spbet99 -Download MOD Bussid Truck Muatan Berat Full Animasi dan Livery Keren

918kiss slot net

วันนี้ (23 ก.ค.2564) นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี โฆษกประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีที่มีข่าวว่า ประเทศไทยเตรียมถอนตัวจากการเป็นสมาชิกของ องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุ

วันนี้ (24 พ.ย.2567) นายทักษิณ ชินวัตร ได้โฟนอินมายังที่ทำการพรรคเพื่อไทย จ.อุดรธานี ว่า พี่น้องชาวอ

กพย.เปิดงานวิจัย จี้กรมทรัพย์สินทางปัญญา คงระบบคัดค้านก่อนออกสิทธิบัตร สกัดอุตฯยายักษ์ใหญ่ ไล่ฟ้องบริษัทยาชื่อสามัญในไทยอย่างไม่เป็นธรรม จี้ แก้ระบบสืบค้นสิทธิบัตรแย่-ผลประโยชน์ทับซ้อนในกรรมการและอนุกรรมการสิทธิบัตร กพย.เปิดงานวิจัย จี้กรมทรัพย์สินทางปัญญา คงระบบคัดค้านก่อนออกสิทธิบัตร สกัดอุตฯยายักษ์ใหญ่ แผนงานสร้างกลไกเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.) เผยแพร่งานวิจัยซึ่งเป็นเอกสารจุดประเด็นเพื่ออภิปรายและเสนอมาตรการการทำการคัดค้านก่อนการออกสิทธิบัตร (Pre-grant opposition) และการดำเนินการเพื่อเพิกถอนสิทธิบัตร (Patent revocation): ถอดบทเรียนบริษัทยาในประเทศไทย พบว่า ในปัจจุบัน อุตสาหกรรมยาต้นแบบมักใช้มาตรการทางกฎหมายด้วยการยื่นโนติสและฟ้องร้องบริษัทยาชื่อสามัญว่าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อหวังสกัดยาชื่อสามัญเข้าสู่ตลาด ผศ.ดร.นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี ผู้จัดการ กพย.กล่าวว่า บริษัทยาต้นแบบเลือกใช้การฟ้องร้องเอาผิดทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การละเมิดสิทธิบัตร, เครื่องหมายการค้า หรือแม้แต่ละเมิดลิขสิทธิ์ในเอกสารกำกับยาทั้งๆที่ไม่ใช่วรรณกรรมตามกฎหมายไทย นอกจากนี้ในระหว่างคดีอยู่ในศาลยังใช้กลวิธีการส่งจดหมายไปตามโรงพยาบาลต่างๆให้ระงับการสั่งซื้อยาชื่อสามัญที่เป็นคดีความ ทั้งๆที่คดียังไม่สิ้นสุด หากบริษัทยาชื่อสามัญเล็กๆที่ไม่มีฝ่ายกฎหมายหรือฝ่ายสิทธิบัตรที่แข็งแกร่งมากพอ ก็อาจจะถอดใจ ไม่สู้คดี ถอนยาจากตลาด ซึ่งทำให้บริษัทยาต้นแบบผูกขาดและเรียกราคายาได้แพงขึ้นเพราะขายเพียงเจ้าเดียว แม้ว่าในความเป็นจริง ในที่สุดศาลอาจจะชี้ว่า บริษัทยาชื่อสามัญนั้นอาจจะไม่ได้ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเลยก็ได้ “ดังนั้น ระบบสืบค้นฐานข้อมูลสิทธิบัตรที่มีคุณภาพและเสถียรมากพอ, คู่มือการตรวจสอบคำขอสิทธิบัตรที่มีความชัดเจน เพื่อป้องกันการขอสิทธิบัตรที่ไม่เหมาะสมหรือ Evergreening Patent เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง, และ พัฒนาระบบการคัดค้านก่อนการออกสิทธิบัตรให้มีระยะเวลามากพอสำหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่างๆจะได้ช่วยตรวจสอบให้ถูกต้อง เพื่อป้องกันอุตสาหกรรมยาข้ามชาติใช้เงินทุนที่เหนือกว่าใช้ช่องทางกฎหมายรังแกบริษัทยาชื่อสามัญในประเทศ” ด้าน รศ.ดร.จิราพร ลิ้มปานานนท์ ประธานมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคกล่าวว่า จากเอกสารงานวิจัยชี้ให้เห็นชัดว่า มีความพยายามในการทำให้ระบบการตรวจสอบทรัพย์สินทางปัญญาโดยเฉพาะสิทธิบัตรของไทยอ่อนแอลง ซึ่งนี่จะกระทบกับสาธารณะโดยรวมอย่างไม่มีความสมดุลย์ กรมทรัพย์สินทางปัญญาควรแก้ไขปรับปรุงกฎกติกาต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อบริษัทยาชื่อสามัญของประเทศไทย และจำเป็นต้องเท่าทันต่อแรงกดดัน กลวิธีต่างๆ ของบริษัทยาต้นแบบ ซึ่งถูกหนุนหลังโดยประเทศอุตสาหกรรมตะวันตก ไม่โอนอ่อนไปตามอิทธิพลหรือการเจรจาที่จะตัดตอนการเติบโตของอุตสาหกรรมของประเทศดังที่เคยเป็นมาแล้ว เมื่อยอมแก้ไข พรบ.สิทธิบัตร ก่อนล่วงหน้าถึง 8 ปีเต็ม ซึ่งทำให้ประเทศชาติเสียโอกาสมหาศาล เมื่อเทียบกับอินเดียที่แก้ไขในอีก 13 ปีต่อมา นางอัฉรา เอกแสงศรี ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา องค์การเภสัชกรรมกล่าวว่า อยากให้ประเทศไทย มีหน่วยงานด้านกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาที่เข้ามาช่วยเหลือบริษัทยาเล็กๆที่อาจถูกขู่ หรือช่วยตรวจสอบและคัดค้านคำขอสิทธิบัตรที่ไม่เหมาะสม เช่นที่มีการรวมตัวของนักกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาในอินเดียมาทำงานด้านนี้ ที่ผ่านมา การวิจัยและพัฒนาของสถาบันฯพบปัญหาเยอะมากโดยเฉพาะเรื่องฐานข้อมูลสิทธิบัตร “กรมทรัพย์สินทางปัญญาควรปรับปรุงระบบสืบค้นสิทธิบัตรให้ดีขึ้น เพื่อประโยชน์การพัฒนาอุตสาหกรรมยาของประเทศ เพื่อความมั่นคงของชาติ ไม่ใช่การบั่นทอน เช่นปัจจุบัน แม้ที่ผ่านมามีการปรับปรุงบ้าง แต่จนถึงขณะนี้ยังพบปัญหาในการปฏิบัติ ระบบสืบค้นยาก ระบบไม่เสถียร มีความไม่แน่นอนสูง บางทีพบคำขอนั้น บางทีก็ไม่พบ บางคำขอก็หายไปเฉยๆ ยกตัวอย่าง เช่น เราพบคำขอไม่ต่ำกว่า 3 ฉบับที่ยื่นตรวจสอบการประดิษฐ์ในปี 2553 ซึ่ง เกิน 5 ปีนับจากวันประกาศโฆษณา อีกทั้งสถานะเดิมเคยลงว่ายื่นตรวจสอบไปแล้วเมื่อปี 2545 ซึ่งไม่ควรเป็นไปได้ หากระบบยังไม่พร้อมเช่นนี้ บริษัทยาชื่อสามัญก็จะไม่มีความมั่นใจเดินหน้าผลิตยาที่คิดว่าไม่ละเมิดสิทธิบัตรมาแข่ขันในตลาดเพื่อให้ยามีราคาถูกลง” แผนงานสร้างกลไกเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.) เผยแพร่งานวิจัยซึ่งเป็นเอกสารจุดประเด็นเพื่ออภิปรายและเสนอมาตรการการทำการคัดค้านก่อนการออกสิทธิบัตร (Pre-grant opposition) และการดำเนินการเพื่อเพิกถอนสิทธิบัตร (Patent revocation): ถอดบทเรียนบริษัทยาในประเทศไทย พบว่า ในปัจจุบัน อุตสาหกรรมยาต้นแบบมักใช้มาตรการทางกฎหมายด้วยการยื่นโนติสและฟ้องร้องบริษัทยาชื่อสามัญว่าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อหวังสกัดยาชื่อสามัญเข้าสู่ตลาด ผศ.ดร.นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี ผู้จัดการ กพย.กล่าวว่า บริษัทยาต้นแบบเลือกใช้การฟ้องร้องเอาผิดทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การละเมิดสิทธิบัตร, เครื่องหมายการค้า หรือแม้แต่ละเมิดลิขสิทธิ์ในเอกสารกำกับยาทั้งๆที่ไม่ใช่วรรณกรรมตามกฎหมายไทย นอกจากนี้ในระหว่างคดีอยู่ในศาลยังใช้กลวิธีการส่งจดหมายไปตามโรงพยาบาลต่างๆให้ระงับการสั่งซื้อยาชื่อสามัญที่เป็นคดีความ ทั้งๆที่คดียังไม่สิ้นสุด หากบริษัทยาชื่อสามัญเล็กๆที่ไม่มีฝ่ายกฎหมายหรือฝ่ายสิทธิบัตรที่แข็งแกร่งมากพอ ก็อาจจะถอดใจ ไม่สู้คดี ถอนยาจากตลาด ซึ่งทำให้บริษัทยาต้นแบบผูกขาดและเรียกราคายาได้แพงขึ้นเพราะขายเพียงเจ้าเดียว แม้ว่าในความเป็นจริง ในที่สุดศาลอาจจะชี้ว่า บริษัทยาชื่อสามัญนั้นอาจจะไม่ได้ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเลยก็ได้ “ดังนั้น ระบบสืบค้นฐานข้อมูลสิทธิบัตรที่มีคุณภาพและเสถียรมากพอ, คู่มือการตรวจสอบคำขอสิทธิบัตรที่มีความชัดเจน เพื่อป้องกันการขอสิทธิบัตรที่ไม่เหมาะสมหรือ Evergreening Patent เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง, และ พัฒนาระบบการคัดค้านก่อนการออกสิทธิบัตรให้มีระยะเวลามากพอสำหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่างๆจะได้ช่วยตรวจสอบให้ถูกต้อง เพื่อป้องกันอุตสาหกรรมยาข้ามชาติใช้เงินทุนที่เหนือกว่าใช้ช่องทางกฎหมายรังแกบริษัทยาชื่อสามัญในประเทศ” ด้าน รศ.ดร.จิราพร ลิ้มปานานนท์ ประธานมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคกล่าวว่า จากเอกสารงานวิจัยชี้ให้เห็นชัดว่า มีความพยายามในการทำให้ระบบการตรวจสอบทรัพย์สินทางปัญญาโดยเฉพาะสิทธิบัตรของไทยอ่อนแอลง ซึ่งนี่จะกระทบกับสาธารณะโดยรวมอย่างไม่มีความสมดุลย์ กรมทรัพย์สินทางปัญญาควรแก้ไขปรับปรุงกฎกติกาต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อบริษัทยาชspbet99ื่อสามัญของประเทศไทย และจำเป็นต้องเท่าทันต่อแรงกดดัน กลวิธีต่างๆ ของบริษัทยาต้นแบบ ซึ่งถูกหนุนหลังโดยประเทศอุตสาหกรรมตะวันตก ไม่โอนอ่อนไปตามอิทธิพลหรือการเจรจาที่จะตัดตอนการเติบโตของอุตสาหกรรมของประเทศดังที่เคยเป็นมาแล้ว เมื่อยอมแก้ไข พรบ.สิทธิบัตร ก่อนล่วงหน้าถึง 8 ปีเต็ม ซึ่งทำให้ประเทศชาติเสียโอกาสมหาศาล เมื่อเทียบกับอินเดียที่แก้ไขในอีก 13 ปีต่อมา นางอัฉรา เอกแสงศรี ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา องค์การเภสัชกรรมกล่าวว่า อยากให้ประเทศไทย มีหน่วยงานด้านกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาที่เข้ามาช่วยเหลือบริษัทยาเล็กๆที่อาจถูกขู่ หรือช่วยตรวจสอบและคัดค้านคำขอสิทธิบัตรที่ไม่เหมาะสม เช่นที่มีการรวมตัวของนักกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาในอินเดียมาทำงานด้านนี้ ที่ผ่านมา การวิจัยและพัฒนาของสถาบันฯพบปัญหาเยอะมากโดยเฉพาะเรื่องฐานข้อมูลสิทธิบัตร “กรมทรัพย์สินทางปัญญาควรปรับปรุงระบบสืบค้นสิทธิบัตรให้ดีขึ้น เพื่อประโยชน์การพัฒนาอุตสาหกรรมยาของประเทศ เพื่อความมั่นคงของชาติ ไม่ใช่การบั่นทอน เช่นปัจจุบัน แม้ที่ผ่านมามีการปรับปรุงบ้าง แต่จนถึงขณะนี้ยังพบปัญหาในการปฏิบัติ ระบบสืบค้นยาก ระบบไม่เสถียร มีความไม่แน่นอนสูง บางทีพบคำขอนั้น บางทีก็ไม่พบ บางคำขอก็หายไปเฉยๆ ยกตัวอย่าง เช่น เราพบคำขอไม่ต่ำกว่า 3 ฉบับที่ยื่นตรวจสอบการประดิษฐ์ในปี 2553 ซึ่ง เกิน 5 ปีนับจากวันประกาศโฆษณา อีกทั้งสถานะเดิมเคยลงว่ายื่นตรวจสอบไปแล้วเมื่อปี 2545 ซึ่งไม่ควรเป็นไปได้ หากระบบยังไม่พร้อมเช่นนี้ บริษัทยาชื่อสามัญก็จะไม่มีความมั่นใจเดินหน้าผลิตยาที่คิดว่าไม่ละเมิดสิทธิบัตรมาแข่ขันในตลาดเพื่อให้ยามีราคาถูกลง”

กพย.เปิดงานวิจัย จี้กรมทรัพย์สินทางปัญญา คงระบบคัดค้านก่อนออกสิทธิบัตร สกัดอุตฯยายักษ์ใหญ่ ไล่ฟ้องบริษัทยาชื่อสามัญในไทยอย่างไม่เป็นธรรม จี้ แก้ระบบสืบค้นสิทธิบัตรแย่-ผลประโยชน์ทับซ้อนในกรรมการและอนุก