ส ล็ อด โจ๊ก เกอร์slotxo777 ฟรี เครดิต
วันนี้ (29 ธ.ค.2566) นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของ
฿27961
บาท6
ห้องนอน
40
ห้องน้ำ
852
ตร.ม.
฿ 3202
/ ตารางเมตร
ส ล็ อด โจ๊ก เกอร์slotxo777 ฟรี เครดิต
วันนี้ (18 ม.ค.2565) ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสลงพื้นที
UID: 73625
เจ้าหน้าที่เร่งอพยพประชาชนหนีน้ำท่วม จ.อ่างทอง เจ้าหน้าที่เร่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ หลังน้ำทะลักค
วันที่ 1 ก.ค.2565 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีอุ้มฆ่านายวีรชัย
วันที่ 1 ก.ค.2565 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีอุ้มฆ่านายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ พี่ชาย น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาอาวุโส ศาลอาญากรุงเทพใต้ อดีตเจ้าของสำนวนโอนหุ้น นายชูวงษ์ แซ่ตั้ง นักธุรกิจ หมายเลขดำ อท.69/2563 ที่พนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 3 น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ เป็นโจทก์ และโจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์, นายมานัส ทับทิม, นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์, นายชาติชาย เมณฑ์กูล, นายประชาวิทย์ ศรีทองสุข และ ด.ต.ธงชัย หรือ ส.จ.อ๊อด วจีสัจจะ จำเลยที่ 1-6 ในความผิด 9 ข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้ใดเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ เป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปถึงแก่ความตาย มาตรา 309, 313 ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มาตรา 310, ร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป มาตรา 139-140, เป็นซ่องโจร โดยสมคบกันเพื่อกระทำผิดที่มีระวางโทษประหารชีวิต มาตรา 210 ร่วมกันพยายามข่มขืนใจผู้อื่น ให้กระทำการใดโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป มาตรา 213, ร่วมกันซ่อนเร้น ทำลายศพเพื่อปิดบังการตายและสาเหตุการตาย มาตรา 199, ร่วมกันกระทำการใด ๆ แก่ศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น เพื่ออำพรางคดี คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษา เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2563 ว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวเป็นเหตุให้ผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ลงโทษประหารชีวิต, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ ตาม ป.อาญา มาตรา 289 (4) (7) ลงโทษประหารชีวิต, ฐานแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานฯ จำคุก 1ปี สวมเครื่องแบบเจ้าพนักงานฯ จำคุก 1 ปี, ซ่อนเร้นทำลายศพ จำคุก 4 ปี แต่จำเลยที่ 1 ให้การเป็นประโยชน์ลดโทษ 1 ใน 3 ทุกข้อหา คงจำคุกจำเลยที่ 1 ทั้งสิ้นตลอดชีวิตสถานเดียว ส่วนจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานสนับสนุนให้กระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุก 33 ปี 4 เดือน จำเลยที่ 4-6 มีความผิดฐานร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายฯ ลงโทษประหารชีวิต แต่ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต โดยจำเลยที่ 1 ให้นับโทษต่อจากคดีโอนหุ้นจำคุก 8 ปี ของศาลอาญากรุงเทพใต้ ส่วนจำเลยที่ 3 กระทำผิดฆ่าโดยไตร่ตรอง พิพากษาประหารชีวิต เเละกักขังหน่วงเหนี่ยวให้ผู้อื่นถึงเเก่ความตาย พิพากษาประหารชีวิต ให้การเป็นประโยชน์ลดเหลือจำคุกตลอดชีวิต ต่อมาโจทก์ โจทก์ร่วม จําเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 ที่ 5 ที่ 6 ยื่นอุทธรณ์ จําเลยที่ 3 ไม่อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วพฤติการณ์ ที่มีการเตรียมอุปกรณ์ การเผาทำลายศพในสถานที่ที่ยากแก่การรู้เห็นของบุคคลอื่นไว้ล่วงหน้า ก่อนที่จะมีการลักพาตัวผู้ตาย บ่งชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า จำเลยที่ 1 มีเจตนาฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และเพื่อปกปิดการกระทำความผิดอื่นหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนได้กระทำไว้ ตั้งแต่ต้น จำเลยที่ 1 คาดการณ์ไว้แล้วว่า ผู้ตายจะต้องขัดขืนไม่ให้มีการนำตัวผู้ตายไปโดยง่าย หากผู้ตายขัดขืน จะตัวมีการใช้กำลังบังคับหรือประทุษร้ายผู้ตาย โดยวิธีใดวิธีหนึ่งเพื่อให้ผู้ตายยินยอม ให้จำเลยที่ 1 เอาตัวผู้ตายไป ฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 ใช้กำลังประทุษร้ายผู้ตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล ประกอบกับจำเลยที่ 1 มีเจตนาฆ่าผู้ตายมาตั้งแต่แรก ต่อมาจำเลยที่ 1 และที่ 3 นส ล็ อด โจ๊ก เกอร์slotxo777 ฟรี เครดิตำผู้ตายไปเผาในสถานที่ที่เตรียมการไว้ การตายของผู้ตายจึงเป็นผลโดยตรง จากการกระทำของจำเลยของจำเลยที่ 1 และที่ 3 พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักเพียงพอ ให้รับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 และที่3 ร่วมกันฆ่าผู้ตาย โดยไตร่ตรองไว้ก่อน และเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ได้กระทำไว้ ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เมื่อจำเลยที่ 1 ลักพาตัวผู้ตาย เพื่อจะให้ผู้ตายต่อรองให้โจทก์ร่วมพิพากษายกฟ้อง ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ลงมือกระทำโดยลักพาผู้ตายโดยมีเจตนาพิเศษ เพื่อจะเรียกค่าไถ่ซึ่งครบองค์ประกอบความผิดแล้ว จำเลยที่ 2 มีส่วนกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 สะกดรอยติดตาม ความเคลื่อนไหวของโจทก์ร่วมและผู้ตาย ในวันเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ยังขับรถยนต์พาจำเลยที่ 1 ที่ 3 กับที่ 5 จากจังหวัดนครสวรรค์ มาที่บ้านเลขที่ 9/13 และขับรถยนต์จากจังหวัดนครสวรรค์ ไปรอจำเลยที่ 1 และที่ 3 กับพวก โดยทราบว่า จำเลยที่ 1 และที่ 3 มีเจตนาจะลักพาตัวผู้ตาย เป็นการสนับสนุนจำเลยที่ 1 กับพวกกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ และเพื่อให้ได้ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใด เป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวหรือผู้ถูก กักขังถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 5 ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้ตาย จำเลยที่ 4 และที่ 5 จึงมีความผิดฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้ตาย เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 4 และที่ 5 มีเจตนาลักพาตัวผู้ตายไปเพื่อหน่วงเหนี่ยวกักขังเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ เมื่อจำเลยที่ 3 ใช้กำลังประทุษร้ายผู้ตายจนถึงแก่ความตาย แม้จำเลยที่ 4 และที่ 5 ซึ่งเป็นตัวการร่วม จะไม่มีเจตนาให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 4 และที่ 5 ต้องรับผิดในผลของความตายนั้นด้วย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 63 จำเลยที่ 6 เข้าใจตั้งแต่ต้นว่า จำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 6 หาคนไปช่วยทวงหนี้ แต่ที่จำเลยที่ 4 และที่ 5 ให้การต่อพนักงานสอบสวน ไม่ปรากฏว่าก่อนหน้านั้น จำเลยที่ 4 และที่ 5 มีความรู้หรือความเชี่ยวชาญด้านการทวงหนี้ตามกฎหมายมาก่อน จำเลยที่ 6 ย่อมคาดหมายได้แล้วว่า การทวงหนี้ของจำเลยที่ 1 จะต้องมีการใช้กำลังบังคับหรือประทุษร้าย หรือหน่วงเหนี่ยวบุคคลหนึ่งให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย จำเลยที่ 1 จึงต้องให้จำเลยที่ 6 หาคนไปช่วยดำเนินการให้ ฟังได้ว่าจำเลยที่ 6 ได้ช่วยเหลือโดยอำนวยความสะดวกให้จำเลยที่ 4 และที่ 5 เดินทางไปกับจำเลยที่ 1 เมื่อจำเลยที่ 4 และที่ 5 ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 นำตัวผู้ตาย ไปหน่วงเหนี่ยวกักขังในรถคันก่อเหตุโดยเจตนา เพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ตามที่วินิจฉัยแล้ว การกระทำ ของจำเลยที่ 6 จึงเป็นการสนับสนุนจำเลยที่ 1 ที่ 3 ถึงที่ 5 กระทำความผิดฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยว หรือกักขังผู้อื่น และฐานเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลอื่นตามคำพิพากษา ศาลชั้นต้น แต่มิใช่เพียงมาตรา 310 วรรคแรก, 313 (3) วรรคแรก ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบเห็นสมควรแก้ไขปรับบทให้ถูกต้องเป็นมาตรา 310 วรรคสอง, 313 (3) วรรคท้าย ประกอบ มาตรา 86, 87 วรรคสอง ปัญหาว่า สมควรลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 4 และที่ 5 เบากว่าคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือไม่ ความผิดฐานเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดเป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไป ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวหรือผู้ถูกกักขังถึงแก่ความตาย และฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อปกปิดความผิดของตน หรือหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนกระทำไว้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) (7) และมาตรา 313 (3) วรรคท้าย มีระวางโทษประหารชีวิต สถานเดียว จึงกำหนดโดยจำเลยที่ 1 ที่ 4 และที่ 5 อย่างอีกไม่ได้ ส่วนความผิดฐานสวมเครื่องแบบและประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงานและแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน โดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการนั้น และฐานร่วมกันกระทำการใด ๆ แก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตร พลิกศพ หรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป หรือเพื่ออำพรางคดีศาลชั้นต้นกำหนดโทษเหมาะสม กับพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ปัญหาว่า มีเหตุสมควรลดโทษให้จำเลยทั้งหกหรือไม่ จำเลยที่ 1 กับพวกมีพฤติการณ์สมคบ และร่วมกันวางแผนเพื่อกระทำผิดมาอย่างดี และมีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างเป็นขั้นตอน การที่จำเลยที่ 1 อ้างว่ามีเหตุจูงใจมาจากจำเลยที่ 1 กับพวกไม่ได้รับความเป็นธรรม ในการพิจารณาคดีของโจทก์ร่วม ซึ่งเป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน จำเลยที่ 1 เคยรับราชการตำรวจในตำแหน่ง พ.ต.ท. เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ประกอบกับมีทนายความช่วยแก้ต่างให้ ย่อมทราบถึงขั้นตอนและวิธีพิจารณาความว่า ยังสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์และฎีกาคำพิพากษาต่อไปได้ การที่จำเลยที่ 1 กับพวก ใช้วิธีการที่ผิดกฎหมายบังคับข่มขู่ผู้พิพากษาผู้พิจารณาคดี เพื่อให้เจ้าพนักงานปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่ และร่วมกระทำผิดในที่สาธารณะอย่างอุกอาจ โดยไม่ยำเกรงต่อกฎหมาย จึงถือว่าเป็นคดีอุกฉกรรจ์ ที่เป็นภัยต่อสังคมโดยรวมอย่างร้ายแรง และส่งผลกระทบต่อกระบวนการยุติธรรม เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างและเพื่อป้องปรามไม่ให้มีการ กระทำผิดลักษณะนี้อีก จึงไม่สมควรลดโทษให้แก่จำเลยนั้น เห็นว่า คำรับสารภาพหรือรับข้อเท็จจริง ของจำเลยอันจะถือเป็นเหตุบรรเทาโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ได้นั้น จะต้องเป็นกรณีที่ให้ความรู้แก่ศาล อันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาศาล จึงจะพิจารณาลดโทษที่จะลงให้แก่ จำเลยได้การพิจารณาของศาลชั้นต้นนั้น ปรากฏว่าโจทก์มีพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพ เหตุการณ์ตั้งแต่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ร่วมกันสะกดรอยติดตามความเคลื่อนไหวของโจทก์ ร่วมกับผู้ตาย สถานที่ที่จำเลยที่ 6 ขับรถมาส่งจำเลยที่ 4 และที่ 5 ขึ้นรถยนต์ไปกับจำเลยที่ 1 ตลอดจน การใช้พาหนะสำหรับเดินทางของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 จากจังหวัดนครสวรรค์มาจนถึงบริเวณที่จอดรถ รอผู้ตายที่หน้าศาลแพ่งกรุงเทพใต้ กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกเหตุการณ์ภายหลังจากที่จำเลยที่ 1 ที่ 3 ถึงที่ 5 นำตัวผู้ตายขึ้นรถและหลบหนีไปที่บริเวณที่เตรียมอุปกรณ์รอไว้เผาร่างผู้ตาย มีวัตถุพยาน ที่พบอยู่บริเวณที่เผาศพผู้ตาย สอดคล้องกับรายงานการตรวจสารพันธุกรรม ซึ่งเป็นพยานหลักฐาน ทางนิติวิทยาศาสตร์ รวมถึงพยานจากการวิเคราะห์ข้อมูลการให้โทรศัพท์เคลื่อน ที่ติดต่อสื่อสารระหว่าง ผู้กระทำความผิดอย่างต่อเนื่อง เชื่อมโยงกันเป็นการเฉพาะกิจ ถึงแม้ว่าโจทก์จะไม่มีประจักษ์พยาน ที่รู้เห็นเหตุการณ์ขณะที่จำเลยที่ 1 และที่ 3 แต่ศาลก็อาศัยพยานหลักฐานของโจทก์ดังกล่าว เป็นพยานหลักฐานสำคัญในการวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงและพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งหกได้ โดยไม่มีความจำเป็นต้องอาศัยคำรับสารภาพของจำเลยอีก ทั้งจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพหลังจากได้ตรวจ พยานหลักฐานของโจทก์แล้วมีเหตุผลให้น่าเชื่อว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ถึงที่ 6 ยอมรับข้อเท็จจริง จำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพในชั้นพิจารณาเพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน หาใช่รับสารภาพ เพราะสำนึกในความผิด คำรับสารภาพเช่นนี้ไม่ถือว่าเป็นการให้ความรู้แก่ศาล อันจะเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 อันจะพึงลดโทษให้ได้ ที่ศาลชั้นต้นลดโทษให้แก่จำเลยทั้งหกนั้น ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ไม่เห็นพ้องด้วย พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 และที่ 3 ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 140 วรรคแรก ส่วนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคแรก เป็นเพียง การพยายามกระทำความผิดตาม มาตรา 80จำเลยที่ 2 ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) (7 ) และมาตรา 314 ประกอบมาตรา 86 แต่จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 310 วรรคสอง, 313(3) วรรคท้าย ประกอบมาตรา 86,87 วรรคสอง เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐาน เพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใด เป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไป ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยว หรือผู้ถูกกักขังถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต จำเลยที่ 6 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 วรรคสอง, 313 (3) วรรคท้าย ประกอบมาตรา 86,87 วรรคสอง เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยว หรือกักขังบุคคลใดเป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไป ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยว หรือผู้ถูกกักขังถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ไม่ลดโทษให้จำเลยทั้งหกในความผิดฐานแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน โดยตนเองไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการนั้น ฐานสวมเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิ ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยว หรือถูกกักขัง ถึงแก่ความตาย ฐานเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดเป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไป ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวหรือผู้ถูกกักขังถึงแก่ความตาย ฐานร่วมกันกระทำการใด ๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อม ในบริเวณที่พบศพ ก่อนชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไปหรือเพื่ออำพรางคดี ฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใด เป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปผู้ถูกหน่วงเหนี่ยว หรือผู้ถูกกักขังถึงแก่ความตาย เมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยที่ 1และที่ 3 แล้วไม่อาจนำโทษกระทงอื่นมารวมหรือนับโทษต่อจากโทษคดีอื่นหรือเพิ่มโทษได้อีก ทั้งนี้ จำเลยที่ 1 เเละ 3 ไม่ปรับบท ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยที่ 2 ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4)(7) มาตรา 314 ประกอบ มาตรา 86 แต่จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 310 วรรค 2313 (3) วรรคท้ายประกอบมาตรา 86,87 วรรคสอง เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานสนับสนุนเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดเป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไป ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวหรือผู้ถูกกักขังถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักสุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต จำเลยที่ 6 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 วรรคสอง 313 (2) วรรคท้าย ประกอบมาตรา 86,87 วรรคสอง เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานสนับสนุน เพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดเป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไป ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวหรือผู้ถูกกักขัง ถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักสุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ไม่ลดโทษให้จำเลยทั้ง 6 ในความผิดฐานแสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน กระทำการเป็นเจ้าพนักงาน สวมเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิ ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยว หรือถูกกักขังถึงแก่ความตาย ฐานเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดเป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไป ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวหรือถูกกักขังถึงแก่ความตาย ฐานร่วมกันกระทำการใดๆ แก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรศพเสร็จสิ้น ฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดเป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไป ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวหรือถูกกักขังถึงแก่ความตาย
ข้อมูลจากแหล่งข่าวใกล้ชิด บิ๊กเต่า-พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตแล
เจ้าหน้าที่เร่งอพยพประชาชนหนีน้ำท่วม จ.อ่างทอง เจ้าหน้าที่เร่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ หลังน้ำทะลักค
วันที่ 1 ก.ค.2565 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีอุ้มฆ่านายวีรชัย
วันที่ 1 ก.ค.2565 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีอุ้มฆ่านายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ พี่ชาย น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาอาวุโส ศาลอาญากรุงเทพใต้ อดีตเจ้าของสำนวนโอนหุ้น นายชูวงษ์ แซ่ตั้ง นักธุรกิจ หมายเลขดำ อท.69/2563 ที่พนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 3 น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ เป็นโจทก์ และโจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์, นายมานัส ทับทิม, นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์, นายชาติชาย เมณฑ์กูล, นายประชาวิทย์ ศรีทองสุข และ ด.ต.ธงชัย หรือ ส.จ.อ๊อด วจีสัจจะ จำเลยที่ 1-6 ในความผิด 9 ข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้ใดเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ เป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปถึงแก่ความตาย มาตรา 309, 313 ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มาตรา 310, ร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป มาตรา 139-140, เป็นซ่องโจร โดยสมคบกันเพื่อกระทำผิดที่มีระวางโทษประหารชีวิต มาตรา 210 ร่วมกันพยายามข่มขืนใจผู้อื่น ให้กระทำการใดโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป มาตรา 213, ร่วมกันซ่อนเร้น ทำลายศพเพื่อปิดบังการตายและสาเหตุการตาย มาตรา 199, ร่วมกันกระทำการใด ๆ แก่ศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น เพื่ออำพรางคดี คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษา เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2563 ว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวเป็นเหตุให้ผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ลงโทษประหารชีวิต, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ ตาม ป.อาญา มาตรา 289 (4) (7) ลงโทษประหารชีวิต, ฐานแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานฯ จำคุก 1ปี สวมเครื่องแบบเจ้าพนักงานฯ จำคุก 1 ปี, ซ่อนเร้นทำลายศพ จำคุก 4 ปี แต่จำเลยที่ 1 ให้การเป็นประโยชน์ลดโทษ 1 ใน 3 ทุกข้อหา คงจำคุกจำเลยที่ 1 ทั้งสิ้นตลอดชีวิตสถานเดียว ส่วนจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานสนับสนุนให้กระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุก 33 ปี 4 เดือน จำเลยที่ 4-6 มีความผิดฐานร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายฯ ลงโทษประหารชีวิต แต่ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต โดยจำเลยที่ 1 ให้นับโทษต่อจากคดีโอนหุ้นจำคุก 8 ปี ของศาลอาญากรุงเทพใต้ ส่วนจำเลยที่ 3 กระทำผิดฆ่าโดยไตร่ตรอง พิพากษาประหารชีวิต เเละกักขังหน่วงเหนี่ยวให้ผู้อื่นถึงเเก่ความตาย พิพากษาประหารชีวิต ให้การเป็นประโยชน์ลดเหลือจำคุกตลอดชีวิต ต่อมาโจทก์ โจทก์ร่วม จําเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 ที่ 5 ที่ 6 ยื่นอุทธรณ์ จําเลยที่ 3 ไม่อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วพฤติการณ์ ที่มีการเตรียมอุปกรณ์ การเผาทำลายศพในสถานที่ที่ยากแก่การรู้เห็นของบุคคลอื่นไว้ล่วงหน้า ก่อนที่จะมีการลักพาตัวผู้ตาย บ่งชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า จำเลยที่ 1 มีเจตนาฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และเพื่อปกปิดการกระทำความผิดอื่นหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนได้กระทำไว้ ตั้งแต่ต้น จำเลยที่ 1 คาดการณ์ไว้แล้วว่า ผู้ตายจะต้องขัดขืนไม่ให้มีการนำตัวผู้ตายไปโดยง่าย หากผู้ตายขัดขืน จะตัวมีการใช้กำลังบังคับหรือประทุษร้ายผู้ตาย โดยวิธีใดวิธีหนึ่งเพื่อให้ผู้ตายยินยอม ให้จำเลยที่ 1 เอาตัวผู้ตายไป ฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 ใช้กำลังประทุษร้ายผู้ตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล ประกอบกับจำเลยที่ 1 มีเจตนาฆ่าผู้ตายมาตั้งแต่แรก ต่อมาจำเลยที่ 1 และที่ 3 นส ล็ อด โจ๊ก เกอร์slotxo777 ฟรี เครดิตำผู้ตายไปเผาในสถานที่ที่เตรียมการไว้ การตายของผู้ตายจึงเป็นผลโดยตรง จากการกระทำของจำเลยของจำเลยที่ 1 และที่ 3 พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักเพียงพอ ให้รับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 และที่3 ร่วมกันฆ่าผู้ตาย โดยไตร่ตรองไว้ก่อน และเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ได้กระทำไว้ ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เมื่อจำเลยที่ 1 ลักพาตัวผู้ตาย เพื่อจะให้ผู้ตายต่อรองให้โจทก์ร่วมพิพากษายกฟ้อง ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ลงมือกระทำโดยลักพาผู้ตายโดยมีเจตนาพิเศษ เพื่อจะเรียกค่าไถ่ซึ่งครบองค์ประกอบความผิดแล้ว จำเลยที่ 2 มีส่วนกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 สะกดรอยติดตาม ความเคลื่อนไหวของโจทก์ร่วมและผู้ตาย ในวันเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ยังขับรถยนต์พาจำเลยที่ 1 ที่ 3 กับที่ 5 จากจังหวัดนครสวรรค์ มาที่บ้านเลขที่ 9/13 และขับรถยนต์จากจังหวัดนครสวรรค์ ไปรอจำเลยที่ 1 และที่ 3 กับพวก โดยทราบว่า จำเลยที่ 1 และที่ 3 มีเจตนาจะลักพาตัวผู้ตาย เป็นการสนับสนุนจำเลยที่ 1 กับพวกกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ และเพื่อให้ได้ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใด เป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวหรือผู้ถูก กักขังถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 5 ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้ตาย จำเลยที่ 4 และที่ 5 จึงมีความผิดฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้ตาย เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 4 และที่ 5 มีเจตนาลักพาตัวผู้ตายไปเพื่อหน่วงเหนี่ยวกักขังเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ เมื่อจำเลยที่ 3 ใช้กำลังประทุษร้ายผู้ตายจนถึงแก่ความตาย แม้จำเลยที่ 4 และที่ 5 ซึ่งเป็นตัวการร่วม จะไม่มีเจตนาให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 4 และที่ 5 ต้องรับผิดในผลของความตายนั้นด้วย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 63 จำเลยที่ 6 เข้าใจตั้งแต่ต้นว่า จำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 6 หาคนไปช่วยทวงหนี้ แต่ที่จำเลยที่ 4 และที่ 5 ให้การต่อพนักงานสอบสวน ไม่ปรากฏว่าก่อนหน้านั้น จำเลยที่ 4 และที่ 5 มีความรู้หรือความเชี่ยวชาญด้านการทวงหนี้ตามกฎหมายมาก่อน จำเลยที่ 6 ย่อมคาดหมายได้แล้วว่า การทวงหนี้ของจำเลยที่ 1 จะต้องมีการใช้กำลังบังคับหรือประทุษร้าย หรือหน่วงเหนี่ยวบุคคลหนึ่งให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย จำเลยที่ 1 จึงต้องให้จำเลยที่ 6 หาคนไปช่วยดำเนินการให้ ฟังได้ว่าจำเลยที่ 6 ได้ช่วยเหลือโดยอำนวยความสะดวกให้จำเลยที่ 4 และที่ 5 เดินทางไปกับจำเลยที่ 1 เมื่อจำเลยที่ 4 และที่ 5 ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 นำตัวผู้ตาย ไปหน่วงเหนี่ยวกักขังในรถคันก่อเหตุโดยเจตนา เพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ตามที่วินิจฉัยแล้ว การกระทำ ของจำเลยที่ 6 จึงเป็นการสนับสนุนจำเลยที่ 1 ที่ 3 ถึงที่ 5 กระทำความผิดฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยว หรือกักขังผู้อื่น และฐานเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลอื่นตามคำพิพากษา ศาลชั้นต้น แต่มิใช่เพียงมาตรา 310 วรรคแรก, 313 (3) วรรคแรก ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบเห็นสมควรแก้ไขปรับบทให้ถูกต้องเป็นมาตรา 310 วรรคสอง, 313 (3) วรรคท้าย ประกอบ มาตรา 86, 87 วรรคสอง ปัญหาว่า สมควรลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 4 และที่ 5 เบากว่าคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือไม่ ความผิดฐานเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดเป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไป ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวหรือผู้ถูกกักขังถึงแก่ความตาย และฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อปกปิดความผิดของตน หรือหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนกระทำไว้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) (7) และมาตรา 313 (3) วรรคท้าย มีระวางโทษประหารชีวิต สถานเดียว จึงกำหนดโดยจำเลยที่ 1 ที่ 4 และที่ 5 อย่างอีกไม่ได้ ส่วนความผิดฐานสวมเครื่องแบบและประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงานและแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน โดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการนั้น และฐานร่วมกันกระทำการใด ๆ แก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตร พลิกศพ หรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป หรือเพื่ออำพรางคดีศาลชั้นต้นกำหนดโทษเหมาะสม กับพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ปัญหาว่า มีเหตุสมควรลดโทษให้จำเลยทั้งหกหรือไม่ จำเลยที่ 1 กับพวกมีพฤติการณ์สมคบ และร่วมกันวางแผนเพื่อกระทำผิดมาอย่างดี และมีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างเป็นขั้นตอน การที่จำเลยที่ 1 อ้างว่ามีเหตุจูงใจมาจากจำเลยที่ 1 กับพวกไม่ได้รับความเป็นธรรม ในการพิจารณาคดีของโจทก์ร่วม ซึ่งเป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน จำเลยที่ 1 เคยรับราชการตำรวจในตำแหน่ง พ.ต.ท. เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ประกอบกับมีทนายความช่วยแก้ต่างให้ ย่อมทราบถึงขั้นตอนและวิธีพิจารณาความว่า ยังสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์และฎีกาคำพิพากษาต่อไปได้ การที่จำเลยที่ 1 กับพวก ใช้วิธีการที่ผิดกฎหมายบังคับข่มขู่ผู้พิพากษาผู้พิจารณาคดี เพื่อให้เจ้าพนักงานปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่ และร่วมกระทำผิดในที่สาธารณะอย่างอุกอาจ โดยไม่ยำเกรงต่อกฎหมาย จึงถือว่าเป็นคดีอุกฉกรรจ์ ที่เป็นภัยต่อสังคมโดยรวมอย่างร้ายแรง และส่งผลกระทบต่อกระบวนการยุติธรรม เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างและเพื่อป้องปรามไม่ให้มีการ กระทำผิดลักษณะนี้อีก จึงไม่สมควรลดโทษให้แก่จำเลยนั้น เห็นว่า คำรับสารภาพหรือรับข้อเท็จจริง ของจำเลยอันจะถือเป็นเหตุบรรเทาโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ได้นั้น จะต้องเป็นกรณีที่ให้ความรู้แก่ศาล อันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาศาล จึงจะพิจารณาลดโทษที่จะลงให้แก่ จำเลยได้การพิจารณาของศาลชั้นต้นนั้น ปรากฏว่าโจทก์มีพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพ เหตุการณ์ตั้งแต่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ร่วมกันสะกดรอยติดตามความเคลื่อนไหวของโจทก์ ร่วมกับผู้ตาย สถานที่ที่จำเลยที่ 6 ขับรถมาส่งจำเลยที่ 4 และที่ 5 ขึ้นรถยนต์ไปกับจำเลยที่ 1 ตลอดจน การใช้พาหนะสำหรับเดินทางของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 จากจังหวัดนครสวรรค์มาจนถึงบริเวณที่จอดรถ รอผู้ตายที่หน้าศาลแพ่งกรุงเทพใต้ กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกเหตุการณ์ภายหลังจากที่จำเลยที่ 1 ที่ 3 ถึงที่ 5 นำตัวผู้ตายขึ้นรถและหลบหนีไปที่บริเวณที่เตรียมอุปกรณ์รอไว้เผาร่างผู้ตาย มีวัตถุพยาน ที่พบอยู่บริเวณที่เผาศพผู้ตาย สอดคล้องกับรายงานการตรวจสารพันธุกรรม ซึ่งเป็นพยานหลักฐาน ทางนิติวิทยาศาสตร์ รวมถึงพยานจากการวิเคราะห์ข้อมูลการให้โทรศัพท์เคลื่อน ที่ติดต่อสื่อสารระหว่าง ผู้กระทำความผิดอย่างต่อเนื่อง เชื่อมโยงกันเป็นการเฉพาะกิจ ถึงแม้ว่าโจทก์จะไม่มีประจักษ์พยาน ที่รู้เห็นเหตุการณ์ขณะที่จำเลยที่ 1 และที่ 3 แต่ศาลก็อาศัยพยานหลักฐานของโจทก์ดังกล่าว เป็นพยานหลักฐานสำคัญในการวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงและพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งหกได้ โดยไม่มีความจำเป็นต้องอาศัยคำรับสารภาพของจำเลยอีก ทั้งจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพหลังจากได้ตรวจ พยานหลักฐานของโจทก์แล้วมีเหตุผลให้น่าเชื่อว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ถึงที่ 6 ยอมรับข้อเท็จจริง จำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพในชั้นพิจารณาเพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน หาใช่รับสารภาพ เพราะสำนึกในความผิด คำรับสารภาพเช่นนี้ไม่ถือว่าเป็นการให้ความรู้แก่ศาล อันจะเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 อันจะพึงลดโทษให้ได้ ที่ศาลชั้นต้นลดโทษให้แก่จำเลยทั้งหกนั้น ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ไม่เห็นพ้องด้วย พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 และที่ 3 ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 140 วรรคแรก ส่วนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคแรก เป็นเพียง การพยายามกระทำความผิดตาม มาตรา 80จำเลยที่ 2 ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) (7 ) และมาตรา 314 ประกอบมาตรา 86 แต่จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 310 วรรคสอง, 313(3) วรรคท้าย ประกอบมาตรา 86,87 วรรคสอง เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐาน เพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใด เป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไป ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยว หรือผู้ถูกกักขังถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต จำเลยที่ 6 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 วรรคสอง, 313 (3) วรรคท้าย ประกอบมาตรา 86,87 วรรคสอง เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยว หรือกักขังบุคคลใดเป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไป ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยว หรือผู้ถูกกักขังถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ไม่ลดโทษให้จำเลยทั้งหกในความผิดฐานแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน โดยตนเองไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการนั้น ฐานสวมเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิ ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยว หรือถูกกักขัง ถึงแก่ความตาย ฐานเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดเป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไป ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวหรือผู้ถูกกักขังถึงแก่ความตาย ฐานร่วมกันกระทำการใด ๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อม ในบริเวณที่พบศพ ก่อนชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไปหรือเพื่ออำพรางคดี ฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใด เป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปผู้ถูกหน่วงเหนี่ยว หรือผู้ถูกกักขังถึงแก่ความตาย เมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยที่ 1และที่ 3 แล้วไม่อาจนำโทษกระทงอื่นมารวมหรือนับโทษต่อจากโทษคดีอื่นหรือเพิ่มโทษได้อีก ทั้งนี้ จำเลยที่ 1 เเละ 3 ไม่ปรับบท ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยที่ 2 ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4)(7) มาตรา 314 ประกอบ มาตรา 86 แต่จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 310 วรรค 2313 (3) วรรคท้ายประกอบมาตรา 86,87 วรรคสอง เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานสนับสนุนเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดเป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไป ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวหรือผู้ถูกกักขังถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักสุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต จำเลยที่ 6 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 วรรคสอง 313 (2) วรรคท้าย ประกอบมาตรา 86,87 วรรคสอง เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานสนับสนุน เพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดเป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไป ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวหรือผู้ถูกกักขัง ถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักสุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ไม่ลดโทษให้จำเลยทั้ง 6 ในความผิดฐานแสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน กระทำการเป็นเจ้าพนักงาน สวมเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิ ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยว หรือถูกกักขังถึงแก่ความตาย ฐานเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดเป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไป ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวหรือถูกกักขังถึงแก่ความตาย ฐานร่วมกันกระทำการใดๆ แก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรศพเสร็จสิ้น ฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดเป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไป ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวหรือถูกกักขังถึงแก่ความตาย
ข้อมูลจากแหล่งข่าวใกล้ชิด บิ๊กเต่า-พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตแล
สิ่งอำนวยความสะดวก
การตกแต่ง
เครื่องปรับอากาศ
ชั้นบน
เตาอบ/ไมโครเวฟ
ความสะดวกโดยรอบ
กล้องวงจรปิด
เครืองปรับอากาศ
โถงรอลิฟท์ร้านอาหาร
ทางเข้าหลัก
ยอดสินเชื่อโดยประมาณ
รายละเอียดสินเชื่อ
ยอดสินเชื่อที่ต้องชำระต่อเดือนโดยประมาณ
฿ 0 / เดือน
฿ 0 เงินต้น
฿ 0 ดอกเบี้ย
ค่าใช้จ่ายที่อาจต้องมีเบื้องต้น
เงินดาวน์ทั้งหมด
฿ 0
เงินดาวน์
จำนวนสินเชื่อ ฿ 0 ในอัตรา 0% ของสินเชื่อต่อราคาบ้าน (Loan-to-value)
ความคืบหน้าในการช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล ซึ่งล

เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.2565 งาน Golden Disc Awards ครั้งที่ 37 จัดทั้งเพลง และพลุกระหึ่มสนามราชมังคลากีฬาสถาน โดย "PSY" เฉิดฉายท่ามกลางไอดอล K-POP รุ่นน้อง คว้ารางวัล Artist Of The Year หลังกลับมาทำอัลบั้ม
ดูรายละเอียดโครงการคำถามที่พบบ่อย
ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต 5 แสนล้านบาท
วันนี้ (20 พ.ค.2567) นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ผลการตรวจสารเคมีและคุณภา
วันนี้ (24 มี.ค.2565) นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรคโควิด-19 ในเด็ก พบว่าเด็
วันนี้ (17 ก.พ.2564) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.กระทรวงการคลัง กล่าวในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เรื่องม
วันนี้ (21 ก.ค.2564) นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึง กร
ค้นหาประกาศอื่นรอบๆ ทุ่งพญาไท
จากสิ่งที่คุณค้นหา คุณอาจจะสนใจตัวเลือกต่อไปนี้
ผล แข่ง เทนนิส
รวม เครดิต ฟรี ไม่ ต้อง แชร์ รวม เครดิต ฟรี ไม่ ต้อง แชร์