วันนี้ (14 มิ.ย.2565) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกร

วันนี้ (15 มี.ค.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโครงการ “ม33เรารักกัน” เยียวยาผู้ประกันตนตามมาตรา 33 วงเงินคนละ 4,000 บาท ที่เปิดให้ลงทะเบียนมาตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ.-7 มี.ค.ที่ผ่านมา จะเปิดให้ผู้ลงทะเบียน
จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ มาจากตำรวจกองบังคับการปราบปราม ได้รับเรื่องร้องเรียนว่า "พระธรรมวชิรานุวัตร" หรือ "เจ้าคุณแย้ม" มีพฤติกรรมยักยอกเงินวัดไร่ขิง ไปเล่นพนันออนไลน์ จึงส่งสายลับ เข้าไปแฝงตัวในวัด น
วันนี้ (22 พ.ค.2565) น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงการลงโทษโดยตัดผมนักเรียน ว่า ไม่มีระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ฉบับใดที่ให้อำนาจครูลงโทษนักเรียนด้วยการตัดผม ซึ่งระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 ในข้อ 7 ก็กำหนดให้สถานศึกษาโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษา หรือคณะกรรมการบริหารโรงเรียน วางระเบียบเกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียนที่มีความเฉพาะเจาะจงได้ เช่น โรงเรียนที่สอนเกี่ยวกับนาฏศิลป์ ซึ่งมีการจัดการเรียนการสอนที่ต้องการไว้ทรงผมนักเรียนในรูปแบบเฉพาะ ทั้งนี้ หลักการที่ต้องยึดถือในการวางระเบียบ คือ ความเหมาะสมในการพัฒนาบุคลิกภาพที่ดีของนักเรียน และการมีส่วนร่วมของนักเรียน สถานศึกษา ผู้ปกครอง และชุมชนท้องถิ่น ดังนั้น ตราบใดที่การไว้ทรงผมของนักเรียนไม่เข้าองค์ประกอบความผิดตามระเบียบของสถานศึกษา หรือของกระทรวงฯ แล้ว การลงโทษนักเรียนย่อมไม่สามารถทำได้ ตามข้อ 5 ของระเบียบฯ มีโทษเพียง 4 สถานเท่านั้น คือ ว่ากล่าวตักเตือน, ทำทัณฑ์บน, ตัดคะแนนความประพฤติ และทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อีกทั้งการลงโทษตามระเบียบฯดังกล่าวก็มีเจตนาเพียงเพื่อให้ครูใช้แก้นิสัยและความประพฤติไม่ดีของนักเรียน หรือนักศึกษา ให้รู้สำนึกในความผิด และกลับมาประพฤติตนในทางที่ดีต่อไป ไม่ใช่การลงโทษด้วยวิธีรุนแรง หรือ แบบกลั่นแกล้ง หรือลงโทษด้วยความโกรธ หรือด้วยความพยาบาท รมว.ศธ. กล่าวว่า ตามที่ข้อ 6 ของระเบียบฯ นี้ ได้บัญญัติห้ามไว้อยู่ ดังนั้นขอให้เข้าใจตรงกันว่า การลงโทษนักเรียนด้วยการตัดผม รวมถึงการใช้ความรุนแรงอื่น เช่น การใช้ไม้เรียว การหยิก ตบ ตีร่างกาย หรือการประจานให้อับอาย นอกจากจะเป็นการละเมิดสิทธิทั้งทางร่างกายและจิตใจของนักเรียนแล้ว การลงโทษด้วยวิธีการเหล่านั้นไม่สามารถทำได้ เพราะขัดต่อระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการและผิดกฎหมายด้วย แม้การสร้างระเบียบวินัยจะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักเรียน และเป็นหน้าที่ที่ครูจะต้องทำให้เกิดขึ้น แต่ไม่คิดว่าการลงโทษนักเรียนด้วยการตัดผม หรือการใช้ความรุนแรงอื่นที่กระทำต่อเนื้อตัวร่างกาย หรือจิตใจของนักเรียน จะช่วยให้เด็ก ๆ เกิดความตระหนักรู้ในบทบาทและหน้าที่ที่ตัวเอง ยิ่งถ้าเข้าใจว่าระเบียบวินัยนั้น ไม่ได้หมายถึงการทำให้ทุกคนมีลักษณะเหมือนกัน แต่หมายถึง การทำให้แต่ละคนรู้จักวางตัว และเลือกใช้พฤติกรรมที่เหมาะสมกับบุคคลอื่นในสังคม การลงโทษนักเรียนด้วยความรุนแรงยิ่งไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการสร้างระเบียบวินัย ทั้งนี้ หากพ่อ แม่ ผู้ปกครอง หรือนักเรียน พบเห็นการลงโทษนักเรียนที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งมาที่ระบบ MOE Safety Center ผ่าน 4 ช่องทาง ดังนี้ Application MOE Safety Center, wwdownload pg slot iosw.MOESafetyCenter.com, LINE @MOESafetyCenter หรือที่ call center โทร. 0-2126-6565 อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง โรงเรียนชี้แจงดรามาตัดผมรับเปิดเทอม ยืนยันทำตามระเบียบ
วันนี้ (30 พ.ย.2566) นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงเปิดตัวหลักสูตร "พนักงา
ความปลอดภัยพระ 3 ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้แม่ทัพภาคที่ 4 เสนอให้พระงดออกบิณฑบาตจนกว่าจะมั่นใจในความป
วันนี้ (22 พ.ค.2565) น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงการลงโทษโดยตัดผมนักเรียน ว่า ไม่มีระ
วันนี้ (22 พ.ค.2565) น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงการลงโทษโดยตัดผมนักเรียน ว่า ไม่มีระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ฉบับใดที่ให้อำนาจครูลงโทษนักเรียนด้วยการตัดผม ซึ่งระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 ในข้อ 7 ก็กำหนดให้สถานศึกษาโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษา หรือคณะกรรมการบริหารโรงเรียน วางระเบียบเกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียนที่มีความเฉพาะเจาะจงได้ เช่น โรงเรียนที่สอนเกี่ยวกับนาฏศิลป์ ซึ่งมีการจัดการเรียนการสอนที่ต้องการไว้ทรงผมนักเรียนในรูปแบบเฉพาะ ทั้งนี้ หลักการที่ต้องยึดถือในการวางระเบียบ คือ ความเหมาะสมในการพัฒนาบุคลิกภาพที่ดีของนักเรียน และการมีส่วนร่วมของนักเรียน สถานศึกษา ผู้ปกครอง และชุมชนท้องถิ่น ดังนั้น ตราบใดที่การไว้ทรงผมของนักเรียนไม่เข้าองค์ประกอบความผิดตามระเบียบของสถานศึกษา หรือของกระทรวงฯ แล้ว การลงโทษนักเรียนย่อมไม่สามารถทำได้ ตามข้อ 5 ของระเบียบฯ มีโทษเพียง 4 สถานเท่านั้น คือ ว่ากล่าวตักเตือน, ทำทัณฑ์บน, ตัดคะแนนความประพฤติ และทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อีกทั้งการลงโทษตามระเบียบฯดังกล่าวก็มีเจตนาเพียงเพื่อให้ครูใช้แก้นิสัยและความประพฤติไม่ดีของนักเรียน หรือนักศึกษา ให้รู้สำนึกในความผิด และกลับมาประพฤติตนในทางที่ดีต่อไป ไม่ใช่การลงโทษด้วยวิธีรุนแรง หรือ แบบกลั่นแกล้ง หรือลงโทษด้วยความโกรธ หรือด้วยความพยาบาท รมว.ศธ. กล่าวว่า ตามที่ข้อ 6 ของระเบียบฯ นี้ ได้บัญญัติห้ามไว้อยู่ ดังนั้นขอให้เข้าใจตรงกันว่า การลงโทษนักเรียนด้วยการตัดผม รวมถึงการใช้ความรุนแรงอื่น เช่น การใช้ไม้เรียว การหยิก ตบ ตีร่างกาย หรือการประจานให้อับอาย นอกจากจะเป็นการละเมิดสิทธิทั้งทางร่างกายและจิตใจของนักเรียนแล้ว การลงโทษด้วยวิธีการเหล่านั้นไม่สามารถทำได้ เพราะขัดต่อระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการและผิดกฎหมายด้วย แม้การสร้างระเบียบวินัยจะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักเรียน และเป็นหน้าที่ที่ครูจะต้องทำให้เกิดขึ้น แต่ไม่คิดว่าการลงโทษนักเรียนด้วยการตัดผม หรือการใช้ความรุนแรงอื่นที่กระทำต่อเนื้อตัวร่างกาย หรือจิตใจของนักเรียน จะช่วยให้เด็ก ๆ เกิดความตระหนักรู้ในบทบาทและหน้าที่ที่ตัวเอง ยิ่งถ้าเข้าใจว่าระเบียบวินัยนั้น ไม่ได้หมายถึงการทำให้ทุกคนมีลักษณะเหมือนกัน แต่หมายถึง การทำให้แต่ละคนรู้จักวางตัว และเลือกใช้พฤติกรรมที่เหมาะสมกับบุคคลอื่นในสังคม การลงโทษนักเรียนด้วยความรุนแรงยิ่งไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการสร้างระเบียบวินัย ทั้งนี้ หากพ่อ แม่ ผู้ปกครอง หรือนักเรียน พบเห็นการลงโทษนักเรียนที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งมาที่ระบบ MOE Safety Center ผ่าน 4 ช่องทาง ดังนี้ Application MOE Safety Center, wwdownload pg slot iosw.MOESafetyCenter.com, LINE @MOESafetyCenter หรือที่ call center โทร. 0-2126-6565 อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง โรงเรียนชี้แจงดรามาตัดผมรับเปิดเทอม ยืนยันทำตามระเบียบ
วันนี้ (19 มี.ค.2568) น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการมรดกโ