วันนี้ (5 ต.ค.2566) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ปรากฏตัวในการแถลงข่าวของนายอนันต์ชัย ไชยเดช ที่มาแถลงข่าวปม Super Big Surprise จะเด็ดดอกไม้ ให้ดาวสะเทือน ทั้งนี้ นายอนันต์ชัย บอก
จากกรณีที่ ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ สภาฯ เปิดชื่อบริษัทคู่สัญญากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค วานนี้ (24 ม.ค.2568) เมื่อตรวจสอบข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบเป็น บ.ที่จดทะเบียนจัดตั้งในประเทศไท
ในยุคที่ดอกเบี้ยของเงินฝากน้อยกว่าเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้มูลค่าเงินลดลงไป การนำเงินไปฝากกินดอกเบี้ย จึงไม่น่าจะใช่ตัวเลือกที่ดีนัก ยิ่งอีกไม่กี่ปีที่ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแบบเต็มตัว การเก็บเงินไว้เฉยๆ ไม่ตอบโจทย์การใช้จ่ายยามเกษียณอายุ จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น การลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ จึงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เสียแล้ว วันนี้่จะพาไปทำความรู้จักกับการลงทุนทางเลือกที่น่าสนใจ ไล่มาตั้งแต่การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำและผลตอบแทนน้อย ไปจนถึงสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงและผลตอบแทนสูง ก่อนอื่นขอเริ่มที่สลากออมสิน และสลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ซึ่งจะมีการลักษณะการลงทุนคล้ายกับการฝากเงินประจำ แต่ได้ลุ้นรางวัลใหญ่ไปในตัว เหมาะกับคนที่ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นประจำอยู่แล้ว แทนที่จะเสียเงินไปทุกงวด นำเงินมาฝากในสลากทั้ง 2 ชนิด จะดีกว่า อย่างไรก็ดี คนที่ต้องการผลตอบแทนที่แน่นอน อาจไม่เหมาะกับการลงทุนนี้ เพราะมีข้อเสียคือหากไม่ถูกรางวัลเลย ก็จะไม่ได้ผลตอบแทนที่ดี หากนับเฉพาะผลตอบแทนจากการซื้อสลาก ถือว่าค่อนข้างน้อยพอสมควร ดอกเบี้ยเงินฝากประจำยังมีจำนวนมากกว่าเสียอีก ในปัจจุบัน การซื้อสลากออมสินทำได้ง่ายขึ้น สามารถซื้อผ่านทางแอปพลิเคชันได้แล้ว ซึ่งประกอบไปด้วย สลากออมสินพิเศษดิจิทัล 1 ปี หน่วยละ 20 บาท มีโอกาสถูกรางวัล 12 ครั้ง ฝากครบ 1 ปี ไม่ได้รับดอกเบี้ย หากฝากไม่ครบ 3 เดือน หักส่วนลดหน่วยละ 50 สตางค์ ขณะที่สลากออมสินพิเศษดิจิทัล 2 ปี และสลากออมสินพิเศษ 2 ปี หน่วยละ 100 บาทเท่ากัน มีโอกาสถูกรางวัล 24 ครั้ง ฝากครบ 2 ปี ได้รับดอกเบี้ยหน่วยละ 10 สตางค์ หรือคิดเป็น 0.05% ต่อปี ฝากไม่ครบ 3 เดือน หักส่วนลดหน่วยละ 2 บาท ฝากไม่ครบ 2 ปี ไม่ได้รับดอกเบี้ย ส่วนสลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ชุดเกษตรกรมั่งคั่ง 6 ขายหน่วยละ 100 บาท อายุ 3 ปี สามารถซื้อได้ที่สาขา และผ่านแอปพลิเคชัน มีโอกาสถูกรางวัล 36 ครั้ง ฝากครบ 3 ปี ได้รับดอกเบี้ยหน่วยละ 15 สตางค์ หรือคิดเป็น 0.05% ต่อปี ฝากไม่ครบ 3 เดือน หักค่าธรรมเนียมการถอนหน่วยละ 2 บาท ฝากไม่ครบ 3 ปี ไม่ได้รับดอกเบี้ย ทางเลือกการลงทุนต่อมา เป็นพันธบัตรออมทรัพย์ และหุ้นกู้เอกชน การลงทุนทั้ง 2 ประเภทแตกต่างในแง่ผลตอบแทน และความเสี่ยงจากการสูญเสียเงินต้น ซึ่งหากเป็นพันธบัตรออมทรัพย์ที่ออกโดยภาครัฐ ส่วนใหญ่จะไม่เสี่ยงสูญเสียเงินต้น แต่มีข้อเสียคือผลตอบแทนจะน้อยกว่า โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 1-2% ต่อปี ทั้งนี้ ยังขึ้นอยู่กับอายุของพันธบัตรออมทรัพย์ด้วยว่ามีระยะเวลาเท่าไหร่ หากฝากนานขึ้่น ย่อมต้องได้รับผลตอบแทนมากกว่าเป็นเรื่องธรรมดา ล่าสุด ที่เตรียมจะออกมา คือพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง รุ่นส่งความสุข วงเงิน 30,000 ล้านบาท อายุ 3 ปี ซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท อัตราดอกเบี้ยจะคิดแบบขั้นบันได ปีที่ 1 อยู่ที่ 1.60% ต่อปี ปีที่ 2 อยู่ที่ 1.80% ต่อปี และปีที่ 3 อยู่ที่ 2.30% ต่อปี หรือคิดเป็นอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 1.90% ต่อปี เตรียมเปิดขายตั้งแต่วันที่ 17-31 ม.ค.2565 ผ่านแอปฯ และสาขาธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกสิกรไทย หุ้นกู้เอกชน ผลตอบแทนจะอยู่ที่ประมาณ 3-6% ต่อปี ขึ้นอยู่กับบริษัทเอกชนที่ออกหุ้นกู้ หากเป็นบริษัทที่มีขนาดเล็ก จะให้ผลตอบแทนสูงกว่าบริษัทเอกชนที่มีขนาดใหญ่ หรือระดับต้นๆ ของประเทศ เพราะมีความเสี่ยงมากกว่าในแง่สูญเสียเงินต้น หรืออาจจะประสบปัญหาในการจ่ายดอกเบี้ยให้ผู้ถือหุ้นกู้ได้ ลำดับถัดมาเป็นกองทุนรวม ข้อดีของการลงทุนนี้คือมีผู้จัดการกองทุนมาช่วยดูแลและบริหารจัดการทรัพย์สินให้ สามารถใช้เงินลงทุนน้อย ขั้นต่ำเพียง 1 บาทเท่านั้น ซื้อผ่านทางแอปฯ ต่างๆ ของธนาคารได้เลย เนื่องจากธนาคารส่วนใหญ่จะมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยู่แล้ว ยิ่งในปัจจted megaways demo pg ฟรี 50ุบันด้วยแล้ว บลจ.แต่ละแห่งยังมีพันธมิตร สามารถเลือกลงทุนได้ตามต้องการ ผลตอบแทนจะอยู่ที่ประมาณ 5-7% ต่อปี กองทุนมีให้เลือกหลากหลายประเภท ทั้งกองทุนหุ้น กองทุนพันธบัตรรัฐบาล กองทุนหุ้นกู้ กองทุนต่างประเทศ กองทุนทองคำ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ และนับอีกไม่ถ้วน อันดับ 4 ทองคำ ดูเผินๆ แล้ว เหมือนเป็นการลงทุนที่ไม่มีความเสี่ยง แต่จริงๆ แล้ว หากเข้าลงทุนผิดเวลา แทนที่จะได้รับผลตอบแทนที่ดี อาจไม่ได้รับอะไรตอบแทนเลยก็เป็นได้ แถมข้อเสียประการหนึ่ง คือไม่มีผลตอบแทนกลับคืนมาในรูปแบบของดอกเบี้ย การที่จะได้กำไรต้องมาจากส่วนต่างราคาเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ทองคำยังมีข้อดีอยู่ไม่น้อยเช่นกัน หากมองย้อนหลังกลับไป ทองคำนับเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่สามารถสู้เงินเฟ้อได้ค่อนข้างดี แม้ว่าอาจไม่ได้รับผลตอบแทนเลย แต่ความมั่งคั่งของเราไม่น่าจะลดลงไปนัก ถ้าไม่ไปซื้อในช่วงที่ราคาปรับเพิ่มขึ้นไปสูงแล้ว อันดับ 5 หุ้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงขวบปีที่ผ่านมา หรือประมาณต้นปี 2564 หลายคนอาจเข้าตลาดหุ้นมาจากอานิสงส์ของการเปิดขายหุ้นครั้งแรกต่อสาธารณชนของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งแยกบริษัทลูกอย่างบริษัท โออาร์ ที่ลงทุนในปั๊มน้ำมันและร้านกาแฟเป็นหลักออกมา และกลายเป็นบริษัทโฮลดิ้งเต็มตัว หลายคนที่ได้รับหุ้นของหุ้นโออาร์ ต่างยิ้มแย้มกันถ้วนหน้าตั้งแต่วันที่เข้าซื้อขายวันแรก เพราะว่าราคาปรับขึ้นไปมาก กำไรขั้นต่ำประมาณ 60% แต่หลังจากนั้น พอเข้าไปลงทุนในหุ้นตัวอื่น อาจไม่หมูอย่างที่คิด เพราะในตลาดหุ้นมีทั้งหุ้นดีและแย่ปะปนกันไป หากไม่มีความรู้จริงๆ โอกาสขาดทุนมีสูงเลยทีเดียว ขณะที่การเปิดพอร์ตลงทุนในปัจจุบันทำได้ค่อนข้างง่าย ผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้ แถมบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หลายแห่งไม่ได้ขอเอกสารเพิ่มเติม เพียงแนบไฟล์สำเนาบัตรประชาชนและสมุดบัญชีธนาคารเท่านั้น ส่วนความรู้สามารถศึกษาได้จากเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และบริษัท เซ็ทเทรด ดอท คอม จำกัด ส่วนคาดหวังผลตอบแทนน่าจะอยู่ที่ประมาณ 8-10% ต่อปี ซึ่งอาจจะมาจากเงินปันผลประมาณ 3-4% และจากส่วนต่างของราคาประมาณ 6-7% โดยควรมองว่าการลงทุนในหุ้นเหมือนกับการที่เราเป็นเจ้าของกิจการ และเติบโตไปพร้อมกับบริษัทเหล่านั้น ตราบใดที่บริษัมยังมีรายได้เพิ่ม ปันผลเพิ่ม ก็ไม่ต้องขายออกไป และสินทรัพย์ลงทุนสุดท้าย คือคริปโตเคอร์เรนซี หรือสกุลเงินดิจิทัล ที่เป็นการลงทุนที่เพิ่งมาเป็นที่รู้จักในวงกว้างในเวลาเพียงไม่กี่ปี โดยเฉพาะอย่างในเดือน พ.ย. - ธ.ค.2564 ที่กลายเป็นกระแสแบบปากต่อปาก จากคนที่เข้าไปลงทุนและได้รับผลตอบแทนสูงในระยะเวลาไม่นาน การเปิดพอร์ตทำได้ง่ายไม่ต่างจากการลงทุนในหุ้น แต่จะมีความเข้มข้นกว่าเล็กน้อยตรงที่ต้องยืนยันตัวตนเพิ่มเติม ขณะที่หุ้น ถ้าส่งเอกสารให้บริษัทหลักทรัพย์ครบถ้วนแล้ว บางแห่งไม่ต้องมีการยืนยันตัวตนเลย แต่บางแห่งก็มีการยืนยันตัวตนเช่นกัน ซึ่งสร้างความมั่นใจให้ประชาชนได้ การลงทุนนี้มีความเสี่ยงสูงมาก มีโอกาสขาดทุนได้ง่ายมาก และทำกำไรได้ง่ายเช่นกัน แต่เท่าที่สังเกตมาจะพบว่าคนส่วนใหญ่มักจะขาดทุน มาจากการที่เข้าไปซื้อเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีในช่วงที่ราคาปรับเพิ่มขึ้นไปสูงแล้ว เหมือนเข้าไปรับเหรียญแทนคนเข้ามาลงทุนก่อนเรา ที่มีต้นทุนต่ำกว่า พร้อมเทขายทุกราคา ราคาของเหรียญจะมีความอ่อนไหวมากตามนโยบายจากภาครัฐและข่าวจากต่างประเทศ อย่างการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ราคาสามารถปรับเพิ่มขึ้นไปได้สูงถึง 100% ภายในวันเดียว และลดลงได้มากเช่นเดียวกัน หากคนเทขายแล้ว มักจะเกิดการแพนิก เทขายตามๆ กันไป เพื่อรักษาทุนเอาไว้ก่อน นอกจากนี้ เหรียญหลักอย่างบิตคอยน์และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีส่วนอย่างมากต่อทิศทางของราคา ส่วนผลตอบแทนที่สามารถคาดหวังได้อยู่ที่ประมาณ 15% ต่อปี ขึ้นไป แต่มีความเสี่ยงสูญเสียเงินทั้งก้อนได้เช่นกัน สุดท้ายแล้วคงต้องทิ้งท้ายด้วยคำพูดที่ว่า "การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน" อ่านข่าวเพิ่มเติม รู้จัก 6 เหรียญคริปโตฯ ยอดนิยมไทย-เทศ
ในยุคที่ดอกเบี้ยของเงินฝากน้อยกว่าเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้มูลค่าเงินลดลงไป การนำเงินไปฝากกินดอกเบี้ย จึงไม่น่าจะใช่ตัวเลือกที่ดีนัก ยิ่งอีกไม่กี่ปีที่ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแบบ
กรณีรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน เตรียมออกมาตรการฟรีวีซา เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร