วันนี้ (26 มิ.ย.2567) น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.

ซึ่งตลาดภาพยนตร์ในจีนใหญ่ติดอันดับต้นๆ ของโลก ดังนั้น ใครก็อยากเอาภาพยนตร์ของตัวเองไปฉายในจีน แต่สำหรับผู้สร้างภาพยนตร์ในสหรัฐฯ อาจเจอปัญหาหนักใจหน่อยหลังจากนี้ แม้ว่าในภาพรวม สหรัฐฯ จะขาดดุลการค้ากับ
วันนี้ (22 มี.ค.2566) ศ.นพ.วินัย วนานุกูล หัวหน้าศูนย์พิษวิทยาและหัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี แถลงข่าว “ซีเซียม (Cesium, Cs-137) กับยาต้านพิษ พรัสเซียนบลู (Prussian blue)”
ซึ่งตลาดภาพยนตร์ในจีนใหญ่ติดอันดับต้นๆ ของโลก ดังนั้น ใครก็อยากเอาภาพยนตร์ของตัวเองไปฉายในจีน แต่สำหรับผู้สร้างภาพยนตร์ในสหรัฐฯ อาจเจอปัญหาหนักใจหน่อยหลังจากนี้ แม้ว่าในภาพรวม สหรัฐฯ จะขาดดุลการค้ากับจีนปีละนับแสนๆ ล้านดอลลาร์สหรัฐ จนเป็นเหตุให้โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต้องออกมาประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนสูงถึง 145% แต่หนึ่งในอุตสาหกรรมเพียงไม่กี่อย่างที่สหรัฐฯ ได้เปรียบและเกินดุลการค้ากับจีน หนีไม่พ้น อุตสาหกรรมภาพยนตร์ ซึ่งตอนนี้กำลังโดนพิษจากสงครามการค้าระหว่างสองมหาอำนาจโลก สำนักงานภาพยนตร์แห่งชาติจีนออกแถลงการณ์ ว่า การตั้งกำแพงภาษีของรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นการกระทำที่ผิด ซึ่งย่อมส่งผลให้ผู้ชมในจีนชอบภาพยนตร์อเมริกันลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทางสำนักงานจึงจะดำเนินการตามกฎของตลาด เคารพการตัดสินใจของผู้ชมและจะลดจำนวนภาพยนตร์จากสหรัฐฯ ที่จะนำเข้ามาฉายในจีนด้วย ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้น หลังจากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา คนดังในแวดวงข่าวและโลกออนไลน์ออกมาสนับสนุนการห้ามนำเข้าภาพยนตร์อเมริกัน หรือลดจำนวนการนำเข้าลง เพื่อตอบโต้มาตรการกำแพงภาษีของทรัมป์ที่พุ่งเป้าโจมตีมาที่จีน ข้อมูลจากสมาคมผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ในอังกฤษ ชี้ว่า ตลาดภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ในอเมริกาเหนือ ได้แก่ สหรัฐฯ และแคนาดา ซึ่งมีรายได้จากการจำหน่ายตั๋วภาพยนตร์เมื่อปี 2021 กว่า 7,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามมาด้วยจีน ญี่ปุ่น อินเดีย และ อังกฤษ ไอร์แลนด์ โดยตลาดทั้ง 5 ที่นี้ มีอุตสาหกรรมภาพยนตร์เป็นของตัวเองและมีขนาดใหญ่ด้วย ขณะที่ตลาดจีนเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จีนมีประชากรมากกว่า 1,400 ล้านคน ดังนั้น ตลาดแห่งนี้จึงดึงดูดใจนักลงทุน รวมทั้งบรรดาผู้ผลิตและจัดจำหน่ายภาพยนตร์จากทั่วโลก อย่างสหรัฐฯเองจีนเริ่มนำเข้าภาพยนตร์อเมริกันในปี 1994 โดยนำเข้ามาปีละประมาณ 10 เรื่อง ผ่านรูปแบบการจัดจำหน่ายที่จะมีการแชร์รายได้กันระหว่างบริษัทในและนอกประเทศ ซึ่งสตูดิโอฮอลลีวูดจะได้รับเงินเพียงแค่ 1 ใน 4 ของรายรับทั้งหมด ขณะที่จีนจะเก็บภาษี 50% ภาพยนตร์ฮอลลีวูดมียอดจำหน่ายตั๋วประมาณ 5% ของยอดจำหน่ายตั๋วทั้งหมดในจีนเท่านั้น โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมบันเทิงในประเทศเฟื่องฟูขึ้นอย่างมาก ขณะที่ความนิยมในภาพยนตร์ฮอลลีวูดของชาวจีนลดน้อยลง สวนทางกับยอดจำหน่ายตั๋วเข้าชมภาพยนตร์ที่จีนผลิตขึ้นเองในประเทศ โดยตั้งแต่ปี 2020 ภาพยนตร์จีนกินส่วนแบ่งปีละประมาณ 80% ของรายได้จากการจำหน่ายตั๋วภาพยนตร์ทั้งหมดในจีน ตัวอย่างที่ชัดเจนอย่างหนึ่ง คือ มีเพียงแค่เรื่อง Avengers: Endgame เท่านั้น ที่เป็นภาพยนตร์นำเข้าและติดโผภาพยนตร์ทำเงินตลอดกาลในจีน 20 อันดับแรก โดยทำเงินไปทั้งสิ้น 4,250 ล้านหยวน หรือเกือบ 20,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 19 เรื่องเป็นภาพยนตร์จีนทั้งหมด จริงๆ แล้ว สตูดิโอในสหรัฐฯ หวังพึ่งตลาดจีน หลังอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในตะวันตกอิ่มตัวและแพลตฟอร์มการชมภาพยนตร์แบบออนไลน์แย่งผู้ชมไปเยอะ แต่ในระยะหลังๆ มานี้ ทางการจีนหันมาคุมเข้มการนำเข้าภาพยนตร์จากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะภาพยนตร์อเมริกันที่อาจจะขัดกับคุณค่าที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนยึดถือ ข้อมูลจาก "เมาเหยี่ยน เอนเตอร์เทนเมนต์" ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มจำหน่ายตั๋วภาพยนตร์รายใหญ่ที่สุดของจีน ชี้ว่าทางการจีนอนุญาตให้มีการฉายภาพยนตร์อเมริกันสูงสุดมากกว่า 60 เรื่องในปี 2018 ก่อนที่ตัวเลขดังกล่าวจะลดลงมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะในยุคโควิด-19 โดยต่ำที่สุดอยู่ที่ 25 เรื่อง เมื่อปี 2022 ก่อนจะเพิ่มขึ้นมาเป็นกว่า 40 เรื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แม้ตอนนี้ จีนจะยังไม่ได้ถึงกับห้ามการนำเข้า แต่การตัดสินใจสั่งลดจำนวนภาพยนตร์อเมริกัน ก็ส่งสัญญาณว่า รัฐบาลจีนอาจจะหันมาโจมตีธุรกิจภาคบริการของสหรัฐฯ ในสงครามการค้ารอบนี้หรือไม่ ซึ่งจุดนี้จะทำให้จีนมีตัวเลือกในการตอบโต้สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น หลังจากรายได้ในด้านนี้ของสหรัฐฯ เกินดุลกับจีนในหลายธุรกิจ ทั้งภาคการท่องเที่ยว ค่าลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญา และคมนาคม ขณะที่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ทางการจีนก็เพิ่งออกมาเดู ราคา บอล วัน พรุ่งนี้ตือนนักเรียนจีนถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในการไปเรียนที่สหรัฐฯ ในบางรัฐ รวมทั้งขอให้พลเมืองจีนระมัดระวังในการเดินทางท่องเที่ยวในสหรัฐฯ ด้วย การนำเข้าภาพยนตร์ฮอลลีวูดอาจไม่ใช่แค่เรื่องของเม็ดเงินที่สหรัฐฯ จะได้รับเท่านั้น แต่เป็นผลประโยชน์ใหญ่ในการส่งออกวัฒนธรรมอเมริกันไปยังจีนผ่าน soft power ที่แข็งแกร่ง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการช่วยแผ่ขยายอิทธิพลของสหรัฐฯ ไปทั่วโลก การจำกัดการนำเข้าภาพยนตร์แบบนี้เป็นวิธีที่ตีได้ตรงจุด และจีนไม่ต้องเจ็บมากด้วย อ่านข่าว : ภาษีจีนทะยาน 145% ทรัมป์ รอสาย สี จิ้นผิง ปักกิ่งเมินเจรจา จับตาศึกยก 2 สังเวียนการค้าโลก "อเมริกา-จีน" เดินเกมตอบโต้ หุ้นเอเชียพุ่งขานรับ "ทรัมป์" ระงับเก็บภาษีนำเข้า 90 วัน
อบอวลกลิ่นความรัก ไม่แพ้วันวาเลนไทน์กับ “ดินเนอร์พรรคร่วม” ที่มีพรรคเพื่อไทย เป็นเจ้าภาพเลี้ยง 315 เ
“Art Box” ตลาดตู้คอนเทนเนอร์ กับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เปิดย่านการค้าเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ก็ต้องวางแผนให้
วันนี้ (4 ต.ค.2564) นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายสื่อสารและความสัมพันธ์องค์กร ธนาคารแห่
ซึ่งตลาดภาพยนตร์ในจีนใหญ่ติดอันดับต้นๆ ของโลก ดังนั้น ใครก็อยากเอาภาพยนตร์ของตัวเองไปฉายในจีน แต่สำหรับผู้สร้างภาพยนตร์ในสหรัฐฯ อาจเจอปัญหาหนักใจหน่อยหลังจากนี้ แม้ว่าในภาพรวม สหรัฐฯ จะขาดดุลการค้ากับจีนปีละนับแสนๆ ล้านดอลลาร์สหรัฐ จนเป็นเหตุให้โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต้องออกมาประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนสูงถึง 145% แต่หนึ่งในอุตสาหกรรมเพียงไม่กี่อย่างที่สหรัฐฯ ได้เปรียบและเกินดุลการค้ากับจีน หนีไม่พ้น อุตสาหกรรมภาพยนตร์ ซึ่งตอนนี้กำลังโดนพิษจากสงครามการค้าระหว่างสองมหาอำนาจโลก สำนักงานภาพยนตร์แห่งชาติจีนออกแถลงการณ์ ว่า การตั้งกำแพงภาษีของรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นการกระทำที่ผิด ซึ่งย่อมส่งผลให้ผู้ชมในจีนชอบภาพยนตร์อเมริกันลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทางสำนักงานจึงจะดำเนินการตามกฎของตลาด เคารพการตัดสินใจของผู้ชมและจะลดจำนวนภาพยนตร์จากสหรัฐฯ ที่จะนำเข้ามาฉายในจีนด้วย ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้น หลังจากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา คนดังในแวดวงข่าวและโลกออนไลน์ออกมาสนับสนุนการห้ามนำเข้าภาพยนตร์อเมริกัน หรือลดจำนวนการนำเข้าลง เพื่อตอบโต้มาตรการกำแพงภาษีของทรัมป์ที่พุ่งเป้าโจมตีมาที่จีน ข้อมูลจากสมาคมผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ในอังกฤษ ชี้ว่า ตลาดภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ในอเมริกาเหนือ ได้แก่ สหรัฐฯ และแคนาดา ซึ่งมีรายได้จากการจำหน่ายตั๋วภาพยนตร์เมื่อปี 2021 กว่า 7,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามมาด้วยจีน ญี่ปุ่น อินเดีย และ อังกฤษ ไอร์แลนด์ โดยตลาดทั้ง 5 ที่นี้ มีอุตสาหกรรมภาพยนตร์เป็นของตัวเองและมีขนาดใหญ่ด้วย ขณะที่ตลาดจีนเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จีนมีประชากรมากกว่า 1,400 ล้านคน ดังนั้น ตลาดแห่งนี้จึงดึงดูดใจนักลงทุน รวมทั้งบรรดาผู้ผลิตและจัดจำหน่ายภาพยนตร์จากทั่วโลก อย่างสหรัฐฯเองจีนเริ่มนำเข้าภาพยนตร์อเมริกันในปี 1994 โดยนำเข้ามาปีละประมาณ 10 เรื่อง ผ่านรูปแบบการจัดจำหน่ายที่จะมีการแชร์รายได้กันระหว่างบริษัทในและนอกประเทศ ซึ่งสตูดิโอฮอลลีวูดจะได้รับเงินเพียงแค่ 1 ใน 4 ของรายรับทั้งหมด ขณะที่จีนจะเก็บภาษี 50% ภาพยนตร์ฮอลลีวูดมียอดจำหน่ายตั๋วประมาณ 5% ของยอดจำหน่ายตั๋วทั้งหมดในจีนเท่านั้น โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมบันเทิงในประเทศเฟื่องฟูขึ้นอย่างมาก ขณะที่ความนิยมในภาพยนตร์ฮอลลีวูดของชาวจีนลดน้อยลง สวนทางกับยอดจำหน่ายตั๋วเข้าชมภาพยนตร์ที่จีนผลิตขึ้นเองในประเทศ โดยตั้งแต่ปี 2020 ภาพยนตร์จีนกินส่วนแบ่งปีละประมาณ 80% ของรายได้จากการจำหน่ายตั๋วภาพยนตร์ทั้งหมดในจีน ตัวอย่างที่ชัดเจนอย่างหนึ่ง คือ มีเพียงแค่เรื่อง Avengers: Endgame เท่านั้น ที่เป็นภาพยนตร์นำเข้าและติดโผภาพยนตร์ทำเงินตลอดกาลในจีน 20 อันดับแรก โดยทำเงินไปทั้งสิ้น 4,250 ล้านหยวน หรือเกือบ 20,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 19 เรื่องเป็นภาพยนตร์จีนทั้งหมด จริงๆ แล้ว สตูดิโอในสหรัฐฯ หวังพึ่งตลาดจีน หลังอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในตะวันตกอิ่มตัวและแพลตฟอร์มการชมภาพยนตร์แบบออนไลน์แย่งผู้ชมไปเยอะ แต่ในระยะหลังๆ มานี้ ทางการจีนหันมาคุมเข้มการนำเข้าภาพยนตร์จากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะภาพยนตร์อเมริกันที่อาจจะขัดกับคุณค่าที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนยึดถือ ข้อมูลจาก "เมาเหยี่ยน เอนเตอร์เทนเมนต์" ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มจำหน่ายตั๋วภาพยนตร์รายใหญ่ที่สุดของจีน ชี้ว่าทางการจีนอนุญาตให้มีการฉายภาพยนตร์อเมริกันสูงสุดมากกว่า 60 เรื่องในปี 2018 ก่อนที่ตัวเลขดังกล่าวจะลดลงมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะในยุคโควิด-19 โดยต่ำที่สุดอยู่ที่ 25 เรื่อง เมื่อปี 2022 ก่อนจะเพิ่มขึ้นมาเป็นกว่า 40 เรื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แม้ตอนนี้ จีนจะยังไม่ได้ถึงกับห้ามการนำเข้า แต่การตัดสินใจสั่งลดจำนวนภาพยนตร์อเมริกัน ก็ส่งสัญญาณว่า รัฐบาลจีนอาจจะหันมาโจมตีธุรกิจภาคบริการของสหรัฐฯ ในสงครามการค้ารอบนี้หรือไม่ ซึ่งจุดนี้จะทำให้จีนมีตัวเลือกในการตอบโต้สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น หลังจากรายได้ในด้านนี้ของสหรัฐฯ เกินดุลกับจีนในหลายธุรกิจ ทั้งภาคการท่องเที่ยว ค่าลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญา และคมนาคม ขณะที่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ทางการจีนก็เพิ่งออกมาเดู ราคา บอล วัน พรุ่งนี้ตือนนักเรียนจีนถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในการไปเรียนที่สหรัฐฯ ในบางรัฐ รวมทั้งขอให้พลเมืองจีนระมัดระวังในการเดินทางท่องเที่ยวในสหรัฐฯ ด้วย การนำเข้าภาพยนตร์ฮอลลีวูดอาจไม่ใช่แค่เรื่องของเม็ดเงินที่สหรัฐฯ จะได้รับเท่านั้น แต่เป็นผลประโยชน์ใหญ่ในการส่งออกวัฒนธรรมอเมริกันไปยังจีนผ่าน soft power ที่แข็งแกร่ง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการช่วยแผ่ขยายอิทธิพลของสหรัฐฯ ไปทั่วโลก การจำกัดการนำเข้าภาพยนตร์แบบนี้เป็นวิธีที่ตีได้ตรงจุด และจีนไม่ต้องเจ็บมากด้วย อ่านข่าว : ภาษีจีนทะยาน 145% ทรัมป์ รอสาย สี จิ้นผิง ปักกิ่งเมินเจรจา จับตาศึกยก 2 สังเวียนการค้าโลก "อเมริกา-จีน" เดินเกมตอบโต้ หุ้นเอเชียพุ่งขานรับ "ทรัมป์" ระงับเก็บภาษีนำเข้า 90 วัน
วันนี้ (23 ส.ค.2566) เพจประชาสัมพันธ์กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช รายงานว่า สายตรวจปราบปราม