วันนี้ (7 ธ.ค.2564) พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง

กรมบัญชีกลางแจงเบิกเงินค่ารักษา รพ.เอกชน ทำได้ 4 กรณี หากไม่เข้าเกณฑ์ต้องจ่ายเองทั้งหมด กรมบัญชีกลางแจงหลักเกณฑ์การเบิกค่ารักษาจากสถานพยาบาลเอกชน ทำได้ 4 กรณี ใน 30 โรงพยาบาลตามที่ระบุ ได้แก่ กรณีวิกฤ
วันนี้ (8 ก.พ.2565) กลุ่มชาวประมงพื้นบ้านที่ใช้ชื่อว่า "ประมงปากน้ำบ้านเรา" รวมทั้งกลุ่มประมงเรือเล็กก้นปึกกลุ่มประมงพาณิชย์ กลุ่มลูกจ้างแรงงาน และกลุ่มผู้ค้าอาหารทะเล จ.ระยอง กว่า 100 คนรวมตัวไปหน้าบ
กรมบัญชีกลางแจงเบิกเงินค่ารักษา รพ.เอกชน ทำได้ 4 กรณี หากไม่เข้าเกณฑ์ต้องจ่ายเองทั้งหมด กรมบัญชีกลางแจงหลักเกณฑ์การเบิกค่ารักษาจากสถานพยาบาลเอกชน ทำได้ 4 กรณี ใน 30 โรงพยาบาลตามที่ระบุ ได้แก่ กรณีวิกฤต-เร่งด่วน ได้คืนตามส่วนที่เบิกได้ หากฉุกเฉินไม่รุนแรงเบิกได้ครึ่งหนึ่งไม่เกิน 8,000 บาท ที่เหลือคือล้างไต รังสีรักษา และนัดผ่าตัดล่วงหน้า เผยเตรียมขยายโรงพยาบาลเข้าร่วมอีก 100 แห่ง กรมบัญชีกลางแจงเบิกเงินค่ารักษา รพ.เอกชน ทำได้ 4 กรณี หากไม่เข้าเกณฑ์ต้องจ่ายเองทั้งหมด จากกรณี มีการเผยแพร่ข้อมูลรายชื่อสถานพยาบาลของเอกชนที่เข้าร่วมโครงการกับกรมบัญชีกลางโดยไม่มีรายละเอียดประกอบใดๆ ซึ่งทำให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลดังกล่าว มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง รวมทั้งอาจจะเข้าใจผิดว่าสามารถเบิกจ่ายค่ารักษาจากสถานพยาบาลของเอกชนดังกล่าวได้ทุกกรณี วันนี้ (16 ก.ค.2558) นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า เกณฑ์การเบิกค่ารักษาจากสถานพยาบาลเอกชนสามารถเบิกได้ 4 กรณีเท่านั้น คือ 1.การเบิกค่ารักษาพยาบาลกรณีฉุกเฉิน สามารถเบิกค่ารักษาได้ในโรงพยาบาลเอกชนทุกแห่งในกรณีวิกฤต (สีแดง) และกรณีเร่งด่วน (สีเหลือง) โดยอิงเกณฑ์การคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉินตาม พ.ร.บ.การแพทย์ฉุกเฉิน ซึ่งในทางปฏิบัติโรงพยาบาลจะเก็บเงินจากคนไข้ไว้ก่อน แล้วส่งข้อมูลค่าใช้จ่ายผู้ป่วยทุกสิทธิในระบบ EMCO ให้ สปสช.ตรวจสอบ หากเข้าข่ายวิกฤต/เร่งด่วนค่อยเรียกเก็บจากหน่วยงานของผู้มีสิทธิโดยจ่ายตามระบบ DRGs เมื่อได้เงินจาก Clearing house แล้ว จึงคืนเงินส่วนที่เบิกได้ให้แก่คนไข้ 2. การเบิกค่ารักษาพยาบาลกรณีฉุกเฉินไม่รุนแรง (สีเขียว) หรือเป็นกรณีที่ไม่เข้าเกณฑ์ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตหรือฉุกเฉินเร่งด่วน กรมบัญชีกลางกำหนดให้นำบิลค่ารักษามาเบิกจากต้นสังกัด โดยสามารถเบิกได้ครึ่งหนึ่งของเงินจ่ายจริงแต่ไม่เกิน 8,000 บาท และสามารถเบิกค่าห้องค่ารวมถึงอาหารได้วันละ 1,000 บาท และเบิกค่าอุปกรณ์บำบัดรักษาโรคฯ ได้ตามที่กระทรวงการคลังกำหนดไว้ 3. การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีส่งต่อ สามารถเบิกได้ 2 กรณี คือ การล้างไต หรือ รังสีรักษา โดยต้องเป็นคนไข้นอกและต้องเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการเบิกตรงกับกรมบัญชีกลางตามรายชื่อที่ประกาศในเว็บไซต์ของกรม ในหัวข้อสวัสดิการรักษาพยาบาล และ 4. การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีนัดผ่าตัดล่วงหน้า โดยต้องเป็นคนไข้ในของสถานพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งขณะนี้มีทั้งหมด 30 แห่ง และการนัดผ่าตัดล่วงหน้าเฉพาะโรคที่กำหนดไว้ตามรายการโรค/หัตถการ ที่ประกาศในเว็บไซต์กรม เช่น การผ่าตัดถุงน้ำดีค่า สิ โน ออนไลน์ที่คนเล่น มากที่สุดแบบผ่านกล้อง การผ่าตัดไส้เลื่อน การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า การผ่าตัดต้อหิน การรักษาภาวะแทรกซ้อนโดยตรงจากการรักษาครั้งก่อน เป็นต้น “การเบิกค่ารักษาพยาบาลของราชการจากสถานพยาบาลของเอกชน ถ้านอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้น ผู้เข้ารับบริการต้องชำระค่าใช้จ่ายเอง ด้านข้าราชการ ผู้รับบำนาญ หรือบุคคลในครอบครัวที่มีสิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาล ไม่แน่ใจว่าข้อมูลดังกล่าวเชื่อถือได้หรือไม่ สอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2273-6400 หรือ 0-2271-7000 ต่อ 4441” อธิบดีกรมบัญชีกลางระบุ และกล่าวด้วยว่า กรมบัญชีกลางเตรียมขยายการให้บริการกรณีนัดผ่าตัดล่วงหน้าของสถานพยาบาลเอกชน อีกกว่า 100 แห่ง คาดว่าจะประกาศให้ทราบและสามารถเข้าใช้บริการได้ในเร็วๆ นี้ จากกรณี มีการเผยแพร่ข้อมูลรายชื่อสถานพยาบาลของเอกชนที่เข้าร่วมโครงการกับกรมบัญชีกลางโดยไม่มีรายละเอียดประกอบใดๆ ซึ่งทำให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลดังกล่าว มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง รวมทั้งอาจจะเข้าใจผิดว่าสามารถเบิกจ่ายค่ารักษาจากสถานพยาบาลของเอกชนดังกล่าวได้ทุกกรณี วันนี้ (16 ก.ค.2558) นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า เกณฑ์การเบิกค่ารักษาจากสถานพยาบาลเอกชนสามารถเบิกได้ 4 กรณีเท่านั้น คือ 1.การเบิกค่ารักษาพยาบาลกรณีฉุกเฉิน สามารถเบิกค่ารักษาได้ในโรงพยาบาลเอกชนทุกแห่งในกรณีวิกฤต (สีแดง) และกรณีเร่งด่วน (สีเหลือง) โดยอิงเกณฑ์การคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉินตาม พ.ร.บ.การแพทย์ฉุกเฉิน ซึ่งในทางปฏิบัติโรงพยาบาลจะเก็บเงินจากคนไข้ไว้ก่อน แล้วส่งข้อมูลค่าใช้จ่ายผู้ป่วยทุกสิทธิในระบบ EMCO ให้ สปสช.ตรวจสอบ หากเข้าข่ายวิกฤต/เร่งด่วนค่อยเรียกเก็บจากหน่วยงานของผู้มีสิทธิโดยจ่ายตามระบบ DRGs เมื่อได้เงินจาก Clearing house แล้ว จึงคืนเงินส่วนที่เบิกได้ให้แก่คนไข้ 2. การเบิกค่ารักษาพยาบาลกรณีฉุกเฉินไม่รุนแรง (สีเขียว) หรือเป็นกรณีที่ไม่เข้าเกณฑ์ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตหรือฉุกเฉินเร่งด่วน กรมบัญชีกลางกำหนดให้นำบิลค่ารักษามาเบิกจากต้นสังกัด โดยสามารถเบิกได้ครึ่งหนึ่งของเงินจ่ายจริงแต่ไม่เกิน 8,000 บาท และสามารถเบิกค่าห้องค่ารวมถึงอาหารได้วันละ 1,000 บาท และเบิกค่าอุปกรณ์บำบัดรักษาโรคฯ ได้ตามที่กระทรวงการคลังกำหนดไว้ 3. การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีส่งต่อ สามารถเบิกได้ 2 กรณี คือ การล้างไต หรือ รังสีรักษา โดยต้องเป็นคนไข้นอกและต้องเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการเบิกตรงกับกรมบัญชีกลางตามรายชื่อที่ประกาศในเว็บไซต์ของกรม ในหัวข้อสวัสดิการรักษาพยาบาล และ 4. การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีนัดผ่าตัดล่วงหน้า โดยต้องเป็นคนไข้ในของสถานพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งขณะนี้มีทั้งหมด 30 แห่ง และการนัดผ่าตัดล่วงหน้าเฉพาะโรคที่กำหนดไว้ตามรายการโรค/หัตถการ ที่ประกาศในเว็บไซต์กรม เช่น การผ่าตัดถุงน้ำดีแบบผ่านกล้อง การผ่าตัดไส้เลื่อน การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า การผ่าตัดต้อหิน การรักษาภาวะแทรกซ้อนโดยตรงจากการรักษาครั้งก่อน เป็นต้น “การเบิกค่ารักษาพยาบาลของราชการจากสถานพยาบาลของเอกชน ถ้านอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้น ผู้เข้ารับบริการต้องชำระค่าใช้จ่ายเอง ด้านข้าราชการ ผู้รับบำนาญ หรือบุคคลในครอบครัวที่มีสิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาล ไม่แน่ใจว่าข้อมูลดังกล่าวเชื่อถือได้หรือไม่ สอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2273-6400 หรือ 0-2271-7000 ต่อ 4441” อธิบดีกรมบัญชีกลางระบุ และกล่าวด้วยว่า กรมบัญชีกลางเตรียมขยายการให้บริการกรณีนัดผ่าตัดล่วงหน้าของสถานพยาบาลเอกชน อีกกว่า 100 แห่ง คาดว่าจะประกาศให้ทราบและสามารถเข้าใช้บริการได้ในเร็วๆ นี้
วันนี้ (16 มี.ค.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่บริเวณสวนสาธารณะข้างเดอะมอลล์บางแค ซึ่งเป็นจุด
วันนี้ (2 ธ.ค.2566) ความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้ โรงงานรีไซเคิลและเย็บเสื้อผ้าบนเนื้อที่ 3 ไร่ พื้นที่เท
กรมชลประทานยันน้ำไม่ท่วมถึงยอดเจดีย์กลางเกาะเกร็ด ชาวบ้านที่อยู่อาศัยในกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ไม่เช
กรมบัญชีกลางแจงเบิกเงินค่ารักษา รพ.เอกชน ทำได้ 4 กรณี หากไม่เข้าเกณฑ์ต้องจ่ายเองทั้งหมด กรมบัญชีกลางแจงหลักเกณฑ์การเบิกค่ารักษาจากสถานพยาบาลเอกชน ทำได้ 4 กรณี ใน 30 โรงพยาบาลตามที่ระบุ ได้แก่ กรณีวิกฤต-เร่งด่วน ได้คืนตามส่วนที่เบิกได้ หากฉุกเฉินไม่รุนแรงเบิกได้ครึ่งหนึ่งไม่เกิน 8,000 บาท ที่เหลือคือล้างไต รังสีรักษา และนัดผ่าตัดล่วงหน้า เผยเตรียมขยายโรงพยาบาลเข้าร่วมอีก 100 แห่ง กรมบัญชีกลางแจงเบิกเงินค่ารักษา รพ.เอกชน ทำได้ 4 กรณี หากไม่เข้าเกณฑ์ต้องจ่ายเองทั้งหมด จากกรณี มีการเผยแพร่ข้อมูลรายชื่อสถานพยาบาลของเอกชนที่เข้าร่วมโครงการกับกรมบัญชีกลางโดยไม่มีรายละเอียดประกอบใดๆ ซึ่งทำให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลดังกล่าว มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง รวมทั้งอาจจะเข้าใจผิดว่าสามารถเบิกจ่ายค่ารักษาจากสถานพยาบาลของเอกชนดังกล่าวได้ทุกกรณี วันนี้ (16 ก.ค.2558) นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า เกณฑ์การเบิกค่ารักษาจากสถานพยาบาลเอกชนสามารถเบิกได้ 4 กรณีเท่านั้น คือ 1.การเบิกค่ารักษาพยาบาลกรณีฉุกเฉิน สามารถเบิกค่ารักษาได้ในโรงพยาบาลเอกชนทุกแห่งในกรณีวิกฤต (สีแดง) และกรณีเร่งด่วน (สีเหลือง) โดยอิงเกณฑ์การคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉินตาม พ.ร.บ.การแพทย์ฉุกเฉิน ซึ่งในทางปฏิบัติโรงพยาบาลจะเก็บเงินจากคนไข้ไว้ก่อน แล้วส่งข้อมูลค่าใช้จ่ายผู้ป่วยทุกสิทธิในระบบ EMCO ให้ สปสช.ตรวจสอบ หากเข้าข่ายวิกฤต/เร่งด่วนค่อยเรียกเก็บจากหน่วยงานของผู้มีสิทธิโดยจ่ายตามระบบ DRGs เมื่อได้เงินจาก Clearing house แล้ว จึงคืนเงินส่วนที่เบิกได้ให้แก่คนไข้ 2. การเบิกค่ารักษาพยาบาลกรณีฉุกเฉินไม่รุนแรง (สีเขียว) หรือเป็นกรณีที่ไม่เข้าเกณฑ์ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตหรือฉุกเฉินเร่งด่วน กรมบัญชีกลางกำหนดให้นำบิลค่ารักษามาเบิกจากต้นสังกัด โดยสามารถเบิกได้ครึ่งหนึ่งของเงินจ่ายจริงแต่ไม่เกิน 8,000 บาท และสามารถเบิกค่าห้องค่ารวมถึงอาหารได้วันละ 1,000 บาท และเบิกค่าอุปกรณ์บำบัดรักษาโรคฯ ได้ตามที่กระทรวงการคลังกำหนดไว้ 3. การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีส่งต่อ สามารถเบิกได้ 2 กรณี คือ การล้างไต หรือ รังสีรักษา โดยต้องเป็นคนไข้นอกและต้องเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการเบิกตรงกับกรมบัญชีกลางตามรายชื่อที่ประกาศในเว็บไซต์ของกรม ในหัวข้อสวัสดิการรักษาพยาบาล และ 4. การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีนัดผ่าตัดล่วงหน้า โดยต้องเป็นคนไข้ในของสถานพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งขณะนี้มีทั้งหมด 30 แห่ง และการนัดผ่าตัดล่วงหน้าเฉพาะโรคที่กำหนดไว้ตามรายการโรค/หัตถการ ที่ประกาศในเว็บไซต์กรม เช่น การผ่าตัดถุงน้ำดีค่า สิ โน ออนไลน์ที่คนเล่น มากที่สุดแบบผ่านกล้อง การผ่าตัดไส้เลื่อน การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า การผ่าตัดต้อหิน การรักษาภาวะแทรกซ้อนโดยตรงจากการรักษาครั้งก่อน เป็นต้น “การเบิกค่ารักษาพยาบาลของราชการจากสถานพยาบาลของเอกชน ถ้านอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้น ผู้เข้ารับบริการต้องชำระค่าใช้จ่ายเอง ด้านข้าราชการ ผู้รับบำนาญ หรือบุคคลในครอบครัวที่มีสิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาล ไม่แน่ใจว่าข้อมูลดังกล่าวเชื่อถือได้หรือไม่ สอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2273-6400 หรือ 0-2271-7000 ต่อ 4441” อธิบดีกรมบัญชีกลางระบุ และกล่าวด้วยว่า กรมบัญชีกลางเตรียมขยายการให้บริการกรณีนัดผ่าตัดล่วงหน้าของสถานพยาบาลเอกชน อีกกว่า 100 แห่ง คาดว่าจะประกาศให้ทราบและสามารถเข้าใช้บริการได้ในเร็วๆ นี้ จากกรณี มีการเผยแพร่ข้อมูลรายชื่อสถานพยาบาลของเอกชนที่เข้าร่วมโครงการกับกรมบัญชีกลางโดยไม่มีรายละเอียดประกอบใดๆ ซึ่งทำให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลดังกล่าว มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง รวมทั้งอาจจะเข้าใจผิดว่าสามารถเบิกจ่ายค่ารักษาจากสถานพยาบาลของเอกชนดังกล่าวได้ทุกกรณี วันนี้ (16 ก.ค.2558) นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า เกณฑ์การเบิกค่ารักษาจากสถานพยาบาลเอกชนสามารถเบิกได้ 4 กรณีเท่านั้น คือ 1.การเบิกค่ารักษาพยาบาลกรณีฉุกเฉิน สามารถเบิกค่ารักษาได้ในโรงพยาบาลเอกชนทุกแห่งในกรณีวิกฤต (สีแดง) และกรณีเร่งด่วน (สีเหลือง) โดยอิงเกณฑ์การคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉินตาม พ.ร.บ.การแพทย์ฉุกเฉิน ซึ่งในทางปฏิบัติโรงพยาบาลจะเก็บเงินจากคนไข้ไว้ก่อน แล้วส่งข้อมูลค่าใช้จ่ายผู้ป่วยทุกสิทธิในระบบ EMCO ให้ สปสช.ตรวจสอบ หากเข้าข่ายวิกฤต/เร่งด่วนค่อยเรียกเก็บจากหน่วยงานของผู้มีสิทธิโดยจ่ายตามระบบ DRGs เมื่อได้เงินจาก Clearing house แล้ว จึงคืนเงินส่วนที่เบิกได้ให้แก่คนไข้ 2. การเบิกค่ารักษาพยาบาลกรณีฉุกเฉินไม่รุนแรง (สีเขียว) หรือเป็นกรณีที่ไม่เข้าเกณฑ์ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตหรือฉุกเฉินเร่งด่วน กรมบัญชีกลางกำหนดให้นำบิลค่ารักษามาเบิกจากต้นสังกัด โดยสามารถเบิกได้ครึ่งหนึ่งของเงินจ่ายจริงแต่ไม่เกิน 8,000 บาท และสามารถเบิกค่าห้องค่ารวมถึงอาหารได้วันละ 1,000 บาท และเบิกค่าอุปกรณ์บำบัดรักษาโรคฯ ได้ตามที่กระทรวงการคลังกำหนดไว้ 3. การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีส่งต่อ สามารถเบิกได้ 2 กรณี คือ การล้างไต หรือ รังสีรักษา โดยต้องเป็นคนไข้นอกและต้องเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการเบิกตรงกับกรมบัญชีกลางตามรายชื่อที่ประกาศในเว็บไซต์ของกรม ในหัวข้อสวัสดิการรักษาพยาบาล และ 4. การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีนัดผ่าตัดล่วงหน้า โดยต้องเป็นคนไข้ในของสถานพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งขณะนี้มีทั้งหมด 30 แห่ง และการนัดผ่าตัดล่วงหน้าเฉพาะโรคที่กำหนดไว้ตามรายการโรค/หัตถการ ที่ประกาศในเว็บไซต์กรม เช่น การผ่าตัดถุงน้ำดีแบบผ่านกล้อง การผ่าตัดไส้เลื่อน การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า การผ่าตัดต้อหิน การรักษาภาวะแทรกซ้อนโดยตรงจากการรักษาครั้งก่อน เป็นต้น “การเบิกค่ารักษาพยาบาลของราชการจากสถานพยาบาลของเอกชน ถ้านอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้น ผู้เข้ารับบริการต้องชำระค่าใช้จ่ายเอง ด้านข้าราชการ ผู้รับบำนาญ หรือบุคคลในครอบครัวที่มีสิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาล ไม่แน่ใจว่าข้อมูลดังกล่าวเชื่อถือได้หรือไม่ สอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2273-6400 หรือ 0-2271-7000 ต่อ 4441” อธิบดีกรมบัญชีกลางระบุ และกล่าวด้วยว่า กรมบัญชีกลางเตรียมขยายการให้บริการกรณีนัดผ่าตัดล่วงหน้าของสถานพยาบาลเอกชน อีกกว่า 100 แห่ง คาดว่าจะประกาศให้ทราบและสามารถเข้าใช้บริการได้ในเร็วๆ นี้
ลองจินตนาการดูว่าหากต้องติดเกาะร้างอยู่เพียงลำพังมีแค่น้ำทะเลกับทราย คงเป็นเรื่องยากที่จะเอาชีวิตรอด