เมื่อวันที่ 3 ม.ค.2568 สำนักข่าวต่างประเทศ เผยแพร่

วันนี้ (19 ส.ค.2567) นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศไตรมาส 2/2567 และแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2567 ว่า เศรษฐกิจไทยขยายตัว 2.3 % ต่อ
เมื่อวันที่ 12 ต.ค.2565 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า กลุ่มผู้ประท้วงรวมตัวบนท้องถนนในกรุงเตหะรานของอิหร่าน พร้อมตะโกนข้อความว่า "ผู้หญิง ชีวิต อิสระ" ท่ามกลางการตรึงกำลังของกองกำลังรักษาความมั่นคงที่
"Burnout" หรือ "ภาวะหมดไฟ" หมายถึง สภาวะทางร่างกายและจิตใจที่ถูกทำให้เหนื่อยล้าและหมดพลังงานจากการทำงานหรือการใช้ชีวิตประจำวัน การหมดไฟไม่ใช่แค่ความรู้สึกเหนื่อยล้าธรรมดา แต่เป็นภาวะที่ส่งผลกระทบในระดับที่รุนแรงมากกว่าการเหนื่อยล้าทั่วไป โดยเฉพาะในเรื่องของงาน ความรับผิดชอบ และความสัมพันธ์ในชีวิตประจำวัน เหตุผลหลักซึ่งทำให้เกิดภาวะหมดไฟในการทำงาน คือ ปริมาณงานและคนที่ไม่สมดุลกัน รวมทั้งการใช้เครื่องมือหรือระบบที่ไม่เหมาะสม ทำให้ลดเวลาและกระบวนการทำงานไม่ได้ หัวหน้างานขาดความรับผผล วู ล์ ฟ แฮม ป์ ตันิดชอบ ไม่ฟังความคิดเห็น และโครงสร้างองค์กรที่ไม่มีความยืดหยุ่น สถานการณ์ Burnout Syndrome ในประเทศไทยน่ากังวลไม่น้อย ผลสำรวจโดยวิทยาลัยการจัดการมหาวิทยาลัยมหิดล ที่พบว่า คนวัยทำงานใน กทม. ร้อยละ 12 อยู่ในภาวะหมดไฟในการทำงาน และร้อยละ 57 มีความเสี่ยงสูงที่จะเข้าสู่ภาวะหมดไฟ ที่น่าสังเกตคือ ยิ่งอายุน้อยยิ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะป่วยเป็น Burnout Syndrome สูง โดยกลุ่มเจน Z (ช่วงอายุต่ำกว่า 22 ปี) กำลังตกอยู่ในภาวะหมดไฟมากที่สุดถึงร้อยละ 17 กลุ่มเจน Y หรือช่วงอายุ 23 - 38 ปี ร้อยละ 13 ส่วนกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ (Baby Boomer) หรือช่วงอายุ 55 - 73 ปี อยู่ในภาวะหมดไฟเพียงร้อยละ 7 หากแยกเป็นกลุ่มอาชีพ คนที่มีภาวะ Burnout Syndrome มากที่สุดคือ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 77 ถัดมาเป็นพนักงานบริษัทเอกชน ร้อยละ 73 ข้าราชการ ร้อยละ 58 และธุรกิจส่วนตัว ร้อยละ 48 อาการของภาวะหมดไฟมีหลากหลาย ซึ่งสามารถแบ่งเป็นอาการทางกาย ผู้ที่เริ่มเข้าสุ่ภาวะหมดไฟจะเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าตลอดเวลา ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ ส่วนอาการทางจิตใจ จะรู้สึกหมดพลังงาน ไม่มีแรงจูงใจในการทำงาน รู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับการยอมรับหรือความสำเร็จ ขาดงานบ่อย ประสิทธิภาพการทำงานลดลง และรุนแรงถึงขึ้นคิดลาออก ข้อมูลจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ระบุผลสำรวจโดยวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า คนที่อยู่ในภาวะหมดไฟมักแก้ปัญหาแตกต่างกันโดยกลุ่มผู้ชายเลือกคลายเครียดด้วยการเล่นเกม ออกกำลังกาย ขณะที่ผู้หญิงมักพูดคุยกับเพื่อน ใช้โซเชียลมีเดีย และการพูดคุยกับครอบครัว คำกล่าวที่ว่า "การป้องกันดีกว่าการรักษา" นั้นเป็นเรื่องจริง เพื่อป้องกันภาวะหมดไฟสามารถเริ่มต้นนำความสมดุลกลับมาสู่ชีวิต ด้วยวิธีการ เช่น นอกจากนี้ สิ่งที่ควรจัดการเมื่อเกิดภาวะหมดไฟในการทำงานคือ พัฒนาทักษะการจัดการปัญหาและยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ พัฒนาทักษะการสื่อสาร เจรจาต่อรอง และยืนหยัดรักษาสิทธิของตนเอง เมื่อเจอเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงานที่มีภาวะหมดไฟ การสนับสนุนหรือให้การช่วยเหลือเชิงบวก จะช่วยให้ภาวะหมดไฟไม่ลุกลามไปจนเกิดความเสียหายต่อจิตใจเพิ่มขึ้นได้ อ้างอิงข้อมูล : THLA สมาคมส่งเสริมความรู้ด้านสุขภาพไทย, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) อ่านข่าวอื่น : ผู้ป่วยจิตเวชพุ่งสูง! จิตแพทย์ไม่พอเฉลี่ย 1.25 คนต่อแสนคน
วันนี้ (10 ก.ค.2564) นายสมบัติ บุญงามอนงค์ และกลุ่มไทยไม่ทน จัดกิจกรรมคาร์ม็อบ โดยนัดหมายมวลชนที่อนุ
วันนี้ (17 ก.ย.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และว
"Burnout" หรือ "ภาวะหมดไฟ" หมายถึง สภาวะทางร่างกายและจิตใจที่ถูกทำให้เหนื่อยล้าและหมดพลังงานจากการทำ
"Burnout" หรือ "ภาวะหมดไฟ" หมายถึง สภาวะทางร่างกายและจิตใจที่ถูกทำให้เหนื่อยล้าและหมดพลังงานจากการทำงานหรือการใช้ชีวิตประจำวัน การหมดไฟไม่ใช่แค่ความรู้สึกเหนื่อยล้าธรรมดา แต่เป็นภาวะที่ส่งผลกระทบในระดับที่รุนแรงมากกว่าการเหนื่อยล้าทั่วไป โดยเฉพาะในเรื่องของงาน ความรับผิดชอบ และความสัมพันธ์ในชีวิตประจำวัน เหตุผลหลักซึ่งทำให้เกิดภาวะหมดไฟในการทำงาน คือ ปริมาณงานและคนที่ไม่สมดุลกัน รวมทั้งการใช้เครื่องมือหรือระบบที่ไม่เหมาะสม ทำให้ลดเวลาและกระบวนการทำงานไม่ได้ หัวหน้างานขาดความรับผผล วู ล์ ฟ แฮม ป์ ตันิดชอบ ไม่ฟังความคิดเห็น และโครงสร้างองค์กรที่ไม่มีความยืดหยุ่น สถานการณ์ Burnout Syndrome ในประเทศไทยน่ากังวลไม่น้อย ผลสำรวจโดยวิทยาลัยการจัดการมหาวิทยาลัยมหิดล ที่พบว่า คนวัยทำงานใน กทม. ร้อยละ 12 อยู่ในภาวะหมดไฟในการทำงาน และร้อยละ 57 มีความเสี่ยงสูงที่จะเข้าสู่ภาวะหมดไฟ ที่น่าสังเกตคือ ยิ่งอายุน้อยยิ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะป่วยเป็น Burnout Syndrome สูง โดยกลุ่มเจน Z (ช่วงอายุต่ำกว่า 22 ปี) กำลังตกอยู่ในภาวะหมดไฟมากที่สุดถึงร้อยละ 17 กลุ่มเจน Y หรือช่วงอายุ 23 - 38 ปี ร้อยละ 13 ส่วนกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ (Baby Boomer) หรือช่วงอายุ 55 - 73 ปี อยู่ในภาวะหมดไฟเพียงร้อยละ 7 หากแยกเป็นกลุ่มอาชีพ คนที่มีภาวะ Burnout Syndrome มากที่สุดคือ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 77 ถัดมาเป็นพนักงานบริษัทเอกชน ร้อยละ 73 ข้าราชการ ร้อยละ 58 และธุรกิจส่วนตัว ร้อยละ 48 อาการของภาวะหมดไฟมีหลากหลาย ซึ่งสามารถแบ่งเป็นอาการทางกาย ผู้ที่เริ่มเข้าสุ่ภาวะหมดไฟจะเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าตลอดเวลา ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ ส่วนอาการทางจิตใจ จะรู้สึกหมดพลังงาน ไม่มีแรงจูงใจในการทำงาน รู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับการยอมรับหรือความสำเร็จ ขาดงานบ่อย ประสิทธิภาพการทำงานลดลง และรุนแรงถึงขึ้นคิดลาออก ข้อมูลจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ระบุผลสำรวจโดยวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า คนที่อยู่ในภาวะหมดไฟมักแก้ปัญหาแตกต่างกันโดยกลุ่มผู้ชายเลือกคลายเครียดด้วยการเล่นเกม ออกกำลังกาย ขณะที่ผู้หญิงมักพูดคุยกับเพื่อน ใช้โซเชียลมีเดีย และการพูดคุยกับครอบครัว คำกล่าวที่ว่า "การป้องกันดีกว่าการรักษา" นั้นเป็นเรื่องจริง เพื่อป้องกันภาวะหมดไฟสามารถเริ่มต้นนำความสมดุลกลับมาสู่ชีวิต ด้วยวิธีการ เช่น นอกจากนี้ สิ่งที่ควรจัดการเมื่อเกิดภาวะหมดไฟในการทำงานคือ พัฒนาทักษะการจัดการปัญหาและยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ พัฒนาทักษะการสื่อสาร เจรจาต่อรอง และยืนหยัดรักษาสิทธิของตนเอง เมื่อเจอเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงานที่มีภาวะหมดไฟ การสนับสนุนหรือให้การช่วยเหลือเชิงบวก จะช่วยให้ภาวะหมดไฟไม่ลุกลามไปจนเกิดความเสียหายต่อจิตใจเพิ่มขึ้นได้ อ้างอิงข้อมูล : THLA สมาคมส่งเสริมความรู้ด้านสุขภาพไทย, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) อ่านข่าวอื่น : ผู้ป่วยจิตเวชพุ่งสูง! จิตแพทย์ไม่พอเฉลี่ย 1.25 คนต่อแสนคน
กรณีพบน้ำมันดิบรั่วไหล บริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเล หรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล ซึ่งอย