ผล บอล ไทย
วันนี้ ( 10 มี.ค. 2568) เว็บไซต์ “ฮั่วเซ่งเฮง” วิเ
฿14044
บาท6
ห้องนอน
07
ห้องน้ำ
952
ตร.ม.
฿ 5781
/ ตารางเมตร
ผล บอล ไทย
วันนี้ (10 ธ.ค.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าก
UID: 65383
โมเดลดูแลผู้สูงวัยอย่างยั่งยืน ที่“ท่างาม” รับมือสังคมสูงอายุ 1 ต.ค. วันผู้สูงอายุสากล มีตัวอย่างดีๆ
วันนี้ (7 ต.ค.2567) ความคืบหน้าการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 8/2567 โดยมี น.ส.แ
โมเดลดูแลผู้สูงวัยอย่างยั่งยืน ที่“ท่างาม” รับมือสังคมสูงอายุ 1 ต.ค. วันผู้สูงอายุสากล มีตัวอย่างดีๆ มาชวนเรียนรู้ เพราะปัจจุบันนี้ ประเทศไทยมีผู้สูงอายุมากกว่าร้อยละ 10 ของจำนวนประชากรทั้งหมด ซึ่งนั่นเท่ากับว่าประเทศไทย ได้ก้าวสู่สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว โมเดลดูแลผู้สูงวัยอย่างยั่งยืน ที่“ท่างาม” รับมือสังคมสูงอายุ จากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่าจำนวนและสัดส่วนของผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โดยในปี พ.ศ. 2537 มีจำนวนผู้สูงอายุ 4 ล้านคน หรือร้อยละ 6.8 ในปี 2545 มีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเป็น 5.9 ล้านคนหรือร้อยละ 9.4 ในปี 2550 เพิ่มขึ้นเป็น 7 ล้านคนหรือร้อยละ 10.7 และในปี 2553 จำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 11.8 การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของผู้สูงอายุ ทำให้รัฐบาลเล็งเห็นถึงความสำคัญของผู้สูงอายุ จึงได้ประกาศให้วันที่ 13 เมษายนของทุกปีเป็นวันผู้สูงอายุ โดยมี "ดอกลำดวน" เป็นสัญลักษณ์ ขณะที่วันในส่วนของระดับนานาชาติก็ให้ความสำคัญต่อผู้สูงอายุมิใช่น้อย องค์การสหประชาชาติกำหนดให้ทุกวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี เป็น "วันผู้สูงอายุสากล" เริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลกยังได้กำหนดให้ทุกประเทศต้องให้คงวามสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ เพื่อให้ประเทศต่าง ๆ ช่วยกันส่งเสริมสุขภาพ ผู้สูงอายุ โดยคณะกรรมการอำนวยการวันอนามัยโลก ของกระทรวงสาธารณสุข ได้มีคำขวัญเป็นภาษาไทย ว่า "ให้ความรัก พิทักษ์อนามัย ผู้สูงวัยอายุยืน"ขณะที่หลายหน่วยงานได้ร่วมกันหาทางออกในการดูแลผู้สูงวัยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและเหมาะสม เช่น ในตำบลท่างาม อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งเป็นตำบลเล็กๆ มีสัดส่วนจำนวนประชากรทั้งหมด 5,000 คน และ 900 คนเป็นผู้สูงอายุ ได้มีการดูแลผู้สูงวัยอย่างเข้าถึงและเป็นระบบ โดยเฉพาะในเรื่องอาคารสถานที่นั้นที่นี่ได้ปรับให้มีความเหมาะสมสำหรับการใช้ชีวิตของผู้สูงวัย ฐิติพงษ์ ศักดิ์ชัยสมบูรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่างามกล่าวถึงการดูแลผู้สูงอายุในตำบลว่า อบต.ของเราได้ให้ความสำคัญกับเรื่องผู้สูงอายุในตำบลมาก เพราะเราถือว่าคนเฒ่าคนแก่เหล่านั้นท่านเป็นพระในบ้านของพวกเรา เราจึงได้ดำเนินโครงการในหลายส่วนที่จะดูแลคนเฒ่าคนแก่ในท้องที่ของเรา ซึ่งการทำงานของพวกเราเป็นการทำงานร่วมกันกับหลายฝ่าย ทั้งกับสปสช.และมูลนิสถาบันผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย เราได้ดำเนินโครงการในหลายส่วนที่จะช่วยสนับสนุนทั้งทางร่างกายและจิตใจของผู้สูงอายุ ทั้งการจัดกิจกรรมร่วมกัน การส่งอาสาสมัครเข้าไปเยี่ยมผู้สูงอายุที่บ้านซึ่งเป็นผู้สูงอายุติดเตียง คือป่วยแล้วไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้นั่นเอง และที่สำคัญเราได้ดำเนินปรับปรุงศาลาวัดให้สามารถใช้ประโยชน์ในการทำกิจกรรมของผู้สูงอายุในทุก ๆ กรณีด้วย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่างามระบุฐิติพงษ์ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า ผู้สูงวัยในตำบลท่างาม ส่วนมากจะเป็นผู้สูงวัยที่ติดสถานที่ ชอบอยู่กับบ้าน การดำเนินงานของอบต.จึงได้ให้ข้อมูลแก่บุตรหลานของผู้สูงวัยในการปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุ ทั้งในเรื่องห้องนอน ห้องน้ำ และสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ บ้าน รวมถึงอบต.เองได้มีการปรับปรุงศาลาวัดของตำบลท่างามให้มีความเหมาะสมสำหรับการประกอบกิจกรรมของผู้สูงอายุที่ต้องพบเจอกันทุกอาทิตย์ ทั้งเรื่องของการสวดมนต์และกิจกรรมสันทนาการ เพื่อเป็นอาหารกายและอาหารใจให้กับผู้สูงอายุ และที่สำคัญคือการจัดสรรงบประมาณท้องถิ่นดำเนินโครงการซ่อมแซมบ้านให้กับผู้สูงวัยด้วย ชินวุฒิ อาศน์วิเชียร นักพัฒนาชุมชนเล่าถึงที่มาที่ไปของโครงการซ่อมแซมบ้านให้กับผู้สูงวัยว่า “พัฒนาชุมชนเราและอบต.ได้จัดโครงการซ่อมแซมบ้านของผู้สูงวัยร่วมกันขึ้นโดยคัดเลือกจากบ้านผู้สูงอายุที่ยากจน ในตำบลซึ่งเรามีทั้งหมด 11 หมู่บ้านได้ดำเนินการไปแล้ว 10 หมู่บ้าน โดยใช้งบประมาณในการซ่อมแซมบ้านละ 10,000 บาท ซึ่งการซ่อมแซมบ้านและปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุในแต่ละบ้านที่ได้รับการคัดเลือกนั้นใช้แรงงานของคนในท้องถิ่นมาลงแรงช่วยกันทั้งนั้น นอกจากคนเฒ่าคนแก่จะได้สถานที่ที่เหมาะสมในการดำรงชีวิตแล้วเรายังได้ความรักความสามัคคีของคนในท้องถิ่นด้วย นักพัฒนาชุมชนบอกเล่าด้วยรอยยิ้มอย่างไรก็ตามการดำเนินทุกโครงการในตำบลท่างาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการยึดความต้องการของผู้สูงอายุเป็นศูนย์กลาง โดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้ลงพื้นที่สอบถามความต้องการของผู้สูงอายุก่อนที่จะดำเนินการโครงการให้เกิดอย่างเป็นรูปธรรมโดยใช้รูปแบบของการเก็บข้อมูลของมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย( มส.ผส.)มาใช้ จึงทำให้หลายโครงการของที่นี่เข้าถึงความต้องการของผู้สูงอายุและผู้สูงอายุได้ใช้ประโยชน์อย่างแท้จริง “ เมื่อก่อนเราก็ทำงานของเราในอีกลักษณะหนึ่ง ซึ่งก็เข้าถึงการดูแลผู้สูงอายุในระดับหนึ่ง หากแต่เมื่อไม่นานมานี้เราได้ประสานความร่วมมือจากหลากหลายทำงานทำให้การทำงานของเราเกิดผลอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการได้รับองค์ความรู้ในเรื่องการเก็บข้อมูลจากมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย มส.ผส. ที่เข้ามาอบรมวิธีการในการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับผู้สูงอายุทำให้เราแบ่งประเภทลักษณะความต้องการของผู้สูงอายุได้ชัดเจนขึ้นและสามารถจัดรูปแบบโครงการให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้สูงอายุได้”นักพัฒนาชุมชนบอกเล่า พ.อ.บุญเลิศ ผาอ่อน ประธานชมรมผู้สูงอายุท่างามบอกเล่าถึงความรู้สึกของผู้สูงอายุในท้องที่ที่ได้รับการบริการในโครงการต่างๆ ของท้องถิ่นว่า “ผมว่าหลาย ๆ โครงการที่เจ้าหน้าที่เขาได้ทำขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่ดีมากเพราะเหมือนเป็นน้ำที่รดลงบนต้นไม้ที่เหี่ยวเฉา ทำให้ผู้สูงวัยอย่างพวกผมมีสุขภาพจิตและสุขภาพกายที่ดีขึ้น ได้เจอกันเยอะขึ้นได้พูดคุยในเพื่อนวันเดียวกัน ได้มาทำกิจกรรมร่วมกัน มันก็เหมือนชีวิตของพวกเราไม่เหงาและมีคุณค่า แต่สิ่งที่ผมเป็นห่วงคือผู้สูงอายุที่ท่างามนั้นมีจำนวนมากที่ลูกหลานเขาไปทำงานในตัวเมืองไม่มีคนดูแล ต้องอยู่กันลำพัง อันนี้ผมอยากให้หน่วยงานทุกฝ่ายช่วยดูแลเขาอย่างเป็นรูปธรรมด้วยเพราะด้วยสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ลูกหลานเขาไปทำงานไม่ใช่เรื่องผิด เพราะต้องหาเงินมาเข้าบ้าน แต่หน่วยงานที่ดูแลจะต้องช่วยดูแลคนแก่ในส่วนนี้อย่างเป็นรูปธรรมเลยด้วย และเรื่องของการปรับสถานที่หรือการซ่อมแซมบ้านให้กับคนเฒ่าคนแก่ที่ยากจนนั้นผมอยากให้มีการพัฒนาโครงการนี้อีกต่อไปเรื่อยๆ ครับเพราะมันมีประโยชน์กับผู้สูงอายุที่ยากจนมาก ทั้งนี้ การดูแลผู้สูงวัยที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของหลากหลายฝ่าย คงช่วยบรรเทาและช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงวัยที่นี่ได้ในระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่สำคัญและจะสร้างความสุขให้กับผู้สูงวัยได้อย่างแท้จริงคือการดูแลเอาใจใส่ด้วยความใกล้ชิด ด้วยความรักและด้วยความจริงใจจากลูกหลานจะเป็นยาเสริมกำลังทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจให้กับผู้สูงอายุ มีความสุขกับชีวิตที่เหลืออย่างมีคุณค่าได้อย่างแท้จริง จากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่าจำนวนและสัดส่วนของผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โดยในปี พ.ศ. 2537 มีจำนวนผู้สูงอายุ 4 ล้านคน หรือร้อยละ 6.8 ในปี 2545 มีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเป็น 5.9 ล้านคนหรือร้อยละ 9.4 ในปี 2550 เพิ่มขึ้นเป็น 7 ล้านคนหรือร้อยละ 10.7 และในปี 2553 จำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 11.8 การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของผู้สูงอายุ ทำให้รัฐบาลเล็งเห็นถึงความสำคัญของผู้สูงอายุ จึงได้ประกาศให้วันที่ 13 เมษายนของทุกปีเป็นวันผู้สูงอายุ โดยมี "ดอกลำดวน" เป็นสัญลักษณ์ ขณะที่วันในส่วนของระดับนานาชาติก็ให้ความสำคัญต่อผู้สูงอายุมิใช่น้อย องค์การสหประชาชาติกำหนดให้ทุกวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี เป็น "วันผู้สูงอายุสากล" เริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลกยังได้กำหนดให้ทุกประเทศต้องให้คงวามสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ เพื่อให้ประเทศต่าง ๆ ช่วยกันส่งเสริมสุขภาพ ผู้สูงอายุ โดยคณะกรรมการอำนวยการวันอนามัยโลก ของกระทรวงสาธารณสุข ได้มีคำขวัญเป็นภาษาไทย ว่า "ให้ความรัก พิทักษ์อนามัย ผู้สูงวัยอายุยืน"ขณะที่หลายหน่วยงานได้ร่วมกันหาทางออกในการดูแลผู้สูงวัยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและเหมาะสม เช่น ในตำบลท่างาม อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งเป็นตำบลเล็กๆ มีสัดส่วนจำนวนประชากรทั้งหมด 5,000 คน และ 900 คนเป็นผู้สูงอายุ ได้มีการดูแลผู้สูงวัยอย่างเข้าถึงและเป็นระบบ โดยเฉพาะในเรื่องอาคารสถานที่นั้นที่นี่ได้ปรับให้มีความเหมาะสมสำหรับการใช้ชีวิตของผู้สูงวัย ฐิติพงษ์ ศักดิ์ชัยสมบูรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่างามกล่าวถึงการดูแลผู้สูงอายุในตำบลว่า อบต.ของเราได้ให้ความสำคัญกับเรื่องผู้สูงอายุในตำบลมาก เพราะเราถือว่าคนเฒ่าคนแก่เหล่านั้นท่านเป็นพระในบ้านของพวกเรา เราจึงได้ดำเนินโครงการในหลายส่วนที่จะดูแลคนเฒ่าคนแก่ในท้องที่ของเรา ซึ่งการทำงานของพวกเราเป็นการทำงานร่วมกันกับหลายฝ่าย ทั้งกับสปสช.และมูลนิสถาบันผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย เราได้ดำเนินโครงการในหลายส่วนที่จะช่วยสนับสนุนทั้งทางร่างกายและจิตใจของผู้สูงอายุ ทั้งการจัดกิจกรรมร่วมกัน การส่งอาสาสมัครเข้าไปเยี่ยมผู้สูงอายุที่บ้านซึ่งเป็นผู้สูงอายุติดเตียง คือป่วยแล้วไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้นั่นเอง และที่สำคัญเราได้ดำเนินปรับปรุงศาลาวัดให้สามารถใช้ประโยชน์ในการทำกิจกรรมของผู้สูงอายุในทุก ๆ กรณีด้วย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่างามระบุฐิติพงษ์ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า ผู้สูงวัยในตำบลท่างาม ส่วนมากจะเป็นผู้สูงวัยที่ติดสถานที่ ชอบอยู่กับบ้าน การดำเนินงานของอบต.จึงได้ให้ข้อมูลแก่บุตรหลานของผู้สูงวัยในการปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุ ทั้งในเรื่องห้องนอน ห้องน้ำ และสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ บ้าน รวมถึงอบต.เองได้มีการปรับปรุงศาลาวัดของตำบลท่างามให้มีความเหมาะสมสำหรับการประกอบกิจกรรมของผู้สูงอายุที่ต้องพบเจอกันทุกอาทิตย์ ทั้งเรื่องของการสวดมนต์และกิจกรรมสันทนาการ เพื่อเป็นอาหารกายและอาหารใจให้กับผู้สูงอายุ และที่สำคัญคือการจัดสรรงบประมาณท้องถิ่นดำเนินโครงการซ่อมแซมบ้านให้กับผู้สูงวัยด้วย ชินวุฒิ อาศน์วิเชียร นักพัฒนาชุมชนเล่าถึงที่มาที่ไปของโครงการซ่อมแซมบ้านให้กับผู้สูงวัยว่า “พัฒนาชุมชนเราและอบต.ได้จัดโครงการซ่อมแซมบ้านของผู้สูงวัยร่วมกันขึ้นโดยคัดเลือกจากบ้านผู้สูงอายุที่ยากจน ในตำบลซึ่งเรามีทั้งหมด 11 หมู่บ้านได้ดำเนินการไปแล้ว 10 หมู่บ้าน โดยใช้งบประมาณในการซ่อมแซมบ้านละ 10,000 บาท ซึ่งการซ่อมแซมบ้านและปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุในแต่ละบ้านที่ได้รับการคัดเลือกนั้นใช้แรงงานของคนในท้องถิ่นมาลงแรงช่วยกันทั้งนั้น นอกจากคนเฒ่าคนแก่จะได้สถานที่ที่เหมาะสมในการดำรงชีวิตแล้วเรายังได้ความรักความสามัคคีของคนในท้องถิ่นด้วย นักพัฒนาชุมชนบอกเล่าด้วยรอยยิ้มอย่างไรก็ตามการดำเนินทุกโครงการในตำบลท่างาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการยึดความต้องการของผู้สูงอายุเป็นศูนย์กลาง โดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้ลงพื้นที่สอบถามความต้องการของผู้สูงอายุก่อนที่จะดำเนินการโครงการให้เกิดอย่างเป็นรูปธรรมโดยใช้รูปแบบของการเก็บข้อมูลของมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย( มส.ผส.)มาใช้ จึงทำให้หลายโครงการของที่นี่เข้าถึงความต้องการของผู้สูงอายุและผู้สูงอายุได้ใช้ประโยชน์อผล บอล ไทยย่างแท้จริง “ เมื่อก่อนเราก็ทำงานของเราในอีกลักษณะหนึ่ง ซึ่งก็เข้าถึงการดูแลผู้สูงอายุในระดับหนึ่ง หากแต่เมื่อไม่นานมานี้เราได้ประสานความร่วมมือจากหลากหลายทำงานทำให้การทำงานของเราเกิดผลอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการได้รับองค์ความรู้ในเรื่องการเก็บข้อมูลจากมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย มส.ผส. ที่เข้ามาอบรมวิธีการในการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับผู้สูงอายุทำให้เราแบ่งประเภทลักษณะความต้องการของผู้สูงอายุได้ชัดเจนขึ้นและสามารถจัดรูปแบบโครงการให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้สูงอายุได้”นักพัฒนาชุมชนบอกเล่า พ.อ.บุญเลิศ ผาอ่อน ประธานชมรมผู้สูงอายุท่างามบอกเล่าถึงความรู้สึกของผู้สูงอายุในท้องที่ที่ได้รับการบริการในโครงการต่างๆ ของท้องถิ่นว่า “ผมว่าหลาย ๆ โครงการที่เจ้าหน้าที่เขาได้ทำขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่ดีมากเพราะเหมือนเป็นน้ำที่รดลงบนต้นไม้ที่เหี่ยวเฉา ทำให้ผู้สูงวัยอย่างพวกผมมีสุขภาพจิตและสุขภาพกายที่ดีขึ้น ได้เจอกันเยอะขึ้นได้พูดคุยในเพื่อนวันเดียวกัน ได้มาทำกิจกรรมร่วมกัน มันก็เหมือนชีวิตของพวกเราไม่เหงาและมีคุณค่า แต่สิ่งที่ผมเป็นห่วงคือผู้สูงอายุที่ท่างามนั้นมีจำนวนมากที่ลูกหลานเขาไปทำงานในตัวเมืองไม่มีคนดูแล ต้องอยู่กันลำพัง อันนี้ผมอยากให้หน่วยงานทุกฝ่ายช่วยดูแลเขาอย่างเป็นรูปธรรมด้วยเพราะด้วยสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ลูกหลานเขาไปทำงานไม่ใช่เรื่องผิด เพราะต้องหาเงินมาเข้าบ้าน แต่หน่วยงานที่ดูแลจะต้องช่วยดูแลคนแก่ในส่วนนี้อย่างเป็นรูปธรรมเลยด้วย และเรื่องของการปรับสถานที่หรือการซ่อมแซมบ้านให้กับคนเฒ่าคนแก่ที่ยากจนนั้นผมอยากให้มีการพัฒนาโครงการนี้อีกต่อไปเรื่อยๆ ครับเพราะมันมีประโยชน์กับผู้สูงอายุที่ยากจนมาก ทั้งนี้ การดูแลผู้สูงวัยที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของหลากหลายฝ่าย คงช่วยบรรเทาและช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงวัยที่นี่ได้ในระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่สำคัญและจะสร้างความสุขให้กับผู้สูงวัยได้อย่างแท้จริงคือการดูแลเอาใจใส่ด้วยความใกล้ชิด ด้วยความรักและด้วยความจริงใจจากลูกหลานจะเป็นยาเสริมกำลังทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจให้กับผู้สูงอายุ มีความสุขกับชีวิตที่เหลืออย่างมีคุณค่าได้อย่างแท้จริง
ชาวเชียงรายพบค้างคาวยอดกล้วยปีกผีเสื้อ ชาวจังหวัดเชียงรายพบค้างคาวยอดกล้วยปีกผีเสื้อ ซึ่งเป็นค้างคาว
โมเดลดูแลผู้สูงวัยอย่างยั่งยืน ที่“ท่างาม” รับมือสังคมสูงอายุ 1 ต.ค. วันผู้สูงอายุสากล มีตัวอย่างดีๆ
วันนี้ (7 ต.ค.2567) ความคืบหน้าการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 8/2567 โดยมี น.ส.แ
โมเดลดูแลผู้สูงวัยอย่างยั่งยืน ที่“ท่างาม” รับมือสังคมสูงอายุ 1 ต.ค. วันผู้สูงอายุสากล มีตัวอย่างดีๆ มาชวนเรียนรู้ เพราะปัจจุบันนี้ ประเทศไทยมีผู้สูงอายุมากกว่าร้อยละ 10 ของจำนวนประชากรทั้งหมด ซึ่งนั่นเท่ากับว่าประเทศไทย ได้ก้าวสู่สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว โมเดลดูแลผู้สูงวัยอย่างยั่งยืน ที่“ท่างาม” รับมือสังคมสูงอายุ จากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่าจำนวนและสัดส่วนของผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โดยในปี พ.ศ. 2537 มีจำนวนผู้สูงอายุ 4 ล้านคน หรือร้อยละ 6.8 ในปี 2545 มีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเป็น 5.9 ล้านคนหรือร้อยละ 9.4 ในปี 2550 เพิ่มขึ้นเป็น 7 ล้านคนหรือร้อยละ 10.7 และในปี 2553 จำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 11.8 การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของผู้สูงอายุ ทำให้รัฐบาลเล็งเห็นถึงความสำคัญของผู้สูงอายุ จึงได้ประกาศให้วันที่ 13 เมษายนของทุกปีเป็นวันผู้สูงอายุ โดยมี "ดอกลำดวน" เป็นสัญลักษณ์ ขณะที่วันในส่วนของระดับนานาชาติก็ให้ความสำคัญต่อผู้สูงอายุมิใช่น้อย องค์การสหประชาชาติกำหนดให้ทุกวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี เป็น "วันผู้สูงอายุสากล" เริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลกยังได้กำหนดให้ทุกประเทศต้องให้คงวามสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ เพื่อให้ประเทศต่าง ๆ ช่วยกันส่งเสริมสุขภาพ ผู้สูงอายุ โดยคณะกรรมการอำนวยการวันอนามัยโลก ของกระทรวงสาธารณสุข ได้มีคำขวัญเป็นภาษาไทย ว่า "ให้ความรัก พิทักษ์อนามัย ผู้สูงวัยอายุยืน"ขณะที่หลายหน่วยงานได้ร่วมกันหาทางออกในการดูแลผู้สูงวัยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและเหมาะสม เช่น ในตำบลท่างาม อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งเป็นตำบลเล็กๆ มีสัดส่วนจำนวนประชากรทั้งหมด 5,000 คน และ 900 คนเป็นผู้สูงอายุ ได้มีการดูแลผู้สูงวัยอย่างเข้าถึงและเป็นระบบ โดยเฉพาะในเรื่องอาคารสถานที่นั้นที่นี่ได้ปรับให้มีความเหมาะสมสำหรับการใช้ชีวิตของผู้สูงวัย ฐิติพงษ์ ศักดิ์ชัยสมบูรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่างามกล่าวถึงการดูแลผู้สูงอายุในตำบลว่า อบต.ของเราได้ให้ความสำคัญกับเรื่องผู้สูงอายุในตำบลมาก เพราะเราถือว่าคนเฒ่าคนแก่เหล่านั้นท่านเป็นพระในบ้านของพวกเรา เราจึงได้ดำเนินโครงการในหลายส่วนที่จะดูแลคนเฒ่าคนแก่ในท้องที่ของเรา ซึ่งการทำงานของพวกเราเป็นการทำงานร่วมกันกับหลายฝ่าย ทั้งกับสปสช.และมูลนิสถาบันผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย เราได้ดำเนินโครงการในหลายส่วนที่จะช่วยสนับสนุนทั้งทางร่างกายและจิตใจของผู้สูงอายุ ทั้งการจัดกิจกรรมร่วมกัน การส่งอาสาสมัครเข้าไปเยี่ยมผู้สูงอายุที่บ้านซึ่งเป็นผู้สูงอายุติดเตียง คือป่วยแล้วไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้นั่นเอง และที่สำคัญเราได้ดำเนินปรับปรุงศาลาวัดให้สามารถใช้ประโยชน์ในการทำกิจกรรมของผู้สูงอายุในทุก ๆ กรณีด้วย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่างามระบุฐิติพงษ์ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า ผู้สูงวัยในตำบลท่างาม ส่วนมากจะเป็นผู้สูงวัยที่ติดสถานที่ ชอบอยู่กับบ้าน การดำเนินงานของอบต.จึงได้ให้ข้อมูลแก่บุตรหลานของผู้สูงวัยในการปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุ ทั้งในเรื่องห้องนอน ห้องน้ำ และสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ บ้าน รวมถึงอบต.เองได้มีการปรับปรุงศาลาวัดของตำบลท่างามให้มีความเหมาะสมสำหรับการประกอบกิจกรรมของผู้สูงอายุที่ต้องพบเจอกันทุกอาทิตย์ ทั้งเรื่องของการสวดมนต์และกิจกรรมสันทนาการ เพื่อเป็นอาหารกายและอาหารใจให้กับผู้สูงอายุ และที่สำคัญคือการจัดสรรงบประมาณท้องถิ่นดำเนินโครงการซ่อมแซมบ้านให้กับผู้สูงวัยด้วย ชินวุฒิ อาศน์วิเชียร นักพัฒนาชุมชนเล่าถึงที่มาที่ไปของโครงการซ่อมแซมบ้านให้กับผู้สูงวัยว่า “พัฒนาชุมชนเราและอบต.ได้จัดโครงการซ่อมแซมบ้านของผู้สูงวัยร่วมกันขึ้นโดยคัดเลือกจากบ้านผู้สูงอายุที่ยากจน ในตำบลซึ่งเรามีทั้งหมด 11 หมู่บ้านได้ดำเนินการไปแล้ว 10 หมู่บ้าน โดยใช้งบประมาณในการซ่อมแซมบ้านละ 10,000 บาท ซึ่งการซ่อมแซมบ้านและปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุในแต่ละบ้านที่ได้รับการคัดเลือกนั้นใช้แรงงานของคนในท้องถิ่นมาลงแรงช่วยกันทั้งนั้น นอกจากคนเฒ่าคนแก่จะได้สถานที่ที่เหมาะสมในการดำรงชีวิตแล้วเรายังได้ความรักความสามัคคีของคนในท้องถิ่นด้วย นักพัฒนาชุมชนบอกเล่าด้วยรอยยิ้มอย่างไรก็ตามการดำเนินทุกโครงการในตำบลท่างาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการยึดความต้องการของผู้สูงอายุเป็นศูนย์กลาง โดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้ลงพื้นที่สอบถามความต้องการของผู้สูงอายุก่อนที่จะดำเนินการโครงการให้เกิดอย่างเป็นรูปธรรมโดยใช้รูปแบบของการเก็บข้อมูลของมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย( มส.ผส.)มาใช้ จึงทำให้หลายโครงการของที่นี่เข้าถึงความต้องการของผู้สูงอายุและผู้สูงอายุได้ใช้ประโยชน์อย่างแท้จริง “ เมื่อก่อนเราก็ทำงานของเราในอีกลักษณะหนึ่ง ซึ่งก็เข้าถึงการดูแลผู้สูงอายุในระดับหนึ่ง หากแต่เมื่อไม่นานมานี้เราได้ประสานความร่วมมือจากหลากหลายทำงานทำให้การทำงานของเราเกิดผลอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการได้รับองค์ความรู้ในเรื่องการเก็บข้อมูลจากมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย มส.ผส. ที่เข้ามาอบรมวิธีการในการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับผู้สูงอายุทำให้เราแบ่งประเภทลักษณะความต้องการของผู้สูงอายุได้ชัดเจนขึ้นและสามารถจัดรูปแบบโครงการให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้สูงอายุได้”นักพัฒนาชุมชนบอกเล่า พ.อ.บุญเลิศ ผาอ่อน ประธานชมรมผู้สูงอายุท่างามบอกเล่าถึงความรู้สึกของผู้สูงอายุในท้องที่ที่ได้รับการบริการในโครงการต่างๆ ของท้องถิ่นว่า “ผมว่าหลาย ๆ โครงการที่เจ้าหน้าที่เขาได้ทำขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่ดีมากเพราะเหมือนเป็นน้ำที่รดลงบนต้นไม้ที่เหี่ยวเฉา ทำให้ผู้สูงวัยอย่างพวกผมมีสุขภาพจิตและสุขภาพกายที่ดีขึ้น ได้เจอกันเยอะขึ้นได้พูดคุยในเพื่อนวันเดียวกัน ได้มาทำกิจกรรมร่วมกัน มันก็เหมือนชีวิตของพวกเราไม่เหงาและมีคุณค่า แต่สิ่งที่ผมเป็นห่วงคือผู้สูงอายุที่ท่างามนั้นมีจำนวนมากที่ลูกหลานเขาไปทำงานในตัวเมืองไม่มีคนดูแล ต้องอยู่กันลำพัง อันนี้ผมอยากให้หน่วยงานทุกฝ่ายช่วยดูแลเขาอย่างเป็นรูปธรรมด้วยเพราะด้วยสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ลูกหลานเขาไปทำงานไม่ใช่เรื่องผิด เพราะต้องหาเงินมาเข้าบ้าน แต่หน่วยงานที่ดูแลจะต้องช่วยดูแลคนแก่ในส่วนนี้อย่างเป็นรูปธรรมเลยด้วย และเรื่องของการปรับสถานที่หรือการซ่อมแซมบ้านให้กับคนเฒ่าคนแก่ที่ยากจนนั้นผมอยากให้มีการพัฒนาโครงการนี้อีกต่อไปเรื่อยๆ ครับเพราะมันมีประโยชน์กับผู้สูงอายุที่ยากจนมาก ทั้งนี้ การดูแลผู้สูงวัยที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของหลากหลายฝ่าย คงช่วยบรรเทาและช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงวัยที่นี่ได้ในระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่สำคัญและจะสร้างความสุขให้กับผู้สูงวัยได้อย่างแท้จริงคือการดูแลเอาใจใส่ด้วยความใกล้ชิด ด้วยความรักและด้วยความจริงใจจากลูกหลานจะเป็นยาเสริมกำลังทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจให้กับผู้สูงอายุ มีความสุขกับชีวิตที่เหลืออย่างมีคุณค่าได้อย่างแท้จริง จากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่าจำนวนและสัดส่วนของผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โดยในปี พ.ศ. 2537 มีจำนวนผู้สูงอายุ 4 ล้านคน หรือร้อยละ 6.8 ในปี 2545 มีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเป็น 5.9 ล้านคนหรือร้อยละ 9.4 ในปี 2550 เพิ่มขึ้นเป็น 7 ล้านคนหรือร้อยละ 10.7 และในปี 2553 จำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 11.8 การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของผู้สูงอายุ ทำให้รัฐบาลเล็งเห็นถึงความสำคัญของผู้สูงอายุ จึงได้ประกาศให้วันที่ 13 เมษายนของทุกปีเป็นวันผู้สูงอายุ โดยมี "ดอกลำดวน" เป็นสัญลักษณ์ ขณะที่วันในส่วนของระดับนานาชาติก็ให้ความสำคัญต่อผู้สูงอายุมิใช่น้อย องค์การสหประชาชาติกำหนดให้ทุกวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี เป็น "วันผู้สูงอายุสากล" เริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลกยังได้กำหนดให้ทุกประเทศต้องให้คงวามสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ เพื่อให้ประเทศต่าง ๆ ช่วยกันส่งเสริมสุขภาพ ผู้สูงอายุ โดยคณะกรรมการอำนวยการวันอนามัยโลก ของกระทรวงสาธารณสุข ได้มีคำขวัญเป็นภาษาไทย ว่า "ให้ความรัก พิทักษ์อนามัย ผู้สูงวัยอายุยืน"ขณะที่หลายหน่วยงานได้ร่วมกันหาทางออกในการดูแลผู้สูงวัยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและเหมาะสม เช่น ในตำบลท่างาม อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งเป็นตำบลเล็กๆ มีสัดส่วนจำนวนประชากรทั้งหมด 5,000 คน และ 900 คนเป็นผู้สูงอายุ ได้มีการดูแลผู้สูงวัยอย่างเข้าถึงและเป็นระบบ โดยเฉพาะในเรื่องอาคารสถานที่นั้นที่นี่ได้ปรับให้มีความเหมาะสมสำหรับการใช้ชีวิตของผู้สูงวัย ฐิติพงษ์ ศักดิ์ชัยสมบูรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่างามกล่าวถึงการดูแลผู้สูงอายุในตำบลว่า อบต.ของเราได้ให้ความสำคัญกับเรื่องผู้สูงอายุในตำบลมาก เพราะเราถือว่าคนเฒ่าคนแก่เหล่านั้นท่านเป็นพระในบ้านของพวกเรา เราจึงได้ดำเนินโครงการในหลายส่วนที่จะดูแลคนเฒ่าคนแก่ในท้องที่ของเรา ซึ่งการทำงานของพวกเราเป็นการทำงานร่วมกันกับหลายฝ่าย ทั้งกับสปสช.และมูลนิสถาบันผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย เราได้ดำเนินโครงการในหลายส่วนที่จะช่วยสนับสนุนทั้งทางร่างกายและจิตใจของผู้สูงอายุ ทั้งการจัดกิจกรรมร่วมกัน การส่งอาสาสมัครเข้าไปเยี่ยมผู้สูงอายุที่บ้านซึ่งเป็นผู้สูงอายุติดเตียง คือป่วยแล้วไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้นั่นเอง และที่สำคัญเราได้ดำเนินปรับปรุงศาลาวัดให้สามารถใช้ประโยชน์ในการทำกิจกรรมของผู้สูงอายุในทุก ๆ กรณีด้วย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่างามระบุฐิติพงษ์ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า ผู้สูงวัยในตำบลท่างาม ส่วนมากจะเป็นผู้สูงวัยที่ติดสถานที่ ชอบอยู่กับบ้าน การดำเนินงานของอบต.จึงได้ให้ข้อมูลแก่บุตรหลานของผู้สูงวัยในการปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุ ทั้งในเรื่องห้องนอน ห้องน้ำ และสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ บ้าน รวมถึงอบต.เองได้มีการปรับปรุงศาลาวัดของตำบลท่างามให้มีความเหมาะสมสำหรับการประกอบกิจกรรมของผู้สูงอายุที่ต้องพบเจอกันทุกอาทิตย์ ทั้งเรื่องของการสวดมนต์และกิจกรรมสันทนาการ เพื่อเป็นอาหารกายและอาหารใจให้กับผู้สูงอายุ และที่สำคัญคือการจัดสรรงบประมาณท้องถิ่นดำเนินโครงการซ่อมแซมบ้านให้กับผู้สูงวัยด้วย ชินวุฒิ อาศน์วิเชียร นักพัฒนาชุมชนเล่าถึงที่มาที่ไปของโครงการซ่อมแซมบ้านให้กับผู้สูงวัยว่า “พัฒนาชุมชนเราและอบต.ได้จัดโครงการซ่อมแซมบ้านของผู้สูงวัยร่วมกันขึ้นโดยคัดเลือกจากบ้านผู้สูงอายุที่ยากจน ในตำบลซึ่งเรามีทั้งหมด 11 หมู่บ้านได้ดำเนินการไปแล้ว 10 หมู่บ้าน โดยใช้งบประมาณในการซ่อมแซมบ้านละ 10,000 บาท ซึ่งการซ่อมแซมบ้านและปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุในแต่ละบ้านที่ได้รับการคัดเลือกนั้นใช้แรงงานของคนในท้องถิ่นมาลงแรงช่วยกันทั้งนั้น นอกจากคนเฒ่าคนแก่จะได้สถานที่ที่เหมาะสมในการดำรงชีวิตแล้วเรายังได้ความรักความสามัคคีของคนในท้องถิ่นด้วย นักพัฒนาชุมชนบอกเล่าด้วยรอยยิ้มอย่างไรก็ตามการดำเนินทุกโครงการในตำบลท่างาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการยึดความต้องการของผู้สูงอายุเป็นศูนย์กลาง โดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้ลงพื้นที่สอบถามความต้องการของผู้สูงอายุก่อนที่จะดำเนินการโครงการให้เกิดอย่างเป็นรูปธรรมโดยใช้รูปแบบของการเก็บข้อมูลของมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย( มส.ผส.)มาใช้ จึงทำให้หลายโครงการของที่นี่เข้าถึงความต้องการของผู้สูงอายุและผู้สูงอายุได้ใช้ประโยชน์อผล บอล ไทยย่างแท้จริง “ เมื่อก่อนเราก็ทำงานของเราในอีกลักษณะหนึ่ง ซึ่งก็เข้าถึงการดูแลผู้สูงอายุในระดับหนึ่ง หากแต่เมื่อไม่นานมานี้เราได้ประสานความร่วมมือจากหลากหลายทำงานทำให้การทำงานของเราเกิดผลอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการได้รับองค์ความรู้ในเรื่องการเก็บข้อมูลจากมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย มส.ผส. ที่เข้ามาอบรมวิธีการในการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับผู้สูงอายุทำให้เราแบ่งประเภทลักษณะความต้องการของผู้สูงอายุได้ชัดเจนขึ้นและสามารถจัดรูปแบบโครงการให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้สูงอายุได้”นักพัฒนาชุมชนบอกเล่า พ.อ.บุญเลิศ ผาอ่อน ประธานชมรมผู้สูงอายุท่างามบอกเล่าถึงความรู้สึกของผู้สูงอายุในท้องที่ที่ได้รับการบริการในโครงการต่างๆ ของท้องถิ่นว่า “ผมว่าหลาย ๆ โครงการที่เจ้าหน้าที่เขาได้ทำขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่ดีมากเพราะเหมือนเป็นน้ำที่รดลงบนต้นไม้ที่เหี่ยวเฉา ทำให้ผู้สูงวัยอย่างพวกผมมีสุขภาพจิตและสุขภาพกายที่ดีขึ้น ได้เจอกันเยอะขึ้นได้พูดคุยในเพื่อนวันเดียวกัน ได้มาทำกิจกรรมร่วมกัน มันก็เหมือนชีวิตของพวกเราไม่เหงาและมีคุณค่า แต่สิ่งที่ผมเป็นห่วงคือผู้สูงอายุที่ท่างามนั้นมีจำนวนมากที่ลูกหลานเขาไปทำงานในตัวเมืองไม่มีคนดูแล ต้องอยู่กันลำพัง อันนี้ผมอยากให้หน่วยงานทุกฝ่ายช่วยดูแลเขาอย่างเป็นรูปธรรมด้วยเพราะด้วยสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ลูกหลานเขาไปทำงานไม่ใช่เรื่องผิด เพราะต้องหาเงินมาเข้าบ้าน แต่หน่วยงานที่ดูแลจะต้องช่วยดูแลคนแก่ในส่วนนี้อย่างเป็นรูปธรรมเลยด้วย และเรื่องของการปรับสถานที่หรือการซ่อมแซมบ้านให้กับคนเฒ่าคนแก่ที่ยากจนนั้นผมอยากให้มีการพัฒนาโครงการนี้อีกต่อไปเรื่อยๆ ครับเพราะมันมีประโยชน์กับผู้สูงอายุที่ยากจนมาก ทั้งนี้ การดูแลผู้สูงวัยที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของหลากหลายฝ่าย คงช่วยบรรเทาและช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงวัยที่นี่ได้ในระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่สำคัญและจะสร้างความสุขให้กับผู้สูงวัยได้อย่างแท้จริงคือการดูแลเอาใจใส่ด้วยความใกล้ชิด ด้วยความรักและด้วยความจริงใจจากลูกหลานจะเป็นยาเสริมกำลังทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจให้กับผู้สูงอายุ มีความสุขกับชีวิตที่เหลืออย่างมีคุณค่าได้อย่างแท้จริง
ชาวเชียงรายพบค้างคาวยอดกล้วยปีกผีเสื้อ ชาวจังหวัดเชียงรายพบค้างคาวยอดกล้วยปีกผีเสื้อ ซึ่งเป็นค้างคาว
สิ่งอำนวยความสะดวก
การตกแต่ง
เครื่องปรับอากาศ
ชั้นบน
เตาอบ/ไมโครเวฟ
ความสะดวกโดยรอบ
กล้องวงจรปิด
เครืองปรับอากาศ
โถงรอลิฟท์ร้านอาหาร
ทางเข้าหลัก
ยอดสินเชื่อโดยประมาณ
รายละเอียดสินเชื่อ
ยอดสินเชื่อที่ต้องชำระต่อเดือนโดยประมาณ
฿ 0 / เดือน
฿ 0 เงินต้น
฿ 0 ดอกเบี้ย
ค่าใช้จ่ายที่อาจต้องมีเบื้องต้น
เงินดาวน์ทั้งหมด
฿ 0
เงินดาวน์
จำนวนสินเชื่อ ฿ 0 ในอัตรา 0% ของสินเชื่อต่อราคาบ้าน (Loan-to-value)
จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์ภาพ บุคคลนั่งในห้อง และ

วานนี้ (28 พ.ค.2566) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงการจัดตั้งรัฐบาล โดยมีเนื้อหาดังนี้ การเลือกตั้งจบลงแล้ว แต่การจัดตั้งรัฐบาลยังไม่จบ ปรากฏความเคลื่อนไหวทั้งในทางที่
ดูรายละเอียดโครงการคำถามที่พบบ่อย
ดร.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการวิจัย นโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศและการพัฒนา และ ผู้อำนวยการโครงการวิ
วันนี้ (2 ก.พ.2565) มีรายงานว่า นายกิตติพงษ์ บริบูรณ์ รองเลขาธิการ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ปฏิ
วันนี้ (27 พ.ย.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พื้นที่ ต.เสาเภา อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช เกิดลมกระโชกแรง หร
วันนี้ (27 พ.ค.2568) ภายหลังการประชุมกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพร
สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (FIVB) และ Volleyball World ประกาศว่า "ประเทศไทย" จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งข
ค้นหาประกาศอื่นรอบๆ ทุ่งพญาไท
จากสิ่งที่คุณค้นหา คุณอาจจะสนใจตัวเลือกต่อไปนี้
แจ็ ค พอ ต joker
สมัครjokerslot