วันนี้ (18 มิ.ย.2565) ศูนย์การค้ากาดสวนแก้ว จ.เชีย

เมื่อวันที่ 22 ม.ค.2566 YG Entertainment ได้เปิดตัวสมาชิกของเกิร์ลกรุ๊ปวงใหม่ BABYMONSTER ที่กำลังจะเดบิวต์ นั่นคือ คลิป BABYMONSTER (#3) - CHIQUITA (Live Performance) ของแคนนี่-"แคนนี่ รินรัตน์ชา พรเ
จากกรณี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "ถุงขนมภาค 2" ซึ่งเป็นดีลที่ฮ่องกงเมื่อช่วงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา วันนี้ (17 มิ.ย.2567) นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่า
สงครามการเมืองเมียนมา (Myanmar Civil War) กล่าวได้ว่า ยาวนานที่สุดในโลก ตั้งแต่ปี 1948 และไม่มีทีท่าจะจบง่าย ๆ มีหลายกลุ่มชาติพันธุ์ และกลุ่มขัดแย้งทางการเมืองต่าง ๆ แยกย่อยออกมาเป็นกองกำลังต่าง ๆ เพื่อปลดแอกตนเองจากการปกครองแบบอำนาจนิยม กระนั้น กิจการภายในประเทศของเมียนมาก็ส่งผลกระทบต่อเพื่อนบ้านไม่น้อย การแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-เมียนมา ถือเป็นประเด็นด้านความมั่นคงลำดับต้น ๆ ที่ต้องหาทางออก มีการระดมสมอง และประสานพลังจากทุกภาคส่วนอยู่บ่อยครั้ง แต่ยังคงประสบกับปัญหาหลายประการ ทั้งปัญหาจากเมียนมา ที่กลุ่มต่อต้านต่าง ๆ ขาดความร่วมมือ หรือปัญหาจากไทยเอง ที่ยังไม่อาจสร้างฉันทามติได้ว่า ปัญหาชายแดนเมียนมาจะจัดการอย่างไร มีการตั้งคำถามว่า ที่สุดแล้ว ไทยจะสถาปนาตนเองเป็นตัวกลาง สร้างสัมพันธภาพ และเชโปรโมชั่น ทดลองเล่นgclubื่อมร้อยความแตกแยกของเมียนมาได้หรือไม่ ใช้กลวิธีใด ประสานพลังอย่างไร และท้ายที่สุด "สันติภาพอย่างถาวร (Perpretual Peace)" จะเกิดแก่เมียนมาหรือไม่ สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี กรรมการศูนย์นโยบายยุทธศาสตร์ (Center for Strategic Policy หรือ CSP) หนึ่งในนักวิชาการคลังสมอง (Think Tank) สร้างข้อเสนอหลักเชิงนโยบายต่อรัฐบาลไทยเพื่อแก้ไขปัญหาเมียนมา โดยโครงร่างงานวิจัย Myanmar and Thailand at the Crossroads: Strategic Pathways to Regional Peace and Stability มีแนวทางปฏิบัติในกระบวนการกำหนดนโยบายต่อเมียนมาที่สำคัญ 3 เงื่อนไข คือ โดยกรรมการศูนย์นโยบายยุทธศาสตร์ แยกระยะเวลาปฏิบัตินโยบายออกเป็น 3 ช่วง คือ โดยข้อเสนอดังกล่าว ได้เปิดเวทีวิพากษ์งานเสวนาโต๊ะกลม ที่มี พล.อ. นิพัทธ์ ทองเล็ก ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ ผศ.ดร.ลลิตา หาญวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมให้ข้อคิดเห็นเพื่อแก้ไขข้อเสนอดังกล่าว พล.อ.นิพัทธ์ ชี้ว่า มีข้อครหาในประเด็นการใช้ ASEAN เพื่อเล่นบทบาทนำในเวทีสร้างสันติภาพเมียนมา ตรงนี้ เป็นไปได้ยากมาก เพราะ สถานะปัจจุบันของ ASEAN นั้น ไม่ได้เข้มแข็งมากพอที่จะเป็นตัวกลางประสานความร่วมมือชาติสมาชิกอื่น ๆ ให้ร่วมกันแก้ไขสถานการณ์ในเมียนมา ทั้งนี้ พล.อ.นิพัทธ์ ยังกล่าวอีกว่า สงครามในเมียนมาในตอนนี้ มีความสลับซับซ้อนอย่างมาก ไม่เหมือนกับอดีตที่เป็นการต่อสู้เพื่อปลดแอกและต้องการอำนาจอธิปไตยเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีลักษณะเป็น "สงครามตัวแทน (Proxy War)" อีกด้วย เนื่องจาก มีจีนเข้ามาเกี่ยวข้องในการสนับสนุนกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ เพื่อต่อต้าน นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของ "การแย่งชิงผลประโยชน์" ในพื้นที่ของกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ในเรื่องของการเก็บค่าผ่านด่าน ใครจะได้คุมด่านใด หรือพื้นที่ใดทำเงินค่าผ่านทางได้มากที่สุด ซึ่งพ้นไปจากประเด็นทางอุดมการณ์ทั้งนั้น ด้าน ผศ.ดร.ลลิตา เสนอว่า แม้ไม่ต้องพึ่งพา ASEAN ที่แทบจะอ่อนพลังลง ไทยยังมี "ไพ่ตาย" อีกอย่างที่มีความเป็นไปได้ในการเจรจาสันติภาพกับเมียนมา คือ "High-level Committee" หรือ "HLC" ที่จะทำให้เราได้หารือกับ มิน อ่อง ลาย โดยตรง เสมือนกับทางลัดที่จะเร่งผลักดันยุทธศาสตร์และตำแหน่งแห่งที่ของไทยต่อประเด็นเมียนมา ผศ.ดร.ลลิตา กล่าวต่อว่า ปัญหาอีกอย่างหนึ่งในเปเปอร์วิจัยของ สุภลักษณ์ คือ กล่าวกว้างเกินไป ไม่แตกต่างจากข้อเสนอเชิงนโยบายที่ผ่าน ๆ มาของไทย และไม่ทราบว่า "ควรคุยกับใคร" จึงจะทำให้เกิดผลลัพธ์เชิงนโยบายอย่างแท้จริง พล.อ.นิพัทธ์ เสนอว่า ไทยควรให้ความสำคัญกับ "นักการทูตทุนต่ำ" หมายถึง ผู้คนที่ทราบความเคลื่อนไหว ความเป็นไป และดุลแห่งอำนาจของพื้นที่ชายแดน ทำให้ชี้ถูกจุดว่า ปัญหาจริง ๆ เป็นอย่างไร ควรแก้ไขแบบใด และควรเข้าหาใครที่มีอำนาจผลักดันในเมียนมาจริง ๆ อีกประเด็นที่สำคัญ คือ การมีการจัดตั้งคณะทำงาน หรือ Taskforce ที่มีความคล่องตัว พล.อ.นิพัทธ์ ยกตัวอย่างสมัย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกฯ มีการจัดตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการชายแดน ที่สามารถทำงานข้ามกระทรวงได้ และดูแลเฉพาะเรื่องจริง ๆ ส่งผลให้เกิดการผลักดันอะไรได้ง่ายกว่าการทำงานแบบปกติได้ ดังจะเห็นได้ว่า เปเปอร์เชิงนโยบายดังกล่าว มีข้อวิพากษ์มากมาย ทั้งในเรื่องของการให้ความสำคัญผิดจุด ไปเน้น ASEAN ที่พลังแทบไม่มี ความร่วมมือไม่เป็นเอกภาพ และ การขาดการระบุชัด (Identification) เรื่องคณะทำงาน ว่าควรนับรวมใครให้นโยบายมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล แต่มีหนทางหนึ่งที่เป็นประเด็นสืบเนื่องกัน คือ การประสานพลังกับมหาอำนาจ โดยเฉพาะ จีน ที่ทำสำเร็จในการสร้างความร่วมมือกับกลุ่มชาติพันธุ์และกลุ่มต่อต้านต่าง ๆ และถึงขั้นจะยกระดับไปจัดการเลือกตั้งมาแล้ว ตรงนี้ ไทยสามารถที่จะถอดบทเรียนในภาคปฏิบัติอย่างไร ? ผศ.ดร.ลลิตา เสนอว่า อุปสรรคขั้นพื้นฐานที่สุดที่ขัดขวางการดำเนินนโยบายของไทยต่อเมียนมา คือ "การทำงานซ้ำซ้อน" ของหน่วยงานข้าราชการไทย แต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีพันธกิจแบบเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน แทนที่จะทำงานให้สอดประสานกัน กลับทำงานไปคนละแบบ คนละทิศทาง ทั้งนี้ ผศ.ดร.ลลิตา ยังชี้ว่า หากจะถอดบทเรียนจากจีนมาใช้กับไทยนั้น อย่างแรก ไทยต้อง "เลิกบ่น" และหันมาลงมือทำอย่างจริงจังให้ได้เสียก่อน เพราะไทยกับจีนเองก็ "รำคาญ" ความขัดแย้งในเมียนมา ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในประเทศตนเองไม่แตกต่างกัน "คนไทยชอบ Woke ในเรื่องเมียนมา คือ สักแต่ว่าจะบอยคอต บ้าประชาธิปไตยอย่างมาก โดยหารู้ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเจ๊งกันหมด หากปล่อยปละละเลยเมียนมา ดังนั้น ควรหยุดบ่นอย่างเดียว ไทยต้องหาจุดยืนจะยุทธศาสตร์ให้ได้ว่า จะทำอย่างไร หน้างานขับเคลื่อนนโยบายแบบใด มีอะไรไปคุยกับเขา ซึ่งตอนนี้ยังไม่มี" ผศ.ดร.ลลิตา กล่าวปิดท้าย อ่านข่าว เปิดดีลสัมพันธ์ “กลุ่มชาติพันธุ์” สานประโยชน์เศรษฐกิจชายแดน "โดรน" ยุทธภัณฑ์สงคราม เทคโนโลยีความมั่นคง "กองทัพไทย" กองทัพ ความมั่นคงอวกาศ-เศรษฐกิจอวกาศ ไทยไม่ตกเทรนด์โลก
วันนี้(10 ส.ค.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่นายธรากร ทองหนูนุ้ย นักเรียน รร.เบ็ญจะมะมหาราช
วันนี้ ( 8 ม.ค.2568 ) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เปิดเผยว่า ทีมนักศึกษาอาชีวะไทยได้เข้าร่วมการแ
วันนี้ (2 ต.ค.2567) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์
สงครามการเมืองเมียนมา (Myanmar Civil War) กล่าวได้ว่า ยาวนานที่สุดในโลก ตั้งแต่ปี 1948 และไม่มีทีท่าจะจบง่าย ๆ มีหลายกลุ่มชาติพันธุ์ และกลุ่มขัดแย้งทางการเมืองต่าง ๆ แยกย่อยออกมาเป็นกองกำลังต่าง ๆ เพื่อปลดแอกตนเองจากการปกครองแบบอำนาจนิยม กระนั้น กิจการภายในประเทศของเมียนมาก็ส่งผลกระทบต่อเพื่อนบ้านไม่น้อย การแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-เมียนมา ถือเป็นประเด็นด้านความมั่นคงลำดับต้น ๆ ที่ต้องหาทางออก มีการระดมสมอง และประสานพลังจากทุกภาคส่วนอยู่บ่อยครั้ง แต่ยังคงประสบกับปัญหาหลายประการ ทั้งปัญหาจากเมียนมา ที่กลุ่มต่อต้านต่าง ๆ ขาดความร่วมมือ หรือปัญหาจากไทยเอง ที่ยังไม่อาจสร้างฉันทามติได้ว่า ปัญหาชายแดนเมียนมาจะจัดการอย่างไร มีการตั้งคำถามว่า ที่สุดแล้ว ไทยจะสถาปนาตนเองเป็นตัวกลาง สร้างสัมพันธภาพ และเชโปรโมชั่น ทดลองเล่นgclubื่อมร้อยความแตกแยกของเมียนมาได้หรือไม่ ใช้กลวิธีใด ประสานพลังอย่างไร และท้ายที่สุด "สันติภาพอย่างถาวร (Perpretual Peace)" จะเกิดแก่เมียนมาหรือไม่ สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี กรรมการศูนย์นโยบายยุทธศาสตร์ (Center for Strategic Policy หรือ CSP) หนึ่งในนักวิชาการคลังสมอง (Think Tank) สร้างข้อเสนอหลักเชิงนโยบายต่อรัฐบาลไทยเพื่อแก้ไขปัญหาเมียนมา โดยโครงร่างงานวิจัย Myanmar and Thailand at the Crossroads: Strategic Pathways to Regional Peace and Stability มีแนวทางปฏิบัติในกระบวนการกำหนดนโยบายต่อเมียนมาที่สำคัญ 3 เงื่อนไข คือ โดยกรรมการศูนย์นโยบายยุทธศาสตร์ แยกระยะเวลาปฏิบัตินโยบายออกเป็น 3 ช่วง คือ โดยข้อเสนอดังกล่าว ได้เปิดเวทีวิพากษ์งานเสวนาโต๊ะกลม ที่มี พล.อ. นิพัทธ์ ทองเล็ก ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ ผศ.ดร.ลลิตา หาญวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมให้ข้อคิดเห็นเพื่อแก้ไขข้อเสนอดังกล่าว พล.อ.นิพัทธ์ ชี้ว่า มีข้อครหาในประเด็นการใช้ ASEAN เพื่อเล่นบทบาทนำในเวทีสร้างสันติภาพเมียนมา ตรงนี้ เป็นไปได้ยากมาก เพราะ สถานะปัจจุบันของ ASEAN นั้น ไม่ได้เข้มแข็งมากพอที่จะเป็นตัวกลางประสานความร่วมมือชาติสมาชิกอื่น ๆ ให้ร่วมกันแก้ไขสถานการณ์ในเมียนมา ทั้งนี้ พล.อ.นิพัทธ์ ยังกล่าวอีกว่า สงครามในเมียนมาในตอนนี้ มีความสลับซับซ้อนอย่างมาก ไม่เหมือนกับอดีตที่เป็นการต่อสู้เพื่อปลดแอกและต้องการอำนาจอธิปไตยเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีลักษณะเป็น "สงครามตัวแทน (Proxy War)" อีกด้วย เนื่องจาก มีจีนเข้ามาเกี่ยวข้องในการสนับสนุนกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ เพื่อต่อต้าน นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของ "การแย่งชิงผลประโยชน์" ในพื้นที่ของกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ในเรื่องของการเก็บค่าผ่านด่าน ใครจะได้คุมด่านใด หรือพื้นที่ใดทำเงินค่าผ่านทางได้มากที่สุด ซึ่งพ้นไปจากประเด็นทางอุดมการณ์ทั้งนั้น ด้าน ผศ.ดร.ลลิตา เสนอว่า แม้ไม่ต้องพึ่งพา ASEAN ที่แทบจะอ่อนพลังลง ไทยยังมี "ไพ่ตาย" อีกอย่างที่มีความเป็นไปได้ในการเจรจาสันติภาพกับเมียนมา คือ "High-level Committee" หรือ "HLC" ที่จะทำให้เราได้หารือกับ มิน อ่อง ลาย โดยตรง เสมือนกับทางลัดที่จะเร่งผลักดันยุทธศาสตร์และตำแหน่งแห่งที่ของไทยต่อประเด็นเมียนมา ผศ.ดร.ลลิตา กล่าวต่อว่า ปัญหาอีกอย่างหนึ่งในเปเปอร์วิจัยของ สุภลักษณ์ คือ กล่าวกว้างเกินไป ไม่แตกต่างจากข้อเสนอเชิงนโยบายที่ผ่าน ๆ มาของไทย และไม่ทราบว่า "ควรคุยกับใคร" จึงจะทำให้เกิดผลลัพธ์เชิงนโยบายอย่างแท้จริง พล.อ.นิพัทธ์ เสนอว่า ไทยควรให้ความสำคัญกับ "นักการทูตทุนต่ำ" หมายถึง ผู้คนที่ทราบความเคลื่อนไหว ความเป็นไป และดุลแห่งอำนาจของพื้นที่ชายแดน ทำให้ชี้ถูกจุดว่า ปัญหาจริง ๆ เป็นอย่างไร ควรแก้ไขแบบใด และควรเข้าหาใครที่มีอำนาจผลักดันในเมียนมาจริง ๆ อีกประเด็นที่สำคัญ คือ การมีการจัดตั้งคณะทำงาน หรือ Taskforce ที่มีความคล่องตัว พล.อ.นิพัทธ์ ยกตัวอย่างสมัย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกฯ มีการจัดตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการชายแดน ที่สามารถทำงานข้ามกระทรวงได้ และดูแลเฉพาะเรื่องจริง ๆ ส่งผลให้เกิดการผลักดันอะไรได้ง่ายกว่าการทำงานแบบปกติได้ ดังจะเห็นได้ว่า เปเปอร์เชิงนโยบายดังกล่าว มีข้อวิพากษ์มากมาย ทั้งในเรื่องของการให้ความสำคัญผิดจุด ไปเน้น ASEAN ที่พลังแทบไม่มี ความร่วมมือไม่เป็นเอกภาพ และ การขาดการระบุชัด (Identification) เรื่องคณะทำงาน ว่าควรนับรวมใครให้นโยบายมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล แต่มีหนทางหนึ่งที่เป็นประเด็นสืบเนื่องกัน คือ การประสานพลังกับมหาอำนาจ โดยเฉพาะ จีน ที่ทำสำเร็จในการสร้างความร่วมมือกับกลุ่มชาติพันธุ์และกลุ่มต่อต้านต่าง ๆ และถึงขั้นจะยกระดับไปจัดการเลือกตั้งมาแล้ว ตรงนี้ ไทยสามารถที่จะถอดบทเรียนในภาคปฏิบัติอย่างไร ? ผศ.ดร.ลลิตา เสนอว่า อุปสรรคขั้นพื้นฐานที่สุดที่ขัดขวางการดำเนินนโยบายของไทยต่อเมียนมา คือ "การทำงานซ้ำซ้อน" ของหน่วยงานข้าราชการไทย แต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีพันธกิจแบบเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน แทนที่จะทำงานให้สอดประสานกัน กลับทำงานไปคนละแบบ คนละทิศทาง ทั้งนี้ ผศ.ดร.ลลิตา ยังชี้ว่า หากจะถอดบทเรียนจากจีนมาใช้กับไทยนั้น อย่างแรก ไทยต้อง "เลิกบ่น" และหันมาลงมือทำอย่างจริงจังให้ได้เสียก่อน เพราะไทยกับจีนเองก็ "รำคาญ" ความขัดแย้งในเมียนมา ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในประเทศตนเองไม่แตกต่างกัน "คนไทยชอบ Woke ในเรื่องเมียนมา คือ สักแต่ว่าจะบอยคอต บ้าประชาธิปไตยอย่างมาก โดยหารู้ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเจ๊งกันหมด หากปล่อยปละละเลยเมียนมา ดังนั้น ควรหยุดบ่นอย่างเดียว ไทยต้องหาจุดยืนจะยุทธศาสตร์ให้ได้ว่า จะทำอย่างไร หน้างานขับเคลื่อนนโยบายแบบใด มีอะไรไปคุยกับเขา ซึ่งตอนนี้ยังไม่มี" ผศ.ดร.ลลิตา กล่าวปิดท้าย อ่านข่าว เปิดดีลสัมพันธ์ “กลุ่มชาติพันธุ์” สานประโยชน์เศรษฐกิจชายแดน "โดรน" ยุทธภัณฑ์สงคราม เทคโนโลยีความมั่นคง "กองทัพไทย" กองทัพ ความมั่นคงอวกาศ-เศรษฐกิจอวกาศ ไทยไม่ตกเทรนด์โลก
สงครามการเมืองเมียนมา (Myanmar Civil War) กล่าวได้ว่า ยาวนานที่สุดในโลก ตั้งแต่ปี 1948 และไม่มีทีท่า