วันนี้ (24 ส.ค.2564) ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถ

นี่คือคำบอกเล่าจากหญิงไทยคนนี้ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในโรงแรมแห่งหนึ่ง กลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย หลังเธอตัดสินใจ เดินทางไปลักลอบค้าประเวณี อ้างเหตุผล เพื่อหาเงินกลับมาใช้หนี้ ข้อมูลที่น่า
#ฝุ่นเชียงใหม่ ติดเทรนด์ X ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 หลังจากค่าฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ 17 จังหวัดเกินมาตรฐาน 21 พื้นที่ โดยที่ จ.เชียงใหม่ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 157 มคก.ต่อลบ.ม.เก
นี่คือคำบอกเล่าจากหญิงไทยคนนี้ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในโรงแรมแห่งหนึ่ง กลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย หลังเธอตัดสินใจ เดินทางไปลักลอบค้าประเวณี อ้างเหตุผล เพื่อหาเงินกลับมาใช้หนี้ ข้อมูลที่น่าสนใจ คือ การลักลอบเข้าไปทำงานผิดกฎหมาย เป็นช่วงเวลา ที่ด่านชายแดนไทย-มาเลเซีย มีความเข้มงวด ควบคุมบุคคลเข้าออก จากสถานการณ์ระบาดโควิด-19 เธอเปิดเผยข้อมูลว่า หลังติดต่อผ่าน นายหน้าจัดหางาน หรือ ที่มักเรียกกันในกลุ่มว่า เอเจนซี่ จนเป็นที่พอใจทั้ง 2 ฝ่าย จึงจะนัดกำหนดวันเดินทาง พร้อมกับหญิงสาวรายอื่น กลุ่มละ 3-4 คน เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต เป็นการเดินทางจากกรุงเทพ ไปยังจังหวัดนราธิวาส และลักลอบข้ามแดนผ่านช่องทางธรรมชาติ ในอำเภอสุไหงโกลก โดยมีบุคคลนำพา หรือ คนอุ้มออก คิดค่าจ้างคนละ 1,500 ริงกิต หรือ ราว 15,000 บาท หลังจากนั้นจะมีรถยนต์ส่วนบุคคลฝั่งมาเลเซียมารอรับ และเปลี่ยนรถเป็นระยะ มุ่งหน้าไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ ข้อความประกาศหาหญิงไทยไปทำงานของนายหน้า ทำให้หญิงคนนี้ ตัดสินใจเดินทางไปในช่วงเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ทั้งที่รู้ดีว่า “มาเลเซีย” อยู่ในสถานะประเทศ ที่พบการระบาดของโควิด-19 รุนแรงมากที่สุดประเทศหนึ่ง ในแถบเอเชีย แต่ด้วยนายหน้า โน้มน้าวการันตีสถานที่ทำงาน ไปจนถึงรายได้ ประกอบกับตัวเธอเองมีหนี้สิน จากการถูกหลอกให้ลงทุน จนกลายเป็นคดีความ ต้องเร่งหาเงินมาชดใช้ หลักแสนบาท ในระยะเวลาไม่กี่เดือน จึงตกลงรับงาน แต่เมื่อเดินทางไปถึง กลับพบว่า ไม่เป็นไปตามข้อตกล มีการกักขังหน่วงเหนี่ยว ทำร้ายร่างกาย ข่มขู่ และแจ้งความจับ เพื่อไม่จ่ายเงินค่างาน ตามที่ตกลง The EXIT ติดต่อไปยังอาสาสมัครคนไทยในประเทศมาเลเซีผล ฟุตบอล อังกฤษ พรีเมียร์ ลีก เมื่อ คืนย ที่ให้ความช่วยเหลือหญิงคนดังกล่าว ได้ข้อมูลว่า กรณีนี้ช่วยเหลือหญิงไทย ออกมาได้ทั้งหมด 3 คน และพบว่าเป็นกรณีปัญหา ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยเฉพาะตั้งแต่ปลายปี ที่พบหญิงไทย ลักลอบกลับเข้ามาทำงานผิดกฎหมายในมาเลเซีย เธอระบุว่า นายหน้า หรือ เอเจนซี่ ส่วนใหญ่เป็นคนไทย ที่เข้ามาอาศัยอยู่ในมาเลเซีย มีบอส เป็นคนจีน-มาเลเซีย คอยดำเนินการ อาศัยเช่าโรงแรม และเปิดขายงานผ่านระบบออนไลน์ มีรหัสการเข้าออกห้องพักให้กับผู้ใช้บริการ ทีมข่าวค้นหาข้อมูล พบ การประกาศรับสมัครงานในลักษณะดังกล่าวอย่างโจ่งแจ้ง ทั้งในกลุ่มหางานต่างประเทศ แถบเอเชีย และเพจส่วนตัว ข้อความส่วนใหญ่ ระบุ เชิญชวนในลักษณะใกล้เคียงกัน คือ เป็นงานตรงโรงแรม มีค่าแทค หรือค่าดำเนินการอยู่ที่ 2,500 ริงกิต หรือ ราว 25,000 บาท และมักอ้างว่า ค่อยหักลบหลังจากทำงานแล้ว บางรายระบุชัดเจน ว่าเป็นการอุ้มเข้า-อุ้มออกแบบผิดกฎหมาย ทีมข่าวได้ข้อมูลว่า การอุ้มออกกรณีเข้าไปทำงานค้าประเวณี จะตกอยู่ที่คนละ 4,000-4,500 ริงกิต หรือ 4 หมื่นถึง 4 หมื่น 5 พันบาท สูงกว่าการอุ้มเข้า มากถึง 4 เท่า สอดคล้องกับข้อมูล ที่ได้รับจากผู้ร้องเรียน ว่าการกำหนดราคาอุ้มออกที่สูง เป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่ทำให้ต้องทนทำงาน ทั้งที่ถูกข่มขู่ ทำร้ายร่างกาย และไม่ได้รับค่างานตามที่ตกลง ก่อนหน้านี้ ปี 2561 ช่วงการเปลี่ยนรัฐบาลของมาเลเซีย The EXIT เคยนำเสนอข้อมูลมาตรการกวาดล้างแรงงานผิดกฎหมายในประเทศมาเลเซียที่มีความเข้มข้นมากขึ้น ช่วงเวลานั้น มีการจับกุมหญิงไทย ที่ลักลอบเข้าไปทำงานในภาคบริการได้มากกว่า 400 คน และแม้โทษทางกฎหมาย กรณีถูกจับและดำเนินคดีข้อหารอรับแขก หรือ ค้าประเวณี บวกกับเข้าเมืองผิดกฎหมาย กรณีไม่มีหนังสือเดินทาง มีโทษสูงสุด จำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 ริงกิต หรือทั้งจำทั้งปรับ จะเป็นโทษที่ค่อนข้างสูง แต่ในขณะที่ขบวนการนายหน้า ยังคงเปิดดำเนินการชักชวนหญิงไทยอย่างโจ่งแจ้ง ปัญหาลักษณะนี้ก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้. ชมย้อนหลัง :
ผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์คลิปน้ำเสียถูกปล่อยลงสู่ทะเล ทำให้น้ำทะเลหาดจอมเทียน ภายในซอยนาจอมเทียน 8 หมู่ 1 ต
วันนี้ (16 ก.ย.2564) ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงาน สถานการณ์ COVID-19 พบผู้ติดเชื้อรวม 13,897 ติดเชื้อ
วานนี้ (28 ส.ค.65) ในการแบดมินตันชิงแชมป์โลก รอบชิงชนะเลิศ มีนักกีฬาไทยลงแข่ง 1 คน จาก กุลวุฒิ วิทิต
นี่คือคำบอกเล่าจากหญิงไทยคนนี้ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในโรงแรมแห่งหนึ่ง กลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย หลังเธอตัดสินใจ เดินทางไปลักลอบค้าประเวณี อ้างเหตุผล เพื่อหาเงินกลับมาใช้หนี้ ข้อมูลที่น่าสนใจ คือ การลักลอบเข้าไปทำงานผิดกฎหมาย เป็นช่วงเวลา ที่ด่านชายแดนไทย-มาเลเซีย มีความเข้มงวด ควบคุมบุคคลเข้าออก จากสถานการณ์ระบาดโควิด-19 เธอเปิดเผยข้อมูลว่า หลังติดต่อผ่าน นายหน้าจัดหางาน หรือ ที่มักเรียกกันในกลุ่มว่า เอเจนซี่ จนเป็นที่พอใจทั้ง 2 ฝ่าย จึงจะนัดกำหนดวันเดินทาง พร้อมกับหญิงสาวรายอื่น กลุ่มละ 3-4 คน เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต เป็นการเดินทางจากกรุงเทพ ไปยังจังหวัดนราธิวาส และลักลอบข้ามแดนผ่านช่องทางธรรมชาติ ในอำเภอสุไหงโกลก โดยมีบุคคลนำพา หรือ คนอุ้มออก คิดค่าจ้างคนละ 1,500 ริงกิต หรือ ราว 15,000 บาท หลังจากนั้นจะมีรถยนต์ส่วนบุคคลฝั่งมาเลเซียมารอรับ และเปลี่ยนรถเป็นระยะ มุ่งหน้าไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ ข้อความประกาศหาหญิงไทยไปทำงานของนายหน้า ทำให้หญิงคนนี้ ตัดสินใจเดินทางไปในช่วงเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ทั้งที่รู้ดีว่า “มาเลเซีย” อยู่ในสถานะประเทศ ที่พบการระบาดของโควิด-19 รุนแรงมากที่สุดประเทศหนึ่ง ในแถบเอเชีย แต่ด้วยนายหน้า โน้มน้าวการันตีสถานที่ทำงาน ไปจนถึงรายได้ ประกอบกับตัวเธอเองมีหนี้สิน จากการถูกหลอกให้ลงทุน จนกลายเป็นคดีความ ต้องเร่งหาเงินมาชดใช้ หลักแสนบาท ในระยะเวลาไม่กี่เดือน จึงตกลงรับงาน แต่เมื่อเดินทางไปถึง กลับพบว่า ไม่เป็นไปตามข้อตกล มีการกักขังหน่วงเหนี่ยว ทำร้ายร่างกาย ข่มขู่ และแจ้งความจับ เพื่อไม่จ่ายเงินค่างาน ตามที่ตกลง The EXIT ติดต่อไปยังอาสาสมัครคนไทยในประเทศมาเลเซีผล ฟุตบอล อังกฤษ พรีเมียร์ ลีก เมื่อ คืนย ที่ให้ความช่วยเหลือหญิงคนดังกล่าว ได้ข้อมูลว่า กรณีนี้ช่วยเหลือหญิงไทย ออกมาได้ทั้งหมด 3 คน และพบว่าเป็นกรณีปัญหา ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยเฉพาะตั้งแต่ปลายปี ที่พบหญิงไทย ลักลอบกลับเข้ามาทำงานผิดกฎหมายในมาเลเซีย เธอระบุว่า นายหน้า หรือ เอเจนซี่ ส่วนใหญ่เป็นคนไทย ที่เข้ามาอาศัยอยู่ในมาเลเซีย มีบอส เป็นคนจีน-มาเลเซีย คอยดำเนินการ อาศัยเช่าโรงแรม และเปิดขายงานผ่านระบบออนไลน์ มีรหัสการเข้าออกห้องพักให้กับผู้ใช้บริการ ทีมข่าวค้นหาข้อมูล พบ การประกาศรับสมัครงานในลักษณะดังกล่าวอย่างโจ่งแจ้ง ทั้งในกลุ่มหางานต่างประเทศ แถบเอเชีย และเพจส่วนตัว ข้อความส่วนใหญ่ ระบุ เชิญชวนในลักษณะใกล้เคียงกัน คือ เป็นงานตรงโรงแรม มีค่าแทค หรือค่าดำเนินการอยู่ที่ 2,500 ริงกิต หรือ ราว 25,000 บาท และมักอ้างว่า ค่อยหักลบหลังจากทำงานแล้ว บางรายระบุชัดเจน ว่าเป็นการอุ้มเข้า-อุ้มออกแบบผิดกฎหมาย ทีมข่าวได้ข้อมูลว่า การอุ้มออกกรณีเข้าไปทำงานค้าประเวณี จะตกอยู่ที่คนละ 4,000-4,500 ริงกิต หรือ 4 หมื่นถึง 4 หมื่น 5 พันบาท สูงกว่าการอุ้มเข้า มากถึง 4 เท่า สอดคล้องกับข้อมูล ที่ได้รับจากผู้ร้องเรียน ว่าการกำหนดราคาอุ้มออกที่สูง เป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่ทำให้ต้องทนทำงาน ทั้งที่ถูกข่มขู่ ทำร้ายร่างกาย และไม่ได้รับค่างานตามที่ตกลง ก่อนหน้านี้ ปี 2561 ช่วงการเปลี่ยนรัฐบาลของมาเลเซีย The EXIT เคยนำเสนอข้อมูลมาตรการกวาดล้างแรงงานผิดกฎหมายในประเทศมาเลเซียที่มีความเข้มข้นมากขึ้น ช่วงเวลานั้น มีการจับกุมหญิงไทย ที่ลักลอบเข้าไปทำงานในภาคบริการได้มากกว่า 400 คน และแม้โทษทางกฎหมาย กรณีถูกจับและดำเนินคดีข้อหารอรับแขก หรือ ค้าประเวณี บวกกับเข้าเมืองผิดกฎหมาย กรณีไม่มีหนังสือเดินทาง มีโทษสูงสุด จำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 ริงกิต หรือทั้งจำทั้งปรับ จะเป็นโทษที่ค่อนข้างสูง แต่ในขณะที่ขบวนการนายหน้า ยังคงเปิดดำเนินการชักชวนหญิงไทยอย่างโจ่งแจ้ง ปัญหาลักษณะนี้ก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้. ชมย้อนหลัง :
วันนี้ (29 ก.ย.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า GISTDA ใช้ดาวเทียมไทยโชตสแกนพื้นที่น้ำท่วมบางส่วนของ จ.ชัย