เมื่อวันที่ 13 เม.ย.2564 นพ.นิติ เหตานุรักษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเพชรบูรณ์ พร้อมด้วยผู้บริหารโรงพยาบ
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก บิ๊กแมตช์ที่สนามแอนฟิลด์ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านพบ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ คู่นี้สู้กันสนุก เพียงแค่ 15 นาที ลิเวอร์พูล ออกนำไปก่อนถึง 3-0 จาก เคอร์ติส โจนส์, หลุยส์ ดิอาซ และจุดโทษของ โมฮา
ยุคนี้เป็นยุคของ "แฟนคลับ" หรือ "แฟนด้อม" พื้นที่การรวมตัวของกลุ่มคนที่ชื่นชอบ พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในสิ่งเดียวกัน และพากันแสดงออกไปในการเดียวกัน เช่น ด้อมศิลปิน K-Pop ต่างๆ, แฟนคลับทีมกีฬา, แฟนคลับสัตว์เลี้ยง และ "แฟนด้อมการเมือง (Political Fandom)" ผลผลิตจากการเมืองแบบเซเลบริตี้ การเมืองที่เปลี่ยนจากการเมืองแบบดั้งเดิม ไปตามช่วงเวลาและความต้องการของประชาชน ไม่ได้หมายถึงคนดังในสังคมมาเล่นการเมือง แต่นักวิชาการทั่วโลกต่างนิยามคำๆ นี้ว่า เมื่อนักการเมืองใช้ "เทคนิคทางการตลาด" เพิ่มฐานเสียงของตัวเองในช่วงหาเสียงเลือกตั้งจนสร้างแบรนด์ให้กับตัวเอง หรือ Personal Branding ได้ บวกกับยุคที่คนเข้าไปอยู่ในโลกออนไลน์ การสร้างฐานเสียงให้ตนเองจึง "ง่ายและไว" มากขึ้น เพราะโลกออนไลน์แทบไม่ต้องใช้ต้นทุนใดๆ อยากลงคอนเทนต์อะไรก็ไม่ต้องกังวลเรื่องข้อจำกัดทางการสื่อสารเหมือนสถานีโทรทัศน์ และไม่ต้องรอเวลา สามารถอัปคอนเทนต์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และที่สำคัญที่สุดคือ "ฟรี" หลายพรรคการเมืองสื่อสารข้อมูลผ่านช่องทางออนไลน์กับประชาชนก็จริง แต่ดูเป็นการสื่อสารทางเดียว หรือ One-way Communication เสียมากกว่า แต่นั่นไม่ใช่เป้าหมายที่สำคัญที่สุด การส่งต่อข้อมูลระหว่างคนทั่วไป จนกระทั่งนำไปสู่การพูดคุย แลกเปลี่ยน การติดตาม ช่วยเหลือ ปกป้อง และลามไปสู่ การนำข้อความจากออนไลน์สู่ออฟไลน์ สู่คนที่ไม่มีเครื่องมือสื่อสาร ไม่มีอินเตอร์เน็ต เหล่านี้คือกุญแจสำคัญที่ทำให้เกิด Two-way Communication เป็นการสื่อสารที่ได้ประสิทธิภาพที่สุด ที่ "ก้าวไกล" ใช้ นักวิชาการด้านการตลาดระบุว่า ในยุคที่คนเบื่อการเมืองแบบเก่าๆ เบื่อความไม่ชัดเจน "ไม่ Hit to the point" แต่พรรคก้าวไกลใช้กลยุทธ์ เปลี่ยน Pain Point เป็น Gain Point นั่นคือ การหยิบเอาจุดที่คนเจ็บปวดมาแก้ไขเพื่อสร้างเป็นประโยชน์กลับคืนไป นักการตลาด CK Fastwork เล่าถึงจุดเด่นที่ทำให้ก้าวไกลเป็นกระแสในโลกออนไลน์ ได้แก่ 1. จุดยืนขององค์กรที่ชัดเจน ทั้งการสร้างวาทกรรม "มีลุง ไม่มีเรา" หรือการพูดถึงมาตรา 112 อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ จนทำให้คนเริ่มมีภาพจำและนึกถึงพรรคแม้จะไม่ได้พูดชื่อพรรค หรือ ชื่อบุคคลก็ตาม 2. การสร้างแบรนด์ตัวตนของ "พิธา" ที่ทุกสื่อ ทุกเวทีดีเบต ต้องเจอหัวหน้าพรรคก้าวไกลคนนี้ จนทำให้ผู้สมัครเขตอื่นๆ ที่อาจจะไม่มีใครรู้จักกว้างขวาง แต่ประชาชนก็เลือกให้เพราะเชื่อในตัวบุคคลและองค์กร พิธา และผู้สมัคร ส.ส. เขตอื่น พิธา และผู้สมัคร ส.ส. เขตอื่น 3. การทำให้คนรู้สึกเข้าถึง เป็นเพื่อน เป็นครอบครัวเดียวกัน อย่างที่เห็นชัดเจนคือการดีเบตครั้งสุดท้ายที่พรรคก้าวไกลเลือกจะทำเวทีแบบวงกลมกลางสนาม และให้คนมานั่งล้อมรอบ สร้างความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวระหว่างพรรคและคน เวทีดีเบตครั้งสุดท้าย พรรคก้าวไกล เวทีดีเบตครั้งสุดท้าย พรรคก้าวไกล อีกสิ่งที่สำคัญคือ ก้าวไกลมักจะบอกว่า พรรคตนเองไม่มีเงิน เพื่อสร้างความโปร่งใส ขจัดปัญหาการซื้อเสียง เรื่องเดิมๆ ที่ต้องมาพร้อมกับการเลือกตั้ง สร้างประสบการณ์ใหม่ที่แฝงด้วยการแก้ปัญหาพื้นฐานของการเลือกตั้งให้คนรับรู้ กระทั่งเป็นพรรคการเมืองพรรคเดียวในการเลือกตั้ง 2566 ที่ "ชวน หลีกภัย" ยอมรับกับ สุทธิชัย หยุ่น ในรายการพิเศษเกาะติดสถานการณ์เลือกตั้ง ไทยพีบีเอส เมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา หรือ "ด้อมส้ม" แฟนด้อมทางการเมืองนั่นเอง ผศ.ดร.สกุลศรี ศรีสารคาม อาจารย์ประจำคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายถึงความสัมพันธ์เชิงการสื่อสารของ "พิธา" และ "ด้อมส้ม" การวางตัวใบอลสด ปาแลร์โม่สล็อตxoฝากถอนไม่มีขั้นต่ําแตกง่ายห้คนรู้สึกว่าเข้าถึงง่าย เข้าใจถึงปัญหาปากท้องที่แท้จริง และพร้อมรับฟังเสียงทุกเสียง คือ วิธีการที่ "พิธา" เลือกสื่อสารเพื่อลดช่องว่างระหว่างนักการเมืองกับ "ด้อมส้ม" ของเขา แต่ในขณะเดียวกัน "ด้อมส้ม" ก็เป็นเหมือน "ดาบ 2 คม" เช่นกรณี #มีกรณ์ไม่มีกู ที่ถือว่าเป็นกรณีศึกษา วิชาการจัดการ การสื่อสารในสภาวะวิกฤต 101 ที่ก้าวไกลต้องเรียนรู้อย่างมาก ว่าอิทธิพลของ "ด้อมส้ม" นั้นกำลังส่งผลในทางใดกับโลกแห่งความเป็นจริงของก้าวไกลและการจัดตั้งรัฐบาลของเขา พรรคก้าวไกลแถลงขอโทษ ปม #มีกรณ์ไม่มีกู พรรคก้าวไกลแถลงขอโทษ ปม #มีกรณ์ไม่มีกู อีกกรณีที่น่าจับตา เมื่อ "พิธา" เปิดเผยเรื่องราวส่วนตัวสู่โลกออนไลน์ ในมุมของพิธา อาจต้องการสื่อให้คนเข้าใจว่า นักการเมืองก็คือคนธรรมดาคนหนึ่ง ใช้ชีวิตตามปกติทั่วไป แต่ก็ไม่ใช่แฟนคลับทุกคนที่จะเข้าใจสิ่งที่เขาสื่อสาร เพราะยังมีด้อมส้มบางส่วน ที่ "จิ้น" กับบางเรื่องจนลามไปสร้างความลำบากใจให้ ไม่เฉพาะแต่ตัวของพิธา แต่รวมถึงใครก็ตามที่อยู่รอบข้างและเป็นประเด็นในขณะนั้น และแฮชแท็กกรณ์ก็คงไม่ได้เป็นแฮชแท็กแรกและสุดท้าย แต่จะต้องมีอีกหลายแฮชแท็กตามมาอีกมาก ก้าวไกลเองจะต้องจัดระเบียบรักษาสมดุลระหว่าง ความต้องการของด้อมส้ม กับกลุ่มคนอื่นๆ ให้ได้ ถ้าเลือกจะเอาใจแต่ ด้อมส้ม ฝ่ายเดียว แน่นอนว่าจะถูกภาคสังคม ประชาคมอื่นๆ ตรวจสอบ แต่หากจะไม่เอาใจฝ่ายใดเลย ก็จะทำให้ตัวเองเคลื่อนไหวไม่ได้ หาก พิธา และ ก้าวไกล สามารถทำให้กลุ่มคนที่ชอบก้าวไกลและไม่ชอบ หาจุดกลางหันหน้าพูดคุยกัน เพื่อผลประโยชน์ของประเทศได้ จะถือว่าเป็นสังคมประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ที่ความหลากหลายทางความคิดถูกนำมาพูดคุยแลกเปลี่ยนกันอย่างสันติ จะถือว่าเป็นการทลายกำแพงการเมืองลง และนี่คือสิ่งที่ยังไม่มีใครพูดถึง ดร.สกุลศรี กล่าวทิ้งท้าย ปรากฏการณ์ "ชัชชาติแลนด์สไลด์" กับ "ส้มทั้งแผ่นดิน" อาจถูกนำมาเปรียบเทียบได้ในมุมตัวบุคคล ที่มีความเหมือนกันในเรื่องของการสื่อสารกับประชาชน นั่นคือเข้าใจความเดือดร้อน ปัญหาพื้นฐานของคน แนวทางการแก้ไขที่โดนใจคน การเข้าถึง ลดช่องว่างระหว่างกัน และสื่อสารแบบกระชับ เข้าใจง่าย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และน่าจะเป็นสิ่งที่นักการเมือง และ พรรคการเมืองอื่นๆ ต้องรีบปรับตัว ประชาชนไม่ได้ต้องการนโยบายโลกสวยหรือระดับมหภาคที่ฟังแล้วรู้สึกเอื้อมไม่ถึง แต่ประชาชนต้องการความจริงที่จับต้องได้ ยิ่งในโลกปัจจุบันที่แทบทุกอย่างอยู่ในโลกออนไลน์ และกระแสแฟนด้อมที่รักรุนแรง
ยุคนี้เป็นยุคของ "แฟนคลับ" หรือ "แฟนด้อม" พื้นที่การรวมตัวของกลุ่มคนที่ชื่นชอบ พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในสิ่งเดียวกัน และพากันแสดงออกไปในการเดียวกัน เช่น ด้อมศิลปิน K-Pop ต่างๆ, แฟนคลับทีมกีฬา, แฟนค