ไฟป่าเผาวอด! หลายจังหวัดภาคเหนือเผชิญค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน

วันนี้ (4 ก.ย.2566) ความคืบหน้ากรณีน้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือกลางทะเลของโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ จ.ชลบุรี เป็นระยะทาง 5 กิโลเมตร โดยขณะนี้ ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบปริมาณน้ำมันดิบ ที่ไหลลงสู่ทะเลและผ

นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา เปิดเผยถึงแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ภายใต้โครงการ “พัทยา ม

จากรณีที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) วันที่ 24 ก.ค.2566 มีมติชี้มูลความผิด นายอิทธิพล คุณปลื้ม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเมืองพัทยา และพวก กรณีพิจารณาออกใบอนุญาตก่อสร้า

วานนี้ (20 ก.ย.2566) ทีมวิจัยมหาวิทยาลัยขอนแก่น นำโดยของ ดร.นรินทร์ ชมภูพวง อาจารย์ประจำสาขากีฏวิทยาและโรคพืชวิทยา คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, นายชวลิต ส่งแสงโชติ นายปฏิภาณ ศรีรานันท์ และนายปวีณ ปิยะตระกูลชัย ร่วมกับ "โจโฉ" ยูทูปเบอร์ชื่อดัง ลงพื้นที่สำรวจและศึกษาวิจัยนำมาสู่การค้นพบบึ้งที่สวยและดึงดูดความสนใจชนิดใหม่ของโลก คือ “บึ้งประกายสายฟ้า” บึ้งประกายสายฟ้า Chilobrachys natanicharum มีลักษณะประกายของสีน้ำเงินและสีม่วง บึ้งประกายสายฟ้า Chilobrachys natanicharum มีลักษณะประกายของสีน้ำเงินและสีม่วง ดร.นรินทร์ กล่าวว่า จากการศึกษาและสำรวจทีมวิจัยที่ จ.พังงา ในพื้นที่ป่าชายเลนไปจนถึงป่าไม่ผลัดใบในพื้นที่เนินเขา ส่งผลให้ทีมวิจัยค้นพบ “บึ้งประกายสายฟ้า” ซึ่งถือได้ว่าเป็นบึ้งชนิดแรกของไทยที่พบในบริเวณที่เป็นป่าชายเลน โดยบึ้งชนิดนี้จัดอยู่ในสกุล Chilobrachys ในวงศ์ย่อย Selenocosminae ป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ซึ่งเป็นพื้นที่พบบึ้งประกายสายฟ้า ป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ซึ่งเป็นพื้นที่พบบึ้งประกายสายฟ้า แหล่งที่อยู่อาศัยที่พบบึ้งประกายสายฟ้า Chilobrachys natanicharum พบอาศัยเฉพาะบนต้นไม้ในพื้นที่ป่าชายเลน (ภาพซ้าย) และพบในโพรงดินและโพรงต้นไม้ในป่าไม่ผลัดใบในพื้นที่ลักษณะเนิน (ภาพขวา) แหล่งที่อยู่อาศัยที่พบบึ้งประกายสายฟ้า Chilobrachys natanicharum พบอาศัยเฉพาะบนต้นไม้ในพื้นที่ป่าชายเลน (ภาพซ้าย) และพบในโพรงดินและโพรงต้นไม้ในป่าไม่ผลัดใบในพื้นที่ลักษณะเนิน (ภาพขวา) สำหรับที่มาของชื่อ “บึ้งประกายสายฟ้า” มาจากชื่อทั่วไปภาษาอังกฤษว่า “Electric-blue tarantula” ซึ่งเป็นลักษณะสีของบึ้งที่เมื่อสะท้อนกับแสงไฟแล้วมีประกายสีน้ำเงินคล้ายกับสีของ สายฟ้าสีน้ำเงิน ซึ่งตามหลักวิทยาศาสตร์แล้วสีน้ำเงินนับเป็นสีที่หายากในธรรมชาติ อันเนื่องมาจากสีน้ำเงินเป็นสีที่มีพลังงานสูง ด้านหน้าของบึ้งประกายสายฟ้า Chilobrachys natanicharum ด้านหน้าของบึ้งประกายสายฟ้า Chilobrachys natanicharum แต่ความลับของ “บึ้งประกายสายฟ้า” คือ สีน้ำเงินที่เป็นประกายงดงามสลับกันบริเวณขาเกิดจากโครงสร้างระดับนาโนของเส้นขนบึ้ง ซึ่งมาจากการหักเหของแสงทำให้แสงสะท้อนพลังงานที่ในช่วงความถี่ของแสงสีน้ำเงิน โดยไม่ได้เกิดจากกลไกที่รงควัตถุดูดซับพลังงานเหมือนกับการเกิดสีของพืชหรือสัตว์ในธรรมชาติโดยทั่วไป ลักษณะของสีประกายน้ำเงินปนม่วงเกิดจากโครงสร้างทางนาโนของเส้นขนของบึ้งประกายสายฟ้า ลักษณะของสีประกายน้ำเงินปนม่วงเกิดจากโครงสร้างทางนาโนของเส้นขนของบึ้งประกายสายฟ้า ไม่เพียงเท่านั้น “บึ้งประกายสายฟ้า” ยังปรากฏสีม่วงในบางส่วนของร่างกายด้วย ซึ่งสีม่วงเป็นสีที่มีพลังงานมากกว่าสีน้ำเงินและมีช่วงในสเปกตรัมแสงที่แคบมาก นับเป็นสีที่พบได้ยากที่สุดในสิ่งมีชีวิต บึ้งประกายสายฟ้า Chilobrachys natanicharum บึ้งประกายสายฟ้า Chilobrachys natanicharum ส่วนชื่อวิทยาศาสตร์ของบึ้งชนิดนี้ได้ตั้งชื่อว่า Chilobrachys natanicharum  เพื่อเป็นเกียรติกับ คุณณฐกร แจ้งเร็ว และคุณนิชดา แจ้งเร็ว ผู้บริหารกลุ่มบริษัทนิชดาธานี ซึ่งเป็นผู้ประมูล เพื่อนำรายได้ทั้งหมดโดยไม่หักค่าใช้จ่ายในการสมทบทุนบริจาคช่วยเหลือเด็กที่ขาดแคลนทางการศึกษาบนดอยในโรงเรียนบ้านมูเซอและผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งที่ยากไร้ ลักษณะของสีประกายน้ำเงินพบมากบริเวณด้านข้างของขาบึ้งประกายสายฟ้า Chilobrachys natanicharumบอล ตาราง วัน นี้ ลักษณะของสีประกายน้ำเงินพบมากบริเวณด้านข้างของขาบึ้งประกายสายฟ้า Chilobrachys natanicharum บึ้งชนิดนี้นอกจากเป็นการค้นพบทางวิทยาศาสตร์แล้วยังช่วยต่อลมหายใจของผู้คนและหยิบยื่นโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็กที่ห่างไกลความเจริญอีกด้วย ลักษณะของสีประกายสีม่วงมองจากด้านบน เกิดจากโครงสร้างทางนาโนของเส้นขนของบึ้งประกายสายฟ้า Chilobrachys natanicharum ซึ่งสีม่วงคือสีที่พบได้ยากที่สุดในสิ่งมีชีวิต ลักษณะของสีประกายสีม่วงมองจากด้านบน เกิดจากโครงสร้างทางนาโนของเส้นขนของบึ้งประกายสายฟ้า Chilobrachys natanicharum ซึ่งสีม่วงคือสีที่พบได้ยากที่สุดในสิ่งมีชีวิต ทั้งนี้ “บึ้งประกายสายฟ้า” นั้น ถูกนำมาเลี้ยงในกลุ่มคนนิยมเลี้ยงบึ้งมาก่อนแล้ว โดยก่อนหน้านี้มีชื่อว่า Chilobrachys sp Electric-blue โดยยังไม่มีใครจัดจำแนกและบรรยายลักษณะ รวมถึงการสำรวจว่าบึ้งชนิดนี้อาศัยอยู่ที่ไหน หรือใช้ชีวิตอย่างไร เมื่อเปรียบเทียบแล้วทำให้ได้รู้ว่าเป็นบึ้งชนิดใหม่ จึงได้มีการศึกษาวิจัยก่อนที่งานวิจัยจะถูกตีพิมพ์ลงในวารสารวิจัยนานาชาติ Zookeys เมื่อวันที่ 18 ก.ย.2566 ที่ผ่านมา https://zookeys.pensoft.net/article/106278/ ทีมวิจัยลงพื้นที่สำรวจภาคสนามที่จังหวัดพังงา ป่าชายเลนด้านหลังคือตำแหน่งพบบึ้งประกายสายฟ้า ทีมวิจัยลงพื้นที่สำรวจภาคสนามที่จังหวัดพังงา ป่าชายเลนด้านหลังคือตำแหน่งพบบึ้งประกายสายฟ้า นอกจากนี้ ดร.นรินทร์ ยังระบุว่า บึ้งในสกุลนี้มีรายงานการพบในประเทศไทยเพียง 2 ชนิดเท่านั้น “บึ้งประกายสายฟ้า” ถือได้ว่าเป็นชนิดที่ 3 จากการค้นพบในไทยครั้งล่าสุดเมื่อ 27 ปีที่แล้ว แต่ชนิดที่พบในอดีตไม่ปรากฏความแวววาวของสีที่เป็นประกายเหมือนกับ “บึ้งประกายสายฟ้า” นับเป็นบึ้งที่มีความพิเศษลักษณะสวยงามและยังพบได้ในพื้นที่ป่าอุดมสมบูรณ์ ดังนั้น จึงควรหาแนวทางอนุรักษ์พื้นที่ป่า ให้บึ้งที่พบในป่าชายเลนตัวแรกและตัวเดียวของประเทศไทยในตอนนี้ ยังคงอยู่เป็นอัญมณีแห่งผืนป่าต่อไปในอนาคต อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง ไม้เถาล้มลุก "ดองดึง" ดอกสวยเป็นไม้ประดับ หัว-รากเป็นสมุนไพร “พญาแร้ง" ฮันนีมูนกลางป่าห้วยขาแข้ง รอลุ้นลูกตัวแรก เปิดภาพ "ปลานกแก้วหัวโหนก" ใหญ่ - หายากสุดในทะเลไทย น่ารัก "พิศวงตานกฮูก" พรรณไม้ที่พบเพียงปีละ 1 ครั้ง ค้นพบ “ระฆังอัครา” กระดังงาชนิดใหม่ของโลก

วานนี้ (20 ก.ย.2566) ทีมวิจัยมหาวิทยาลัยขอนแก่น นำโดยของ ดร.นรินทร์ ชมภูพวง อาจารย์ประจำสาขากีฏวิทยาและโรคพืชวิทยา คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, นายชวลิต ส่งแสงโชติ นายปฏิภาณ ศรีรานันท์ และนายปวี