UID: 00238

"อาถรรพ์ 7 ปี" หรือที่ในภาษาอังกฤษเรียกว่า Seven-Year Itch เป็นความเชื่อที่ว่าคู่รักที่คบกันครบ 7 ปี

เมื่อวันที่ 27 ก.พ.2566 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อสำ

"อาถรรพ์ 7 ปี" หรือที่ในภาษาอังกฤษเรียกว่า Seven-Year Itch เป็นความเชื่อที่ว่าคู่รักที่คบกันครบ 7 ปี มักเผชิญปัญหาความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นความเบื่อหน่าย การทะเลาะบ่อยขึ้น หรือแม้แต่การเลิกรา คำนี้ได้รับความนิยมในวงกว้างตั้งแต่ภาพยนตร์ฮอลลีวูดในปี 1955 เรื่อง "The Seven Year Itch" นำแสดงโดย มาริลีน มอนโร เล่าเรื่องสามีที่เริ่มรู้สึก "คัน = Itch" อยากนอกใจภรรยาหลังแต่งงานครบ 7 ปี ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้แนวคิดนี้กลายเป็นที่พูดถึงทั่วโลก และถูกนำมาเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์ที่เริ่มสั่นคลอนเมื่อถึงระยะเวลานี้ ที่มา : Wikipedia ที่มา : Wikipedia ในบริบทของสังคมไทย อาถรรพ์ 7 ปีถูกมองเป็นเหมือน "ตัวเลขต้องคำสาป" ที่ทำให้คู่รักต้องระวัง เพราะเชื่อว่าเป็นช่วงที่ความสัมพันธ์ถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ บางคนถึงขั้นหวาดระแวงเมื่อใกล้ถึงปีที่ 7 เพราะกลัวว่าจะต้องเผชิญปัญหาที่คาดไม่ถึง ที่มาของอาถรรพ์ 7 ปี ความเชื่อเรื่องอาถรรพ์ 7 ปีไม่ได้มีที่มาเฉพาะเจาะจง แต่มีรากฐานจากทั้งวัฒนธรรมและจิตวิทยา ในหลายวัฒนธรรม ตัวเลข 7 มีความหมายพิเศษ เช่น เป็นเลขแห่งความสมบูรณ์หรือการเปลี่ยนแปลง ในทางโหราศาสตร์ไทยและจีน บางครั้งเลข 7 ถูกมองว่าเกี่ยวข้องกับความท้าทายหรืออุปสรรค ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์ที่ยาวนานถึงจุดนี้ นักจิตวิทยาและนักวิจัย เช่น โรเบิร์ต สเติร์นเบิร์ก ผู้พัฒนาทฤษฎีสามเหลี่ยมแห่งความรัก (Triangular Theory of Love) อธิบายว่าความรักประกอบด้วย 3 องค์ประกอบ ได้แก่ ความใกล้ชิด (Intimacy) ความเสน่หา (Passion) และความผูกพัน (Commitment) เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะช่วง 7 ปี ความเสน่หาที่เคยเร่าร้อนในช่วงแรกอาจลดลง เหลือเพียงความผูกพันหรือความเคยชิน ซึ่งหากทั้งคู่ไม่พยายามเติมเต็มความรักในด้านอื่น ความสัมพันธ์อาจถึงทางตัน ระยะเวลา 7 ปีมักเป็นช่วงที่คู่รักเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เช่น การเปลี่ยนงาน การมีลูก หรือการย้ายที่อยู่อาศัย การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจนำมาซึ่งความเครียดหรือความขัดแย้งที่สะสมมาโดยไม่รู้ตัว นอกจากนี้ การใช้ชีวิตด้วยกันนานทำให้ทั้งสองฝ่ายเห็นข้อบกพร่องของกันและกันชัดเจนขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่ความรู้สึกอิ่มตัว ภาพประกอบข่าว ภาพประกอบข่าว ความเคยชินและความเบื่อหน่าย หลังจากคบกันมานาน ความตื่นเต้นในช่วงแรก (Honeymoon Phase) ที่เต็มไปด้วยโดปามีนและความหลงใหลมักจางหายไป คู่รักอาจรู้สึกว่าชีวิตรักกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน ไม่มีอะไรใหม่ให้ค้นหา การมองเห็นข้อบกพร่อง ในช่วง 2-3 ปีแรก คู่รักมักมองกันผ่าน "แว่นสีชมพู" แต่เมื่อถึงปีที่ 7 ทั้งสองฝ่ายเริ่มเห็นนิสัยที่แท้จริงของกันและกัน เช่น ความดื้อรั้นหรือความไม่รับผิดชอบ ซึ่งอาจทำให้เกิดความขัดแย้ง ความคาดหวังที่เปลี่ยนไป เมื่อเวลาผ่านไป ความคาดหวังในความสัมพันธ์อาจไม่ตรงกัน เช่น ฝ่ายหนึ่งอยากแต่งงาน แต่อีกฝ่ายยังไม่พร้อม หรือฝ่ายหนึ่งต้องการความใกล้ชิดมากขึ้น แต่อีกฝ่ายให้ความสำคัญกับงานหรือเพื่อนมากกว่า การเปลี่ยนแปลงส่วนบุคคล ในรอบ 7 ปี คนเรามักเติบโตและเปลี่ยนแปลงทั้งด้านความคิดและเป้าหมายในชีวิต หากทั้งคู่เติบโตไปในทิศทางที่ต่างกัน ความสัมพันธ์อาจเริ่มไม่ลงตัว ความหวาดระแวงจากความเชื่อ บางคู่ที่ได้ยินเรื่องอาถรรพ์ 7 ปี อาจเกิดความกังวลเกินเหตุ เช่น การจับตามองพฤติกรรมของอีกฝ่ายมากขึ้นหรือการตีความการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ว่าเป็นสัญญาณของปัญหา ซึ่งอาจนำไปสู่การทะเลาะโดยไม่จำเป็น ภาพประกอบข่าว ภาพประกอบข่าว ในยุคสมัยที่ความสัมพันธ์มีความหลากหลายมากขึ้น อาถรรพ์ 7 ปีอาจไม่ใช่เรื่องลี้ลับอย่างที่คิด ผู้คนในโซเชียลมีเดีย เช่น บนแพลตฟอร์ม X มักมองว่าปรากฏการณ์นี้เป็นเพียงช่วงเวลาที่ "คู่รักถึงจุดอิ่มตัว" ไม่ใช่เพราะตัวเลขมีพลังวิเศษอะไร บางโพสต์ระบุว่า "7 ปีคือเวลาที่คุณเห็นทุกมุมของอีกฝ่ายแล้ว ถ้ายังรักกันได้ก็ไปต่อ ถ้าไม่ไหวก็แยกย้าย" ซึ่งสะท้อนมุมมองที่เน้นเหตุผลมากกว่าความเชื่อ ในทางปฏิบัติ คู่รักสมัยใหม่มักเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก เช่น ความเครียดจากงานหรือการเงิน ซึ่งอาจทำให้รู้สึกว่าปีที่ 7 เป็น "จุดแตกหัก" ทั้งที่จริงแล้วปัญหาอาจสะสมมานานก่อนหน้านี้ การสื่อสารที่ลดลงและการละเลยความรู้สึกของกันและกันมักเป็นตัวเร่งให้ความสัมพันธ์ถึงทางตันมากกว่าตัวเลข 7 เอง ภาพประกอบข่าว ภาพประกอบข่าว หากคุณกำลังกังวลเกี่ยวกับอาถรรพ์ 7 ปี หรือรู้สึกว่าความสัมพันธ์เริ่มสั่นคลอน ไม่ต้องกลัว ! นี่คือเคล็ดลับที่ช่วยให้ความรักของคุณยืนยาวเกินตัวเลขนี้ ภาพประกอบข่าว ภาพประกอบข่าว บางครั้ง ไม่ว่าพยายามแค่ไหน ความสัมพันธ์อาจถึงจุดที่ไปต่อไม่ได้ และนั่นไม่ใช่เรื่องน่าอายหรือล้มเหลว การยอมรับว่า "ถึงทางตัน" และเลือกที่จะจบลงด้วยความเข้าใจ อาจเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทั้ง 2 ฝ่าย เพราะทุกการจบไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่เป็นการเปิดประตูสู่การเริ่มต้นใหม่ การเลิกราในปีที่ 7 หรือช่วงเวลาใดก็ตาม อาจทำให้คุณได้ค้นพบตัวเอง ได้เรียนรู้สิ่งที่ต้องการในชีวิต และเติบโตเป็นคนที่ดีขึ้น บางคนพบว่าหลังจากจบความสัมพันธ์ พวกเขาได้พบโอกาสใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นความรักครั้งใหม่ มิตรภาพ หรือเป้าหมายส่วนตัวที่เคยมองข้ามไป การปล่อยวางด้วยใจที่ยอมรับ จะช่วยให้คุณก้าวต่อไปได้อย่างสงบ ในมุมมองที่เป็นบวก การจบความสัมพันธ์เปรียบเหมือนการปิดบทหนึ่งของชีวิตเพื่อเริ่มเขียนบทใหม่ คุณอาจเจ็บปวดในตอนแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไป คุณจะพบว่าประสบการณ์นั้นทำให้คุณแข็งแกร่งและรู้จักตัวเองมากขึ้น การมองว่าทุกการจบคือโอกาสใหม่จะช่วยให้คุณก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากด้วยความหวัง ภาพประกอบข่าว ภาพประกอบข่าว สำหรับคู่รักที่ผ่านช่วงนี้ไปได้ ปีที่ 7 ไม่ใช่คำสาป แต่เป็นโอกาสในการทบทวนและเติมพลังให้ความสัมพันธ์ คู่รักที่รอดจาก "อาถรรพ์" มักเล่าว่าพวกเขาเข้าใจกันมากขึ้นและรู้สึกว่ารักแข็งแกร่งกว่าเดิม เพราะได้เรียนรู้ที่จะยอมรับข้อบกพร่องและเติบโตไปด้วยกัน ความสัมพันธ์ในปีที่ 7 คือการฉลองความสำเร็จที่ทั้งคู่ผ่านอุปสรรคมาได้ เป็นช่วงเวลาที่เหมาะจะบอกตัวเองว่า "เรายังเลือกกันและกัน" และเรthaigaming168ิ่มต้นบทใหม่ด้วยความรักที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น หรือหากต้องจบลง ก็เป็นการเริ่มต้นใหม่ที่เต็มไปด้วยบทเรียนและความหวัง สุดท้ายแล้ว อาถรรพ์ 7 ปีไม่ใช่พลังลี้ลับที่ทำลายความรัก แต่เป็นช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์อาจถึงจุดเปลี่ยนตามธรรมชาติของมนุษย์ ด้วยการสื่อสาร ความเข้าใจ และความพยายาม คู่รักสามารถเปลี่ยนปีที่ 7 ให้เป็นจุดเริ่มต้นของความรักที่แข็งแกร่ง แต่หากความสัมพันธ์ถึงทางตัน อย่ากลัวที่จะปล่อยวาง เพราะทุกการจบคือการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ สุดท้าย ความรักที่ยั่งยืนไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเลข แต่ขึ้นอยู่กับหัวใจของคนที่เห็นคุณค่าของกันและกัน 2 คนเท่านั้น "พายุอาจไม่ได้มาทำลาย แต่มาช่วยกวาดทางให้ชีวิตคุณเดินได้ง่ายกว่าเดิม" ภาพประกอบข่าว ภาพประกอบข่าว อ่านข่าวอื่น : อดีตถึงปัจจุบัน ความหมายลึกซึ้ง "ล้างเท้าบุพการี" สงกรานต์ 2568 "SWAN" ดาวหางดวงใหม่กำลังเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ เห็นด้วยตาเปล่าปลาย เม.ย.-พ.ค.

วันนี้ (7 ก.ย.2564) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอน