วันนี้ (11 ธ.ค.2565) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวบนเวทีปราศรัย จ.นครศรีธรรม

วันนี้ (14 มี.ค.2567) เวลา 08.30 น. นายทักษิณ ชินวัตร เดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว พร้อมด้วย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พร้อมด้วยสามีและลูกสาว และพยาบาลประจำตัว จากท่าอากาศยานดอนเมือง ไปยัง จ.เชียงใหม่ โดยม

กรณีของ "สิริมาศ จันทรโคตร" ในวัย 26 ปี ที่ได้ทำโปสเตอร์สีแจ่มบาดตากับประโยคเด็ดแสดงถึงความยินดีกับการลาออกจากอาชีพ "ครู" กลายเป็นไวรัลในโซเชียล แม้หลายคนจะแสดงความยินดีและชื่นชมในความกล้าตัดสินใจ แต่ปัญหาภาระงานในระบบข้าราชการครูก็เป็นอีกประเด็นที่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ (อ่านข่าว : โซเชียลแห่แชร์ "โปสเตอร์" ครูลาออก "อย่าให้งานเปลี่ยนเรา แต่เราควรเปลี่ยนงาน") อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กระทรวงศึกษาธิการ รับรู้ถึงปัญหานี้ และพยายามแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อให้ครูไม่ต้องหลุดออกจากระบบการศึกษาเพราะภารกิจอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน เช่น งานพัสดุ งานธุรการ หรืองานเอกสารต่าง ๆ รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เปิดเผยว่า ไทยมีครูทั้งหมด 400,000 คน เป็นครูที่มีวิทยฐานะตั้งแต่ชำนาญการขึ้นไปประมาณ 270,000 เกือบ 280,000 คน หรือง่าย ๆ คือมีครู 10 คน เป็นครูที่มีวิทยฐานะแล้ว 7 คน เป็นครูที่ยังไม่มีวิทยฐานะ เป็นครูใหม่ประมาณ 3 คน รศ.ดร.ประวิต ได้ชวนคิดถึงโจทย์สำคัญเกี่ยวกับการศึกษาไทย 6 ประเด็น ที่จะนำไปสู่การลดความซ้ำซ้อนของภาระงานครู และเพิ่มคุณภาพชีวิตและความก้าวหน้าของครู ซึ่งจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการยกระดับคุณภาพการศึกษาของทั้งประเทศ รศ.ดร.ประวิต ระบุว่า ระบบวิทยฐานะเดิมที่ทำเอกสาร ส่งเป็นผลงานทางวิชาการสะสมอะไรไว้มากมาย คือโจทย์ที่หากปรับวิธีการประเมิน จากการประเมินเอกสารมาเป็นการประเมิน Performance หรือการทำงานในห้องเรียนจริงของครูได้ ก็จะช่วยแก้ปัญหาได้บ้าง ทั้งนี้ จะมีการปรับให้ครูเลือกคลิปการสอนที่ดีที่สุด เมื่อได้คลิปการสอนที่ดีที่สุด และมั่นใจแล้วลองประเมินกัน จากแบบประเมินที่จะเผยแพร่ไป แล้วใช้ระบบดิจิทัลเข้ามาพัฒนาวิธีการส่ง ครูไม่ต้องมาขนผลงานวิชาการเอกสารมาส่ง แต่จะส่งผ่านระบบออนไลน์เข้ามาและจะเร็วขึ้น เรื่องใหญ่คือ ต้องลดความซ้ำซ้อนในการประเมิน ซึ่งเป็นภาระใหญ่ของครู ขณะเดียวกันมีงานอย่างอื่นที่เข้าไปในโรงเรียนมากมาย ทำให้ครูเสียเวลาไปกับทั้งงานธุรการ งานการเงิน งานพัสดุ ซึ่งงานเหล่านี้ทำให้ครูออกนอกห้องเรียน ทำอย่างไรวิทยฐานะจะไม่ดึงเอาครูออกนอกห้องเรียน ไม่ใช่ให้ครูไปทำเอกสารจำนวนมากเลยเพื่อมาส่งครูไม่ต้องเสียเวลาในการทำ แล้วเอาเวลามาพัฒนาตัวเอง มาพัฒนาการเรียนการสอนจริง ๆ ครูสามารถที่จะส่งผลงานได้ทุกภาคเรียนซึ่งตรงนี้จะทำให้กระบวนการในการประเมินได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นมันก็จะทำได้เห็นผลจริง ๆ รศ.ดร.ประวิต ระบุว่า ระบบวิทยฐานะที่ผ่านมาเป็นการทำงานในเชิงวิชาการ เป็น Academic Skill เป็นทักษะทางวิชาการที่พยายามที่จะให้คุณครูพัฒนาโดยงานวิจัยหรือเขียนเป็นโครงการ เป็นเอกสารทางวิชาการ ซึ่งไม่ใช่วิธีการที่ทำให้ครูพัฒนาการเรียนการสอนได้อย่างเต็มที่ อาจจะใช้กระบวนการเปิดห้องเรียน เปิดชั้นเรียนให้คุณครูเข้าไปแชร์กัน ให้ครูเอาวิธีการเรียนการสอนมาร่วมแลกเปลี่ยนกันในวง PLC ของโรงเรียน เพื่อพัฒนาตัวเองเสร็จแล้วลองฝึกกระบวนการในการทำการสอนร่วมกัน พัฒนาให้รู้ว่าตัวเองยังไม่ผ่านตรงจุดไหน อะไร อย่างไรบ้าง ผลการประเมินจะทราบในภาคเรียนเดียว เพราะฉะนั้นคุณครูสามารถส่งได้ตลอดปี ลักษณะแบบนี้เป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นถึง การปฏิบัติงานจริง ๆ ของครูที่ห้องเรียน และแสดงให้เห็นถึงทักษะในการสอนของครู นั่นคือโจทย์สำคัญที่อยากได้ เพราะอยากให้ครูแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เราคาดหวังบทบาทของผู้บริหารโรงเรียนที่จะเข้าไปช่วยคุณครูค้นหาวิธีสอนที่มีพลังมากที่สุด แล้วกระบวนการแบบนี้ มันจะเกิดขึ้นโดยธรรมชาติของโรงเรียน ที่ทุกคนพัฒนาตัวเอง พัฒนาจากห้องเรียนของตัวแทน เพราะฉะนั้นถ้าผู้บริหารโรงเรียนเป็นผู้นำทางวิชาการ สังเกตชั้นเรียน ให้คำแนะนำเป็นโค้ช หรือว่าเป็นเมนเทอร์ให้กับคุณครู พลังการสอนของครูจะออกมา ให้ครูมีเวลาพอที่จะเข้าไปพัฒนาการเรียนการสอนของตัวเอง และมีเวลาพอที่จะเอาใจใส่เด็กในห้องเรียนมากยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงมีการเปลี่ยนที่เรียกว่า เกณฑ์มาตรฐานอัตรากำลังของโรงเรียนขึ้นมา เอางานของครูมาวิเคราะห์ใหม่ เอาสัดส่วนทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพเข้ามาจับ เชิงปริมาณคือ เปลี่ยนวิธีคิดจากสัดส่วนครูต่อเด็กมาเป็นโรงเรียน 1 โรงเรียนควรมีครูกี่คน แล้วในเชิงคุณภาพคือว่าต้องมีครูเอกอะไรบ้าง ในระดับประถมศึกษาต้องมีคู่คนที่ 1 คนที่ 2 เอกอะไร แล้วมัธยมศึกษาต้องมีเอกอะไร 1 โรงเรียนควรมีครูอย่างน้อยกี่คน เมื่อวิเคราะห์ส่วนนี้ออกมาโจทย์ใหญ่คือ เราไม่ได้อัตราเพิ่มในแต่ละปี แต่ละปีเราต้องใช้อัตราเท่าเดิม แต่ต้องหาวิธีการที่จะเกลี่ยครู ให้ครูโรงเรียนที่ล้นหรือที่เกิดอยู่ตอนนี้ ซึ่งการเกลี่ยก็คืโปร slot pgอจะเกลี่ยเมื่อคณุท่านนั้นเกษียณแล้วก็เกลี่ยไป ค่อย ๆ เกลี่ยตำแหน่งไปแล้วไปบรรจุหรือว่ารับย้ายคนเข้าไปอยู่ในโรงเรียนที่ขาด เกณฑ์สำคัญก็คือเรื่องของการที่จะต้องให้ครู มีความก้าวหน้าในวิชาชีพของตัวเอง ซึ่งอยู่ที่มาตรฐานตำแหน่งกับกับมาตรฐานวิทยฐานะที่คุณครูต้องปฏิบัติ ซึ่งเป็นที่มาที่เราพยายามทำให้มีการปรับเปลี่ยน เรื่องเกณฑ์การประเมินวิทยฐานะใหม่ ไม่เสียสิทธิ์เวลา เกณฑ์เก่าท่านต้องขยายระยะเวลา ในการที่จะประเมินวิทยฐานะ ในแต่ละช่วงวิทยฐานะคือ 5 ปี เพราะฉะนั้นหากครูพัฒนาตนเองแล้วไปสู่จุดสูงสุด ต้องใช้เวลาจำนวนมากคือ 20 ปี แต่เราจะร่นระยะเวลาให้ในแต่ละช่วงวิทยฐานะลงมา 4 ปี และลดเวลาลงมาได้อีก 3 ปี รศ.ดร.ประวิต ชวนนึกภาพว่า ใครจะได้ประโยชน์หากคืนเวลาครูให้นักเรียน ก็คือตัวเด็ก คุณครูก็พัฒนาการสอนที่ดีที่สุดสำหรับเด็กของตัวเอง นั่นคือหัวใจสำคัญ เมื่อคุณครูทุ่มเทตรงนี้ได้อย่างเต็มที่ ใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพ แน่นอนห้องเรียนจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ตรงนี้คือโจทย์ที่เราคาดหวังคำตอบที่ถูกต้องในอนาคต

กรณีของ "สิริมาศ จันทรโคตร" ในวัย 26 ปี ที่ได้ทำโปสเตอร์สีแจ่มบาดตากับประโยคเด็ดแสดงถึงความยินดีกับการลาออกจากอาชีพ "ครู" กลายเป็นไวรัลในโซเชียล แม้หลายคนจะแสดงความยินดีและชื่นชมในความกล้าตัดสินใจ แต่