วันนี้ (3 ก.ย.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุม

วันนี้ (24 มี.ค.2568) สภาผู้แทนราษฎรเตรียมเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ตามรัฐธรรมนูญ ม.151 หลัง ฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพียงคนเดียว ระบุ“ขาดภาวะผู้นำ และ
20 ปี ไมล์ส เดวิส ผู้สร้างแนวดนตรีใหม่ให้ดนตรีแจ๊ส ไม่เพียงมีผลงานดนตรีที่ยอดเยี่ยม แต่ ไมล์ส เดวิส ยังได้รับการยอมรับในฐานะ ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษที่ 20 จากการสร้างแนวดนตรีใหม่ๆ ให้กับดนตรีแจ๊ส
20 ปี ไมล์ส เดวิส ผู้สร้างแนวดนตรีใหม่ให้ดนตรีแจ๊ส ไม่เพียงมีผลงานดนตรีที่ยอดเยี่ยม แต่ ไมล์ส เดวิส ยังได้รับการยอมรับในฐานะ ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษที่ 20 จากการสร้างแนวดนตรีใหม่ๆ ให้กับดนตรีแจ๊ส 20 ปี ไมล์ส เดวิส ผู้สร้างแนวดนตรีใหม่ให้ดนตรีแจ๊ส ลีลาด้นสดของไมล์ส เดวิส ด้วยเสียงทรัมเป็ตในเพลง Call It Anything ต่อหน้าผู้ชมนับแสนในเทศกาลดนตรี Isle Of Weight เมื่อปี 1970 กลายเป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์ เมื่อดนตรีแจ๊สที่เคยแสดงอยู่ตามคลับ บาร์ ได้รับความนิยมจนสามารถร่วมอยู่ในเทศกาลเพลงร็อกระดับโลก คือผลงานของ ไมล์ส เดวิส ผู้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาแจ๊สให้ลื่นไหลไปกับบริบททางวัฒนธรรมตลอดเส้นทางดนตรีของเขา ไมล์ส เดวิส เข้าวงการในช่วงที่แจ๊สพัฒนาจากดนตรีเต้นรำมาเป็นเครื่องมือถ่ายทอดความสามารถนักดนตรีในสไตล์ bebop ช่วงยุค 40 เขาสานต่ออุดมการณ์เหล่านั้นด้วยการสร้างแนวเพลงที่เข้ากับเสียงทรัมเป็ตที่นุ่มนวล ด้วยการนำบีบ็อบมาเรียบเรียงให้ผ่อนคลายขึ้น กลายเป็นที่มาของดนตรี cool jazz และเปลี่ยนแปลงอีกครั้งกับการนำดนตรีอันเป็นรากเหง้าของชาวแเว็บ หวย ดีสมัคร เว ป เจต ใหม่ ล่าสุดอฟริกันอเมริกันอย่าง บลูส์ และอาร์แอนด์บี มาผสานกับลีลาแจ๊ส จนกลายเป็นสไตล์ hard bop ที่โด่งดังในยุค 50 การพัฒนามาสู่ขั้นสูงสุดในอัลบั้มประวัติศาสตร์ Kind of Blue ในปี 1959 จากการนำนักดนตรีแจ๊สรุ่นใหม่ ซึ่งมีสไตล์แตกต่างกัน มาบันทึกผลงานด้วยการอิมโพรไวส์โดยไม่คำนึงถึงข้อจำกัดของทางเดินคอร์ด แต่บรรเลงโดยอาศัยโหมดของดนตรีเป็นหลัก จนกลายเป็นการปฏิวัติวงการไปสู่แนวเพลง Modal jazz ที่เสน่ห์แห่งความซับซ้อนสร้างอิทธิพลต่อนักดนตรียุคต่อมานับไม่ถ้วน ไมล์ส เดวิส ยังคงสร้างสรรค์ดนตรีบนความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ในปลายยุค 60 ในการผสานเสน่ห์ของดนตรีสมัยนิยมทั้งร็อก และพังค์มาอยู่ในแจ๊ส นำไปสู่กระแสดนตรี Jazz fusion ทั้งในผลงานคลาสสิกของเขา และการสานต่อโดยศิลปินมากมายุคต่อมา ตลอดปีที่ผ่านมา เฮอร์บี แฮนค็อก, เวย์น ชอตเตอร์ และมาร์คัส มิลเลอร์ อดีตนักดนตรีที่เคยร่วมงานกับไมล์ส เดวิส ได้นำเพลงดังของครูใหญ่แห่งแจ๊สผู้นี้มาบรรเลงตามเทศกาลมากมาย โดยเลือกที่จะดัดแปลงเพลงที่คุ้นเคยให้แปลกหู เพื่อเป็นการคารวะต่อจิตวิญญาณศิลปินของไมล์ส ผู้ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาดนตรีไปสู่หนทางใหม่ๆ เสมอ ลีลาด้นสดของไมล์ส เดวิส ด้วยเสียงทรัมเป็ตในเพลง Call It Anything ต่อหน้าผู้ชมนับแสนในเทศกาลดนตรี Isle Of Weight เมื่อปี 1970 กลายเป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์ เมื่อดนตรีแจ๊สที่เคยแสดงอยู่ตามคลับ บาร์ ได้รับความนิยมจนสามารถร่วมอยู่ในเทศกาลเพลงร็อกระดับโลก คือผลงานของ ไมล์ส เดวิส ผู้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาแจ๊สให้ลื่นไหลไปกับบริบททางวัฒนธรรมตลอดเส้นทางดนตรีของเขา ไมล์ส เดวิส เข้าวงการในช่วงที่แจ๊สพัฒนาจากดนตรีเต้นรำมาเป็นเครื่องมือถ่ายทอดความสามารถนักดนตรีในสไตล์ bebop ช่วงยุค 40 เขาสานต่ออุดมการณ์เหล่านั้นด้วยการสร้างแนวเพลงที่เข้ากับเสียงทรัมเป็ตที่นุ่มนวล ด้วยการนำบีบ็อบมาเรียบเรียงให้ผ่อนคลายขึ้น กลายเป็นที่มาของดนตรี cool jazz และเปลี่ยนแปลงอีกครั้งกับการนำดนตรีอันเป็นรากเหง้าของชาวแอฟริกันอเมริกันอย่าง บลูส์ และอาร์แอนด์บี มาผสานกับลีลาแจ๊ส จนกลายเป็นสไตล์ hard bop ที่โด่งดังในยุค 50 การพัฒนามาสู่ขั้นสูงสุดในอัลบั้มประวัติศาสตร์ Kind of Blue ในปี 1959 จากการนำนักดนตรีแจ๊สรุ่นใหม่ ซึ่งมีสไตล์แตกต่างกัน มาบันทึกผลงานด้วยการอิมโพรไวส์โดยไม่คำนึงถึงข้อจำกัดของทางเดินคอร์ด แต่บรรเลงโดยอาศัยโหมดของดนตรีเป็นหลัก จนกลายเป็นการปฏิวัติวงการไปสู่แนวเพลง Modal jazz ที่เสน่ห์แห่งความซับซ้อนสร้างอิทธิพลต่อนักดนตรียุคต่อมานับไม่ถ้วน ไมล์ส เดวิส ยังคงสร้างสรรค์ดนตรีบนความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ในปลายยุค 60 ในการผสานเสน่ห์ของดนตรีสมัยนิยมทั้งร็อก และพังค์มาอยู่ในแจ๊ส นำไปสู่กระแสดนตรี Jazz fusion ทั้งในผลงานคลาสสิกของเขา และการสานต่อโดยศิลปินมากมายุคต่อมา ตลอดปีที่ผ่านมา เฮอร์บี แฮนค็อก, เวย์น ชอตเตอร์ และมาร์คัส มิลเลอร์ อดีตนักดนตรีที่เคยร่วมงานกับไมล์ส เดวิส ได้นำเพลงดังของครูใหญ่แห่งแจ๊สผู้นี้มาบรรเลงตามเทศกาลมากมาย โดยเลือกที่จะดัดแปลงเพลงที่คุ้นเคยให้แปลกหู เพื่อเป็นการคารวะต่อจิตวิญญาณศิลปินของไมล์ส ผู้ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาดนตรีไปสู่หนทางใหม่ๆ เสมอ
น้ำท่วมสูงในบริเวณ ถ.ช้างคลาน ต.ป่าพร้าว อ.เมืองเชียงใหม่ ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้หน
จังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยายังวิกฤตน้ำท่วมหนัก สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมภาคกลางบริเวณจังหวัดลุ่มแม่น้ำเจ้าพ
เมื่อคืนที่ผ่านมา (12 ก.ค. 2567) ทีพีเอ็น โกลบอล (TPN GLOBAL) เปิดโชว์ Preliminary Competition ทำเอา
20 ปี ไมล์ส เดวิส ผู้สร้างแนวดนตรีใหม่ให้ดนตรีแจ๊ส ไม่เพียงมีผลงานดนตรีที่ยอดเยี่ยม แต่ ไมล์ส เดวิส ยังได้รับการยอมรับในฐานะ ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษที่ 20 จากการสร้างแนวดนตรีใหม่ๆ ให้กับดนตรีแจ๊ส 20 ปี ไมล์ส เดวิส ผู้สร้างแนวดนตรีใหม่ให้ดนตรีแจ๊ส ลีลาด้นสดของไมล์ส เดวิส ด้วยเสียงทรัมเป็ตในเพลง Call It Anything ต่อหน้าผู้ชมนับแสนในเทศกาลดนตรี Isle Of Weight เมื่อปี 1970 กลายเป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์ เมื่อดนตรีแจ๊สที่เคยแสดงอยู่ตามคลับ บาร์ ได้รับความนิยมจนสามารถร่วมอยู่ในเทศกาลเพลงร็อกระดับโลก คือผลงานของ ไมล์ส เดวิส ผู้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาแจ๊สให้ลื่นไหลไปกับบริบททางวัฒนธรรมตลอดเส้นทางดนตรีของเขา ไมล์ส เดวิส เข้าวงการในช่วงที่แจ๊สพัฒนาจากดนตรีเต้นรำมาเป็นเครื่องมือถ่ายทอดความสามารถนักดนตรีในสไตล์ bebop ช่วงยุค 40 เขาสานต่ออุดมการณ์เหล่านั้นด้วยการสร้างแนวเพลงที่เข้ากับเสียงทรัมเป็ตที่นุ่มนวล ด้วยการนำบีบ็อบมาเรียบเรียงให้ผ่อนคลายขึ้น กลายเป็นที่มาของดนตรี cool jazz และเปลี่ยนแปลงอีกครั้งกับการนำดนตรีอันเป็นรากเหง้าของชาวแเว็บ หวย ดีสมัคร เว ป เจต ใหม่ ล่าสุดอฟริกันอเมริกันอย่าง บลูส์ และอาร์แอนด์บี มาผสานกับลีลาแจ๊ส จนกลายเป็นสไตล์ hard bop ที่โด่งดังในยุค 50 การพัฒนามาสู่ขั้นสูงสุดในอัลบั้มประวัติศาสตร์ Kind of Blue ในปี 1959 จากการนำนักดนตรีแจ๊สรุ่นใหม่ ซึ่งมีสไตล์แตกต่างกัน มาบันทึกผลงานด้วยการอิมโพรไวส์โดยไม่คำนึงถึงข้อจำกัดของทางเดินคอร์ด แต่บรรเลงโดยอาศัยโหมดของดนตรีเป็นหลัก จนกลายเป็นการปฏิวัติวงการไปสู่แนวเพลง Modal jazz ที่เสน่ห์แห่งความซับซ้อนสร้างอิทธิพลต่อนักดนตรียุคต่อมานับไม่ถ้วน ไมล์ส เดวิส ยังคงสร้างสรรค์ดนตรีบนความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ในปลายยุค 60 ในการผสานเสน่ห์ของดนตรีสมัยนิยมทั้งร็อก และพังค์มาอยู่ในแจ๊ส นำไปสู่กระแสดนตรี Jazz fusion ทั้งในผลงานคลาสสิกของเขา และการสานต่อโดยศิลปินมากมายุคต่อมา ตลอดปีที่ผ่านมา เฮอร์บี แฮนค็อก, เวย์น ชอตเตอร์ และมาร์คัส มิลเลอร์ อดีตนักดนตรีที่เคยร่วมงานกับไมล์ส เดวิส ได้นำเพลงดังของครูใหญ่แห่งแจ๊สผู้นี้มาบรรเลงตามเทศกาลมากมาย โดยเลือกที่จะดัดแปลงเพลงที่คุ้นเคยให้แปลกหู เพื่อเป็นการคารวะต่อจิตวิญญาณศิลปินของไมล์ส ผู้ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาดนตรีไปสู่หนทางใหม่ๆ เสมอ ลีลาด้นสดของไมล์ส เดวิส ด้วยเสียงทรัมเป็ตในเพลง Call It Anything ต่อหน้าผู้ชมนับแสนในเทศกาลดนตรี Isle Of Weight เมื่อปี 1970 กลายเป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์ เมื่อดนตรีแจ๊สที่เคยแสดงอยู่ตามคลับ บาร์ ได้รับความนิยมจนสามารถร่วมอยู่ในเทศกาลเพลงร็อกระดับโลก คือผลงานของ ไมล์ส เดวิส ผู้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาแจ๊สให้ลื่นไหลไปกับบริบททางวัฒนธรรมตลอดเส้นทางดนตรีของเขา ไมล์ส เดวิส เข้าวงการในช่วงที่แจ๊สพัฒนาจากดนตรีเต้นรำมาเป็นเครื่องมือถ่ายทอดความสามารถนักดนตรีในสไตล์ bebop ช่วงยุค 40 เขาสานต่ออุดมการณ์เหล่านั้นด้วยการสร้างแนวเพลงที่เข้ากับเสียงทรัมเป็ตที่นุ่มนวล ด้วยการนำบีบ็อบมาเรียบเรียงให้ผ่อนคลายขึ้น กลายเป็นที่มาของดนตรี cool jazz และเปลี่ยนแปลงอีกครั้งกับการนำดนตรีอันเป็นรากเหง้าของชาวแอฟริกันอเมริกันอย่าง บลูส์ และอาร์แอนด์บี มาผสานกับลีลาแจ๊ส จนกลายเป็นสไตล์ hard bop ที่โด่งดังในยุค 50 การพัฒนามาสู่ขั้นสูงสุดในอัลบั้มประวัติศาสตร์ Kind of Blue ในปี 1959 จากการนำนักดนตรีแจ๊สรุ่นใหม่ ซึ่งมีสไตล์แตกต่างกัน มาบันทึกผลงานด้วยการอิมโพรไวส์โดยไม่คำนึงถึงข้อจำกัดของทางเดินคอร์ด แต่บรรเลงโดยอาศัยโหมดของดนตรีเป็นหลัก จนกลายเป็นการปฏิวัติวงการไปสู่แนวเพลง Modal jazz ที่เสน่ห์แห่งความซับซ้อนสร้างอิทธิพลต่อนักดนตรียุคต่อมานับไม่ถ้วน ไมล์ส เดวิส ยังคงสร้างสรรค์ดนตรีบนความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ในปลายยุค 60 ในการผสานเสน่ห์ของดนตรีสมัยนิยมทั้งร็อก และพังค์มาอยู่ในแจ๊ส นำไปสู่กระแสดนตรี Jazz fusion ทั้งในผลงานคลาสสิกของเขา และการสานต่อโดยศิลปินมากมายุคต่อมา ตลอดปีที่ผ่านมา เฮอร์บี แฮนค็อก, เวย์น ชอตเตอร์ และมาร์คัส มิลเลอร์ อดีตนักดนตรีที่เคยร่วมงานกับไมล์ส เดวิส ได้นำเพลงดังของครูใหญ่แห่งแจ๊สผู้นี้มาบรรเลงตามเทศกาลมากมาย โดยเลือกที่จะดัดแปลงเพลงที่คุ้นเคยให้แปลกหู เพื่อเป็นการคารวะต่อจิตวิญญาณศิลปินของไมล์ส ผู้ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาดนตรีไปสู่หนทางใหม่ๆ เสมอ
วันนี้ (15 ม.ค.2567) นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่า