วันนี้ (23 ธ.ค.2564) ศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซ บุ๊ก Thira Wo
วันนี้ (19 ก.ค.2567) พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง (ศปนม.ตร.) แถลงความคืบหน้าคดีขโมยเรือบรรทุกน้ำมันของกลาง ว่า เมื่อวานนี้
วันนี้ (5 ก.ค.2564) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ใน กทม.และปริมณฑล ซึ่งมีการติดเชื้อมากขึ้น โดย สธ.เข้ามาร่วมดูแลการควบคุมโรคและการบริหารจัดการเตียง และฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ทั้งนี้ สั่งการให้บุคลากรทางการแพทย์ในจังหวัดที่พบการติดเชื้อไม่รุนแรงมาช่วยดูแลใน รพ.บุษราคัม รองรับ 3,700 เตียง และมีการส่งต่อผู้ป่วยอาการหนักไปยังโรงเรียนแพทย์ และ รพ.ขนาดใหญ่ นอกจากนี้ ร่วมกับภาคเอกชน รพ.มงกุฎวัฒนะ เปิดไอซียู 24 เตียง และไอซียูสนาม มทบ. 11 จำนวน 58 เตียง รวมทั้งส่งบุคลากรไปยัง รพ.วชิรพยาบาล ambbet ฝาก 50 รับ 100 ambbet ฝาก 50 รับ 100รพ.ธรรมศาสตร์ รพ.รามาธิบดี เปิดไอซียูอีก 58 เตียง ทั้งนี้ สธ.วางมาตรการใหม่ 4 มาตรการ คือ 1.การค้นหาผู้ติดเชื้อใหม่ 2.ปรับระบบการรักษาและการเชื่อมต่อของผู้ป่วย 3.การฉีดวัคซีน และ 4.มาตรการทางสังคม โดยจะใช้ในพื้นที่กรุงเทพฯ ทันที เพื่อให้ตัวเลขผู้ป่วยลดลงภายใน 2-3 สัปดาห์ นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ส่วนมาตรการวัคซีน สธ.ได้ปรับนโยบายในส่วนบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า จัดบูสเตอร์โดสให้บุคลากรดังกล่าวในโรงพยาบาลที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วยทุกวันโดยตรง เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันไวรัส โดยเฉพาะไวรัสกลายพันธุ์ เช่น สายพันธุ์เดลตา หรือสายพันธุ์อื่น ซึ่งต้องจะให้ทันเวลาและเป็นไปตามหลักวิชาการ เพื่อให้มีความพร้อมในการปฏิบัติงานได้เต็มที่ โดยจะจัดแนวทางบูสเตอร์วัคซีนต่อไป ขณะที่การฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุ 60 ขึ้นไป และ 7 กลุ่มโรค จะจัดสรรวัคซีนให้กลุ่มดังกล่าวไม่น้อยกว่า 80% ภายในเดือนนี้ เพื่อลดอัตราการป่วยหนักและเสียชีวิต สำหรับการฉีดวัคซีนจะเปลี่ยนวิธีการจากปูพรม เป็นเน้นในพื้นที่การแพร่ระบาดของโรค เพื่อควบคุมโรคได้ดีขึ้น นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในมาตรการการควบคุมโรค ในส่วนต่างจังหวัดยังใช้มาตรการเฝ้าระวังในพื้นที่ที่พบผู้ป่วยไม่มากนัก ส่วนการค้นหาผู้ป่วยและค้นหาเชิงรุกให้ใช้มาตรการเดิม แต่ดำเนินการอย่างเข้มข้นขึ้น ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่เป็นจุดศูนย์กลางการแพร่ระบาด COVID-19 ในไทย โดยปรับมาตรการในเดือน ก.ค. และ ส.ค. ให้สอดคล้องสถานการณ์มากยิ่งขึ้น โดยมาตรการค้นหา รักษา แยกกัก และควบคุมโรค จะเน้นปกป้องผู้สูงอายุที่เสี่ยงป่วยรุนแรง โดยจัดทำ Fast Track (ทางด่วน) สำหรับผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเปราะบางเสี่ยงเจ็บป่วยรุนแรง ที่มีอาการสงสัยให้ได้รับการตรวจหาเชื้อเป็นลำดับแรก ๆ และได้รับการรักษาในโรงพยาบาลทันที เพื่อลดอัตราการป่วยและเสียชีวิต ส่วนกลุ่มวัยหนุ่มสาวหรือผู้ที่ไม่มีอาการจะใช้วิธีการตรวจอื่น ๆ ควบคู่ เช่น หน่วยตรวจเชิงรุก รถพระราชทาน คลินิกชุมชน นอกจากนี้ยังได้ปรับการสอบสวนและควบคุมโรค เน้นครอบคลุมเหตุการณ์ เช่น คลัสเตอร์ จุดเสี่ยงการระบาดใหญ่ให้ทันเวลา ส่วนการสอบสวนเฉพาะราย ให้จุดตรวจเป็นผู้ดำเนินการแทน และการควบคุมเชิงรุก เน้นกลุ่มซูเปอร์สเปรดเดอร์ และควบคุมพื้นที่ด้วยการบับเบิลแอนด์ซีล ทั้งแรงงานข้ามชาติ แคมป์ก่อสร้าง โรงงาน สถานประกอบการ ตลาดสด ตลาดขนาดใหญ่ ชุมชนแออัด เรือนจำ แหล่งรวมตัวใหญ่ ๆ และเนอสซิ่งแคร์ผู้สูงอายุ นพ.โอภาส กล่าวว่า การยกระดับมาตรการทางสังคมและองค์กร โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ด้วยการบังคับใช้หรือใช้มาตรการขอความร่วมมือ Work from Home ในสถานที่ หน่วยงานราชการ หน่วยงานของรัฐที่ไม่ใช่หน่วยบริการป้องกันและควบคุมโรค และสถานประกอบการเอกชนขนาดใหญ่ เป็นร้อยละ 70 รวมทั้งส่งเสริมสื่อสารให้ประชาชน เพิ่มความเข้มข้นมาตรการบุคคล และประยุกต์หลักการบับเบิลแอนด์ซีลมาใช้กับตนเองและครอบครัว เพราะการติดเชื้อส่วนใหญ่พบในที่บ้านและที่ทำงาน
วันนี้ (5 ก.ค.2564) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ใน กทม.และปริมณฑล ซึ่งมีการติดเชื้อมากขึ้น โดย สธ.เข้ามาร่วมดูแลการควบค