เมื่อวันที่ 16 ม.ค.2567 เครื่องบินของสายการบิน Kor

วันนี้ (23 ก.ค.2565) เมื่อเวลา 11.40 น. น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ส.ส.กทม. เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกพาดพิงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส
วันนี้ (22 ก.ย.2564) จากกรณีมีเด็กที่มีอายุเกิน 12 ปี ที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ และเกิดปัญหากล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันเป็นอย่างมากถึงคุณภาพและความเหมาะสมของวัคซีนกับเด็ก นายอนุทิน ช
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 3,000 ปีที่แล้ว เผ่าพันธุ์ของเราเพิ่งเริ่มที่จะคิดค้นการบันทึกเรื่องราวด้วยตัวอักษร การสร้างคูคลองสำหรับการเกษตรกรรม หรือแม้แต่การนำทองเหลืองกับดีบุกมาผสมกันกลายเป็น “สำริด” เพื่อสร้างเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ขึ้นมาใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้นักประวัติศาสตร์สมัยใหม่เรียกช่วงเวลาในอดีตนี้ว่า “ยุคสำริด” โดยหลักฐานใหม่ล่าสุดที่นักโบราณคดีได้ค้นพบในถ้ำแห่งหนึ่งบนเกาะมินอร์กา (Minorca) ของประเทศสเปน นั้นได้ชี้ให้เห็นเพิ่มเติมว่ามนุษย์ในยุคสำริดยังได้คิดค้น “วิธีการเสพยาที่มีฤทธิ์หลอนประสาท” ขึ้นมา ควบคู่กับสิ่งประดิดูมวยไทยออนไลน์ษฐ์อื่น ๆ ด้วย ซึ่งหลักฐานชิ้นนี้ก็คือ “เส้นผม” ของมนุษย์ยุคสำริดที่ถูกเก็บไว้ในกล่องไม้ไว้เป็นอย่างดี และเมื่อนักโบราณคดีได้นำตัวอย่างเส้นผมมนุษย์นี้ไปตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว พวกเขาจึงพบว่ามีสารประเภทแอลคาลอยด์ปะปนอยู่ ซึ่งสารประเภทนี้มักถูกสกัดมาจากพืชเสพติดที่เราพบเจอได้ในปัจจุบัน อาทิ โคเคน จากต้นโคคา หรือ มอร์ฟีน จากดอกฝิ่น โดยนักโบราณคดีกลุ่มนี้สามารถตรวจหาความเชื่อมโยงของสารแอลคาลอยด์ที่อยู่บนเส้นผมมนุษย์ยุคสำริดได้ว่าอาจมีแหล่งกำเนิดมาจากต้นไม้ในตระกูลมาฮวง (อีเฟดรา) ซึ่งเป็นพื้นท้องถิ่นที่ได้เติบโตและกระจายตัวอยู่ทั่วเกาะมินอร์กา มาหลายพันปีแล้ว ถึงกระนั้นการเสพยาหลอนประสาทของมนุษย์ยุคสำริดก็อาจไม่เหมือนกับการเสพยาของผู้คนในปัจจุบันที่เน้นไปที่การผ่อนคลายบันเทิงเริงใจเสียทีเดียว เนื่องจากการกระจายตัวของสารแอลคาลอยด์บนเส้นผมได้บอกใบ้ว่า ผู้คนที่เคยแวะเวียนมาถ้ำนี้ได้เสพยาหลอนประสาทเป็นเวลายาวนานหลายปี จนถึงเวลาก่อนที่เจ้าของเส้นผมจะเสียชีวิตได้ไม่นานด้วยซ้ำ หากอ้างอิงจากหลักฐานอื่น ๆ ที่ค้นพบในถ้ำแห่งนี้ อย่างโครงกระดูกของมนุษย์ที่ถูกฝังอยู่มากกว่า 200 คน นักโบราณคดีก็กลับยิ่งค้นพบความแปลกประหลาดขึ้นไปอีก เนื่องจากโครงกระดูกพวกนี้มาจากหลายยุคหลายสมัยที่ห่างกันถึง 600 ปี แต่กลับไม่มีร่างของสตรีมีครรภ์และเด็ก ๆ เลย โดยกระดูกมนุษย์คนล่าสุดที่หลงเหลืออยู่เป็นชิ้นส่วนจากเมื่อ 1,200 ปีที่แล้วนี่เอง ไม่ได้มีอายุ 3,000 ปีเหมือนกับตัวอย่างเส้นผมที่ค้นพบสารเสพติดปะปนอยู่ Giorgio Samorini ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤกษศาสตร์และโบราณคดีได้แสดงความคิดเห็นต่อการค้นพบนี้ว่า มนุษย์ยุคโบราณมีแนวโน้มที่จะใช้ยาเสพติดในเชิงศาสนาเพื่อติดต่อกับสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติ จึงอาจทำให้ถ้ำแห่งนี้กลายเป็นแหล่งที่มนุษย์ใช้ประกอบพิธีกรรมมาอย่างยาวนานก็ได้ ส่วนหนึ่งในหลักฐานสนับสนุนเรื่องพิธีกรรมทางศาสนานั้น ก็คงจะเป็นภาพวาดตกแต่งบนกล่องไม้ที่เป็นภาชนะบรรจุเส้นผม ซึ่งมีการค้นพบสารแอลคาลอยด์ตามที่กล่าวไปข้างต้น โดยภาพตกแต่งนี้มีลักษณะเป็นรูปดวงตาหลายสิบดวงขีดเขียนอยู่อย่างสุ่ม ๆ รอบ ๆ กล่องไม้ ที่เป็นภาพจำของสัตว์ประหลาดในจินตนาการจากฤทธิ์หลอนประสาทของยาเสพติด สุดท้ายนี้ Ms.Guerra-Doce นักโบราณคดีผู้มีส่วนในการวิจัยก็ได้ตั้งสมมติฐานไว้ว่า มีความเป็นไปได้ว่าใครบางคนที่อาจเป็นหมอผีผู้เข้าใจเรื่องฤทธิ์ยาหลอนประสาทเป็นอย่างดีได้แนะนำให้คนมาใช้สารเสพติดในถ้ำนี้มากันรุ่นต่อรุ่น ซึ่งก็คงเป็นเรื่องที่ต้องศึกษากันต่อไปในอนาคต ที่มาข้อมูล: The New York Timesที่มาภาพ: The Autonomous University of Barcelona“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech
วันนี้ (23 พ.ค.2566) กรมอุตุนิยทวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมท
วันนี้ (22 เม.ย.2565) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า Google ได้เปลี่ยน Doodle เนื่องในวันที่ 22 เม.ย.ของทุกปี
วันนี้ (1 พ.ค.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จ.ชุมพร กำลังประสบภัยแล้งอย่างหนัก โดยปีนี้เป็นปีที่ 2 แล้ว
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 3,000 ปีที่แล้ว เผ่าพันธุ์ของเราเพิ่งเริ่มที่จะคิดค้นการบันทึกเรื่องราวด้วยตัวอักษร การสร้างคูคลองสำหรับการเกษตรกรรม หรือแม้แต่การนำทองเหลืองกับดีบุกมาผสมกันกลายเป็น “สำริด” เพื่อสร้างเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ขึ้นมาใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้นักประวัติศาสตร์สมัยใหม่เรียกช่วงเวลาในอดีตนี้ว่า “ยุคสำริด” โดยหลักฐานใหม่ล่าสุดที่นักโบราณคดีได้ค้นพบในถ้ำแห่งหนึ่งบนเกาะมินอร์กา (Minorca) ของประเทศสเปน นั้นได้ชี้ให้เห็นเพิ่มเติมว่ามนุษย์ในยุคสำริดยังได้คิดค้น “วิธีการเสพยาที่มีฤทธิ์หลอนประสาท” ขึ้นมา ควบคู่กับสิ่งประดิดูมวยไทยออนไลน์ษฐ์อื่น ๆ ด้วย ซึ่งหลักฐานชิ้นนี้ก็คือ “เส้นผม” ของมนุษย์ยุคสำริดที่ถูกเก็บไว้ในกล่องไม้ไว้เป็นอย่างดี และเมื่อนักโบราณคดีได้นำตัวอย่างเส้นผมมนุษย์นี้ไปตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว พวกเขาจึงพบว่ามีสารประเภทแอลคาลอยด์ปะปนอยู่ ซึ่งสารประเภทนี้มักถูกสกัดมาจากพืชเสพติดที่เราพบเจอได้ในปัจจุบัน อาทิ โคเคน จากต้นโคคา หรือ มอร์ฟีน จากดอกฝิ่น โดยนักโบราณคดีกลุ่มนี้สามารถตรวจหาความเชื่อมโยงของสารแอลคาลอยด์ที่อยู่บนเส้นผมมนุษย์ยุคสำริดได้ว่าอาจมีแหล่งกำเนิดมาจากต้นไม้ในตระกูลมาฮวง (อีเฟดรา) ซึ่งเป็นพื้นท้องถิ่นที่ได้เติบโตและกระจายตัวอยู่ทั่วเกาะมินอร์กา มาหลายพันปีแล้ว ถึงกระนั้นการเสพยาหลอนประสาทของมนุษย์ยุคสำริดก็อาจไม่เหมือนกับการเสพยาของผู้คนในปัจจุบันที่เน้นไปที่การผ่อนคลายบันเทิงเริงใจเสียทีเดียว เนื่องจากการกระจายตัวของสารแอลคาลอยด์บนเส้นผมได้บอกใบ้ว่า ผู้คนที่เคยแวะเวียนมาถ้ำนี้ได้เสพยาหลอนประสาทเป็นเวลายาวนานหลายปี จนถึงเวลาก่อนที่เจ้าของเส้นผมจะเสียชีวิตได้ไม่นานด้วยซ้ำ หากอ้างอิงจากหลักฐานอื่น ๆ ที่ค้นพบในถ้ำแห่งนี้ อย่างโครงกระดูกของมนุษย์ที่ถูกฝังอยู่มากกว่า 200 คน นักโบราณคดีก็กลับยิ่งค้นพบความแปลกประหลาดขึ้นไปอีก เนื่องจากโครงกระดูกพวกนี้มาจากหลายยุคหลายสมัยที่ห่างกันถึง 600 ปี แต่กลับไม่มีร่างของสตรีมีครรภ์และเด็ก ๆ เลย โดยกระดูกมนุษย์คนล่าสุดที่หลงเหลืออยู่เป็นชิ้นส่วนจากเมื่อ 1,200 ปีที่แล้วนี่เอง ไม่ได้มีอายุ 3,000 ปีเหมือนกับตัวอย่างเส้นผมที่ค้นพบสารเสพติดปะปนอยู่ Giorgio Samorini ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤกษศาสตร์และโบราณคดีได้แสดงความคิดเห็นต่อการค้นพบนี้ว่า มนุษย์ยุคโบราณมีแนวโน้มที่จะใช้ยาเสพติดในเชิงศาสนาเพื่อติดต่อกับสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติ จึงอาจทำให้ถ้ำแห่งนี้กลายเป็นแหล่งที่มนุษย์ใช้ประกอบพิธีกรรมมาอย่างยาวนานก็ได้ ส่วนหนึ่งในหลักฐานสนับสนุนเรื่องพิธีกรรมทางศาสนานั้น ก็คงจะเป็นภาพวาดตกแต่งบนกล่องไม้ที่เป็นภาชนะบรรจุเส้นผม ซึ่งมีการค้นพบสารแอลคาลอยด์ตามที่กล่าวไปข้างต้น โดยภาพตกแต่งนี้มีลักษณะเป็นรูปดวงตาหลายสิบดวงขีดเขียนอยู่อย่างสุ่ม ๆ รอบ ๆ กล่องไม้ ที่เป็นภาพจำของสัตว์ประหลาดในจินตนาการจากฤทธิ์หลอนประสาทของยาเสพติด สุดท้ายนี้ Ms.Guerra-Doce นักโบราณคดีผู้มีส่วนในการวิจัยก็ได้ตั้งสมมติฐานไว้ว่า มีความเป็นไปได้ว่าใครบางคนที่อาจเป็นหมอผีผู้เข้าใจเรื่องฤทธิ์ยาหลอนประสาทเป็นอย่างดีได้แนะนำให้คนมาใช้สารเสพติดในถ้ำนี้มากันรุ่นต่อรุ่น ซึ่งก็คงเป็นเรื่องที่ต้องศึกษากันต่อไปในอนาคต ที่มาข้อมูล: The New York Timesที่มาภาพ: The Autonomous University of Barcelona“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 3,000 ปีที่แล้ว เผ่าพันธุ์ของเราเพิ่งเริ่มที่จะคิดค้นการบันทึกเรื่องราวด้วยตัว