรวจค้นพบยาเสพติดจำนวนมาก ร้านท็อปวัน พื้นที่ สน.สุทธิสาร พบหญิงชาวจีนเสียชีวิตหลังเที่ยวผับดังกล่าว โดยมีสาเหตุมาจากการเสพยาเกินขนาด, ร้านจินหลิง พื้นที่ สน.ยานนาวา ตรวจค้นพบสารเสพติดในนักเที่ยวชาวจีนกว่า 104 คน และยาเสพติดอีกจำนวนมาก และร้านเบบี้เฟซ พื้นที่ สน.คลองตัน พบความเชื่อมโยงกับนายทุนจีนและใช้คนไทยเป็นนอมินี ซึ่งได้มีการแจ้งความคืบหน้าเป็นระยะ ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุผลการตรวจสอบว่า ร้านจินหลิง หลังการบุกตรวจสอบเมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการสืบสวนขยายผลจับกุมผู้ต้องหา 1 คนคือ นายหวง ไห่ เถา พร้อมยึดของกลางเป็นยาเสพติดประเภทเฮโรอีน ยาอี และแฮปปี้วอเตอร์จำนวนหนึ่ง ซึ่งมีไว้จำหน่ายให้กับลูกค้าที่มาเที่ยวร้าน และตรวจค้นจุดต้องสงสัยอีกกว่า 38 จุด ตรวจยึดรถหรู 5 คันและเงินอีก 19 ล้านบาท นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขยายผลเกี่ยวกับยาเสพติด จนสามารถออกหมายจับและจับกุมดำเนินคดีเพิ่มเติมรวมทั้งหมด 4 คน คือ นายหวง ไห่ เถา สัญชาติจีน, นายเจียง ไต่ หลิน สัญชาติจีน, นายเหมา ยะ ฉวง สัญชาติจีน และนายหวัง เจี้ยน หัว สัญชาติจีน ดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 อันเป็นการมีไว้จำหน่ายเพื่อการค้า อันเป็นการกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชน, ร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 อันเป็นการมีไว้เพื่อการค้า อันเป็นการกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชน, สมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและสนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด หลังจากจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 คนแล้ว เจ้าหน้าที่สืบสวนยังรวบรวมพยานหลักฐานและพบความเชื่อมโยงกับบุคคลอื่น จนสามารถขออนุมัติออกหมายจับเพิ่มเติมอีก 2 คน คือ นายชัยณัฐร์ หรือ ตู้ห่าว และนายหยาง เฉิน สัญชาติจีน ดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 อันเป็นการมีไว้จำหน่ายเพื่อการค้า อันเป็นการกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชน, ร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 อันเป็นการมีไว้เพื่อการค้า อันเป็นการกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชน, สมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและสนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า กรณีผับจินหลิง พบพยานหลักฐานเชื่อมโยงถึงนายตู้ห่าว ผู้ต้องหาตามหมายจับที่เดินทางเข้ามอบตัวในวันนี้ (23 พ.ย.) จากการสืบสวนตำรวจพบหลักฐานน่าเชื่อว่า นายตู้ห่าวอยู่ในผับจินหลิงในคืนวันที่ตำรวจบุกตรวจค้น แต่หลบหนีออกไปได้ และมีหลักฐานน่าเชื่อว่านายตู้ห่าวเป็นเจ้าของผับดังกล่าว เพราะเข้า-ออกหลายครั้งและมีชื่อร่วมเป็นผู้เช่าพื้นที่ด้วย นอกจากนี้มีความน่าเชื่อว่ารู้เห็นและเกี่ยวข้องกับการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในสถานบันเทิงจินหลิง ส่วนการลักลอบเปิดบ่อนการพนัน สันนิษฐานว่าทำบังหน้า นอกจากนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังระบุถึงประวัติของนายตู้ห่าว ว่า เมื่อประมาณ 5 ปีก่อน นายตู้ห่าวเคยตกเป็นผู้ต้องหาคดีทัวร์ศูนย์เหรียญ แต่ครั้งนั้นศาลยกฟ้อง กระทั่งการสืบสวนพบว่าหันมาทำธุรกิจผับศูนย์เหรียญ ส่วนประเด็นเงินบริจาคให้กับพรรคการเมืองแห่งหนึ่ง เชื่อว่า พรรคการเมืองไม่ทราบถึงที่มาของเงิน จึงไม่เข้าข่ายมีความผิด แต่หลังการสืบสวนตรวจสอบชัดเจนหากพบว่าเงินจำนวนดังกล่าวได้มาจากการกระทำความผิด ก็จะเรียกคืนและอายัดตามขั้นตอนทางกฎหมาย กรณีร้านท็อปวัน ซึ่งมีหญิงชาวจีนเสียชีวิต ได้จับผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซุกซ่อนอำพรางหลักฐานเกี่ยวกับการเสียชีวิตดังกล่าวไปแล้ว 4 คน และได้สืบสวนขยายผลความเกี่ยวข้องในเรื่องยาเสพติด ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าสถานบันเทิงดังกล่าวมีกลุ่มทุนจีนเป็นเจ้าของ โดยใช้ชื่อคนไทยเป็นนอมินี เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ แต่นายทุนจีนดังกล่าวได้แสดงออกชัดเจนว่ามีความเป็นเจ้าของ ซึ่งมีบุคคลที่เกี่ยวข้องและเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้น 2 คน คือ นายวีรยุทธ และนายจาง เจี้ยนกุ้ย สัญชาติจีน การกระทำดังกล่าวถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 และยังดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งได้ออกหมายจับและจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คนมาดำเนินคดีเรียบร้อยแล้ว กรณีร้านเบบี้เฟซ ตำรวจวางกำลังเข้าตรวจค้น เมื่อวันที่ 1 พ.ย. โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สนธิกำลังกันเข้าตรวจค้นสถานบันเทิงที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนจีน 6 แห่ง รวมทั้งร้านเบบี้เฟซ ซึ่งผลการตรวจสอบภายในร้านพบสารเสพติดในนักท่องเที่ยวภายในร้าน 2 คน จากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่า ร้านดังกล่าวมีเจ้าของเป็นบุคคลสัญชาติจีน มีคนไทยเป็นนอมินี จึงได้ขยายผลจนทราบว่าเจ้าของสัญชาติจีนคือ นายสุ่ย ไท่ เหว่ย หรือเดวิด โดยได้ขออนุมัติศาลเข้าค้นที่พักของนายเดวิดที่บ้านในซอยสุขุมวิท 63 เขตวัฒนา กรุงเทพฯ ผลการตรวจค้นพบสุราต่างประเทศ บุหรี่ต่างประเทศ บุหรี่ไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์ และอาวุธปืน 2 กระบอก จึงได้จับกุมนายเดวิด พร้อมของกลางดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ร.บ.ศุลกากรฯ และ พ.ร.บ.สรรพสามิตฯ จากการขยายผลเพิ่มเติมพบว่า นอกจากนายเดวิดซึ่งได้จับกุมดำเนินคดีแล้วนั้น ยังมีกลุ่มบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก 2 คน โดยเป็นกลุ่มคนจีนมาลงทุนและใช้ชื่อคนไทยเป็นนอมินี ซึ่งคนไทยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีอำนาจตัดสินใจใดๆ ในการทำธุรกิจดังกล่าว มีหน้าที่เพียงลงลายมือชื่อในเอกสารต่างๆ และได้รับเงินค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเท่านั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาเพิ่มเติม รวมทั้งที่จับกุมแล้วรวม 4 คน ประกอบด้วย บริษัท พอง แบงค็อก จำกัด (ในฐานะนิติบุคคล), นายสุ่ย ไท่ เหว่ย หรือเดวิด, นายจู้ เฉิน สัญชาติจีน และนางทองใส ดำเนินคดีในความผิดฐาน “ให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุน หรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว อันเป็นธุรกิจที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายฯ โดยมิได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจดังกล่าว หรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวโดยแสดงออกว่าเป็นธุรกิจตนแต่ผู้เดียวหรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจำกัด เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติตาม พ.ร.บ.ฯ” โดยได้ดำเนินการจับกุมนายเดวิด และนายจู้ เฉิน แล้วรวม 2 คน ที่เหลืออยู่ระหว่างติดตามจับกุม กรณีร้านคลับวัน พัทยา หลังการตรวจสอบพบยาเสพติด ตำรวจสืบสวนขยายผลจนทราบว่าร้านดังกล่าวเป็นสถานบริการที่มีการกระทำผิดเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จึงได้สืบสวนหาเจ้าของร้านที่แท้จริง เพื่อนำมาดำเนินคดีจนทราบว่าร้านดังกล่าวมีบริษัท เดอะ ซิกเนเจอร์ จำกัด เป็นผู้ดำเนินกิจการ ซึ่งมีกรรมการและผู้ถือหุ้นจำนวน 4 คน คือ นายมนู, นายสุนทร, นายนิติพัฒน์ และนายแบงค์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมด ทั้งในฐานะนิติบุคคลและฐานะส่วนตัว รวม 5 หมายจับ 4 บุคคล ดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันเปิดสถานบริการเกินเวลาที่กำหนดในกฎกระทรวง, ร่วมกันจำหน่ายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันจำหน่ายสุราเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด, ร่วมกันยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้การกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานบริการและผู้ได้รับอนุญาตตั้งสถานบริการ ย้าย แก้ไข เปลี่ยนแปลง (เปลี่ยนชื่อ) สถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต” ซึ่งติดตามจับกุมมาดำเนินคดีได้ทั้งหมด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ทั้ง 4 คดีมีพฤติการณ์ใกล้เคียงกันทั้งหมด คือ เป็นสถานบันเทิงที่มีกลุ่มทุนจีนเป็นเจ้าของ โดยใช้คนไทยเป็นนอมินีบังหน้า และยังมีความเชื่อมโยงกับการกระทำผิดประเภทอื่นๆ เช่น ยาเสพติด บ่อนการพนัน หรือคอลเซ็นเตอร์ โดยพบความเชื่อมโยงด้วยว่าทั้ง 4 กลุ่มรู้จักกัน
วันนี้ (25 พ.ค.2564) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ.2564 โดยมีเนื้อหาดั
วันนี้ (23 พ.ย.2565) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนและตรวจสอบคว