วันนี้ (19 ต.ค.2564) นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนว

วานนี้ (2 ก.พ.2564) นายราเยศ ราย ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองสระแก้ว รักษาราชการแทนนายอำเภอเมืองสระแก้ว สั่งการให้นายบุรินทร์ ล่วงเขต ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง และเจ้าหน้าที่เข้าแจ้งเตือนชาวบ้านในเขตเทศบาล 3 ชุ
ระดับน้ำคลองระพีพัฒน์ลดต่อเนื่องส่งผลถนนทรุด นักธรณีวิทยา เสนอแนวคิดในการก่อสร้างถนนถาวร เพื่อแก้ปัญหาถนนในภาคกลางหลายจังหวัดทรุดตัว ซึ่งในขณะนี้ ถนนเลียบคลองระพีพัฒน์จังหวัดปทุมธานี เสียหายมากกว่า 88
ระดับน้ำคลองระพีพัฒน์ลดต่อเนื่องส่งผลถนนทรุด นักธรณีวิทยา เสนอแนวคิดในการก่อสร้างถนนถาวร เพื่อแก้ปัญหาถนนในภาคกลางหลายจังหวัดทรุดตัว ซึ่งในขณะนี้ ถนนเลียบคลองระพีพัฒน์จังหวัดปทุมธานี เสียหายมากกว่า 88 จุด และแตกร้าวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากน้ำแห้งคลอง และฝนทิ้งช่วง ระดับน้ำคลองระพีพัฒน์ลดต่อเนื่องส่งผลถนนทรุด ถนน 2 ฝั่ง เลียบคลองระพีพัฒน์ตลอดสายใน จ.ปทุมธานี แตกร้าวและทรุดตัวหลายจุด เนื่องจากระดับน้ำในคลองลดลงต่อเนื่อง อยู่ในระดับ 1 -2 เมตร จากความสูงของคลองที่เคยรับน้ำได้ 8 - 10 เมตร อย่างบริเวณถนนเลียบคลองระพีพัฒน์คลอง 13 ฝั่งตะวันตกใน ต.นพรัตน์ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี เป็นอีกจุดที่มีการทรุดตัว เป็นทางยาวกว่า 100 เมตร ลึกประมาณ 1.50 เมตร ทำให้รถไม่สามารถใช้ทางสัญจรได้ทั้ง 2 ช่องจราจร และประชาชนในพื้นที่ ต่างบอกว่า กังวลว่าความเสียหายจะทวีความรุนแรง ตั้งแต่ถนนเลียบคลองระพีพัฒน์ คลอง 1 - 14 มีการสำรวจการทรุดตัวของถนนจากฝ่ายปกครองว่า มีมากกว่า 88 จุด ซึ่งกรมทางหลวงชนบท เร่งซ่อมพื้นผิวถนนทั้งใน จ.ปทุมธานี และจ.สระบุรี เพื่อความปลอดภัยในการใช้ทางชั่วคราวแล้ว โดยใช้วิธีการรื้อพื้นผิวถนนและอัดเสวิเคราะห์ บอล เมื่อ คืน นี้ริมดินใหม่ คาดว่าแต่ละจุดจะใช้เวลาประมาณ1สัปดาห์ในการซ่อมแซม ศาสตราจารย์ธนวัตน์ จารุพงษ์สกุล อาจารย์ประจำภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นสถานการณ์ปกติ ของการขาดน้ำหล่อเลี้ยงดินตะกอนทะเลเก่า (Bangkok marine clay) ซึ่งมีลักษณะเป็นดินเหนียว การสูบน้ำของเกษตรกร รวมถึงแรงสั่นสะเทือนจากรถบรรทุกขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นอีก 1 ปัจจัย ที่ทำให้พื้นที่บริเวณริมคลองหรือริมแม่น้ำพื้นที่ภาคกลาง เป็นจุดเสี่ยงสำคัญในการทรุดตัวของดิน ถนน 2 ฝั่ง เลียบคลองระพีพัฒน์ตลอดสายใน จ.ปทุมธานี แตกร้าวและทรุดตัวหลายจุด เนื่องจากระดับน้ำในคลองลดลงต่อเนื่อง อยู่ในระดับ 1 -2 เมตร จากความสูงของคลองที่เคยรับน้ำได้ 8 - 10 เมตร อย่างบริเวณถนนเลียบคลองระพีพัฒน์คลอง 13 ฝั่งตะวันตกใน ต.นพรัตน์ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี เป็นอีกจุดที่มีการทรุดตัว เป็นทางยาวกว่า 100 เมตร ลึกประมาณ 1.50 เมตร ทำให้รถไม่สามารถใช้ทางสัญจรได้ทั้ง 2 ช่องจราจร และประชาชนในพื้นที่ ต่างบอกว่า กังวลว่าความเสียหายจะทวีความรุนแรง ตั้งแต่ถนนเลียบคลองระพีพัฒน์ คลอง 1 - 14 มีการสำรวจการทรุดตัวของถนนจากฝ่ายปกครองว่า มีมากกว่า 88 จุด ซึ่งกรมทางหลวงชนบท เร่งซ่อมพื้นผิวถนนทั้งใน จ.ปทุมธานี และจ.สระบุรี เพื่อความปลอดภัยในการใช้ทางชั่วคราวแล้ว โดยใช้วิธีการรื้อพื้นผิวถนนและอัดเสริมดินใหม่ คาดว่าแต่ละจุดจะใช้เวลาประมาณ1สัปดาห์ในการซ่อมแซม ศาสตราจารย์ธนวัตน์ จารุพงษ์สกุล อาจารย์ประจำภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นสถานการณ์ปกติ ของการขาดน้ำหล่อเลี้ยงดินตะกอนทะเลเก่า (Bangkok marine clay) ซึ่งมีลักษณะเป็นดินเหนียว การสูบน้ำของเกษตรกร รวมถึงแรงสั่นสะเทือนจากรถบรรทุกขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นอีก 1 ปัจจัย ที่ทำให้พื้นที่บริเวณริมคลองหรือริมแม่น้ำพื้นที่ภาคกลาง เป็นจุดเสี่ยงสำคัญในการทรุดตัวของดิน
วันนี้ (19 ก.ค.2567) กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบน
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดรับฟังความเห็นบนเว็บไซต์ของ ธปท.ถึงวันที่ 31 ธ.ค.2567 เพื่อยกร่างแก้ไ
วันนี้ (20 ส.ค.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาชน เกี่ยวกับการส่งชื่อบุคคลชิงตำแหน่งรองประธานสภาผ
ระดับน้ำคลองระพีพัฒน์ลดต่อเนื่องส่งผลถนนทรุด นักธรณีวิทยา เสนอแนวคิดในการก่อสร้างถนนถาวร เพื่อแก้ปัญหาถนนในภาคกลางหลายจังหวัดทรุดตัว ซึ่งในขณะนี้ ถนนเลียบคลองระพีพัฒน์จังหวัดปทุมธานี เสียหายมากกว่า 88 จุด และแตกร้าวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากน้ำแห้งคลอง และฝนทิ้งช่วง ระดับน้ำคลองระพีพัฒน์ลดต่อเนื่องส่งผลถนนทรุด ถนน 2 ฝั่ง เลียบคลองระพีพัฒน์ตลอดสายใน จ.ปทุมธานี แตกร้าวและทรุดตัวหลายจุด เนื่องจากระดับน้ำในคลองลดลงต่อเนื่อง อยู่ในระดับ 1 -2 เมตร จากความสูงของคลองที่เคยรับน้ำได้ 8 - 10 เมตร อย่างบริเวณถนนเลียบคลองระพีพัฒน์คลอง 13 ฝั่งตะวันตกใน ต.นพรัตน์ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี เป็นอีกจุดที่มีการทรุดตัว เป็นทางยาวกว่า 100 เมตร ลึกประมาณ 1.50 เมตร ทำให้รถไม่สามารถใช้ทางสัญจรได้ทั้ง 2 ช่องจราจร และประชาชนในพื้นที่ ต่างบอกว่า กังวลว่าความเสียหายจะทวีความรุนแรง ตั้งแต่ถนนเลียบคลองระพีพัฒน์ คลอง 1 - 14 มีการสำรวจการทรุดตัวของถนนจากฝ่ายปกครองว่า มีมากกว่า 88 จุด ซึ่งกรมทางหลวงชนบท เร่งซ่อมพื้นผิวถนนทั้งใน จ.ปทุมธานี และจ.สระบุรี เพื่อความปลอดภัยในการใช้ทางชั่วคราวแล้ว โดยใช้วิธีการรื้อพื้นผิวถนนและอัดเสวิเคราะห์ บอล เมื่อ คืน นี้ริมดินใหม่ คาดว่าแต่ละจุดจะใช้เวลาประมาณ1สัปดาห์ในการซ่อมแซม ศาสตราจารย์ธนวัตน์ จารุพงษ์สกุล อาจารย์ประจำภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นสถานการณ์ปกติ ของการขาดน้ำหล่อเลี้ยงดินตะกอนทะเลเก่า (Bangkok marine clay) ซึ่งมีลักษณะเป็นดินเหนียว การสูบน้ำของเกษตรกร รวมถึงแรงสั่นสะเทือนจากรถบรรทุกขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นอีก 1 ปัจจัย ที่ทำให้พื้นที่บริเวณริมคลองหรือริมแม่น้ำพื้นที่ภาคกลาง เป็นจุดเสี่ยงสำคัญในการทรุดตัวของดิน ถนน 2 ฝั่ง เลียบคลองระพีพัฒน์ตลอดสายใน จ.ปทุมธานี แตกร้าวและทรุดตัวหลายจุด เนื่องจากระดับน้ำในคลองลดลงต่อเนื่อง อยู่ในระดับ 1 -2 เมตร จากความสูงของคลองที่เคยรับน้ำได้ 8 - 10 เมตร อย่างบริเวณถนนเลียบคลองระพีพัฒน์คลอง 13 ฝั่งตะวันตกใน ต.นพรัตน์ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี เป็นอีกจุดที่มีการทรุดตัว เป็นทางยาวกว่า 100 เมตร ลึกประมาณ 1.50 เมตร ทำให้รถไม่สามารถใช้ทางสัญจรได้ทั้ง 2 ช่องจราจร และประชาชนในพื้นที่ ต่างบอกว่า กังวลว่าความเสียหายจะทวีความรุนแรง ตั้งแต่ถนนเลียบคลองระพีพัฒน์ คลอง 1 - 14 มีการสำรวจการทรุดตัวของถนนจากฝ่ายปกครองว่า มีมากกว่า 88 จุด ซึ่งกรมทางหลวงชนบท เร่งซ่อมพื้นผิวถนนทั้งใน จ.ปทุมธานี และจ.สระบุรี เพื่อความปลอดภัยในการใช้ทางชั่วคราวแล้ว โดยใช้วิธีการรื้อพื้นผิวถนนและอัดเสริมดินใหม่ คาดว่าแต่ละจุดจะใช้เวลาประมาณ1สัปดาห์ในการซ่อมแซม ศาสตราจารย์ธนวัตน์ จารุพงษ์สกุล อาจารย์ประจำภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นสถานการณ์ปกติ ของการขาดน้ำหล่อเลี้ยงดินตะกอนทะเลเก่า (Bangkok marine clay) ซึ่งมีลักษณะเป็นดินเหนียว การสูบน้ำของเกษตรกร รวมถึงแรงสั่นสะเทือนจากรถบรรทุกขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นอีก 1 ปัจจัย ที่ทำให้พื้นที่บริเวณริมคลองหรือริมแม่น้ำพื้นที่ภาคกลาง เป็นจุดเสี่ยงสำคัญในการทรุดตัวของดิน
วันนี้ (10 ก.ย.2564) เพจเฟซบุ๊ก ศูนย์ข้อมูลราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เผยแพร่ข้อความประกาศรายชื่อสถานศึกษา