วันนี้ (11 ก.พ.2564) นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พรรคพลังป

จัดกิจกรรมช่วยเหลือเกษตรกรวังน้ำเขียว นายอำเภอวังน้ำเขียวเตรียมจัดงานเทศกาลเบญจมาศบานในม่านหมอกให้เร็วขึ้น เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการและเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการตรวจสอบบุกรุกพื้นที่ป่าวังน้ำเขียว
ระทึกทั่วไทย ในช่วงบ่ายวันที่ 28 มี.ค.2568 เวลา 13.20 น.เกิดเหตุแผ่นดินไหวในประเทศเมียนมา รู้สึกได้ในประเทศ ข้อมูลจาก ศูนย์เตือนภับพิบัติแห่งชาติ (ศภช.) ระบุว่า แผ่นดินไหวบนบก ขนาด 8.2 ความลึก 10 กม.
กรณีสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน และชาวบ้านในอ.ปากช่อง จ.นคราชสีมา ยื่นฟ้องกรมทางหลวงและกระทรวงคมนาคม กรณีการก่อสร้างและขยายถนนธนะรัชต์ หรือสาย 2090 ทางขึ้นเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มรดกโลก ระยะทาง 8.1 กิโลเมตร ซึ่งเป็นเหตุการณ์เมื่อปี 2553 ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 เม.ย.2565 ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาแก้เป็นยกฟ้อง โดยให้เหตุผลว่า กรมทางหลวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการขุดล้อมบอนต้นไม้ตามข้อเสนอแนะของกรมป่าไม้ โดยมีคณะผู้ตรวจสอบที่เป็นผู้มีความรู้ความชำนาญเกี่ยวกับป่าไม้ ซึ่งมีการให้ความเห็นตามอำนาจหน้าที่ไม่ปรากฏเหตุว่ามีส่วนได้เสีย ความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบจึงมีความน่าเชื่อถือ มีน้ำหนักรับฟังว่า ไม่สามารถขุดล้อมบอนต้นไม้ในเขตทางโครงการพิพาทได้ ทั้งกรมป่าไม้ไม่ได้โต้แย้งผลการตรวจสอบของคณะกรรมการ ซึ่งต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้มีอำนาจได้พิจารณาออกใบอนุญาต ให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) ทำการตัดไม้ เมื่อตัดไม้แล้วได้ลากไปรวมไว้บริเวณกม. 16+300.000 ทางหลวงหมายเลข 2090 เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจวัดประทับตรา คำนวณค่าภาคหลวงก่อนที่จะทำไม้ออก ทั้งต้นไม้ในเขตทางโครงการพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองตามมาตรา 4 พ.ร.บ.ทางหลวง 2535 พยานหลักฐาน จึงฟังได้ว่าการดำเนินการเกี่ยวกับต้นไม้ในเขตทางโครงการพิพาทเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว นอกจากนี้ หลังการขยายเขตทาง กรมทางหลวงโดยแขวงการทางนครราชสีมาที่ 2 ได้มีหนังสือลงวันโหลด epicwinที่ 26 ม.ค. 53 ถึงหัวหน้าศูนย์เพาะชํากล้าไม้นครราชสีมา ขออนุเคราะห์กล้าไม้ 2,000 ต้น เพื่อนำไปปลูกเสริมบริเวณที่ว่างในเขตทางหลวง ซึ่งถึงปัจจุบันนับเป็นจำนวนหลายพันต้น โดยกรมทางหลวงได้เลือกปลูกต้นไม้หวงห้ามหลายประเภทที่ถูกตัดฟัน เช่น สะเดา 42 ต้น ประดู่แดง 92 ต้น หว้า 60 ต้น อินทนิล 334 ต้น โดยในการพิจารณาเลือกชนิดประเภทของต้นไม้ที่นำมาปลูกทดแทน กรมทางหลวงได้คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ โดยเลือกใช้ต้นไม้ที่เป็นกล้าไม้บางส่วน เพื่อให้ต้นไม้กลุ่มนี้มีระบบรากแข็งแรงทนต่อลม และใช้ต้นไม้ที่ขุดล้อมบอนมาจำนวนน้อย เพราะต้นไม้กลุ่มนี้ระบบรากไม่แข็งแรง ทำให้ไม่ทนต่อลม แต่ปลูกเพื่อให้ร่มเงาในระหว่างที่กล้าไม้ยังไม่เจริญเติบโต ซึ่งขนาดของต้นไม้ที่กรมทางหลวงได้นำมาปลูกทดแทนมีขนาดกำลังเหมาะสมมีความสูงระหว่าง 1.50-2 เมตร ลำต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 นิ้ว เพื่อให้ต้นไม้ที่ได้รับการปลูกตั้งแต่เล็กจะมีระบบรากที่เติบโตเต็มที่ทำให้เกิดความมั่นคงกว่าในระยะยาว โดยปรากฏภาพถ่ายในชั้นอุทธรณ์คำพิพากษาว่าปัจจุบันสภาพของเขตทางทั้งสองด้านมีต้นไม้ขึ้นหนาแน่น ทั้งการขุดล้อมต้นไม้เพื่อปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลปกครองต้น ต้นไม้เหล่านั้นจะไม่มีรากแก้วไม่มีความมั่นคง ล้มง่าย เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ทาง และอาจเป็นผลกระทบต่อระบบนิเวศในแหล่งนั้นได้ เมื่อคำนึงถึงประโยชน์ได้เสียทุกด้านประกอบกัน จึงเห็นว่า ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองได้ดำเนินการฟื้นฟูต้นไม้ในเขตทางเพียงพอ แก่พฤติการณ์ความเสียหายจากการดำเนินโครงการพิพาทแล้ว ดังนั้นการที่ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองร่วมกันนำต้นไม้ตามชนิดประเภทขนาดเดียวกัน หรือใกล้เคียงกันและในจำนวนเท่ากันกับต้นไม้ที่ถูกตัดโค่นไปแล้วตามบัญชีที่ได้สำรวจบันทึกเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.2552 ไปปลูกทดแทนตามแนวเขตทางหลวง 2090 ช่วงกม. 2+000.000 ถึงกม.10+100.000 โดยให้เริ่มดำเนินการภายใน 60 วัน นับแต่วันที่พิพากษาถึงที่สุด เพื่อให้มีสภาพใกล้เคียงของเดิมมากที่สุด ศาลปกครองสูงสุดไม่เห็นพ้องด้วย จึงพิพากษากลับเป็นยกฟ้อง
ช็อกล้มช้างใหญ่ เมื่อพรรคเพื่อไทรวมพลัง (พทล.) ภายใต้การนำของนายวสวรรธน์ พวงพรศรี หัวหน้าพรรคฯ สร้าง
วันนี้ (18 เม.ย.2566) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) กล่าวถึงนโยบายการ
เมื่อวันที่ 18 ม.ค.2564 สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า หน่วยงานท้องถิ่นระบุว่า กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจี
กรณีสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน และชาวบ้านในอ.ปากช่อง จ.นคราชสีมา ยื่นฟ้องกรมทางหลวงและกระทรวงคมนาคม กรณีการก่อสร้างและขยายถนนธนะรัชต์ หรือสาย 2090 ทางขึ้นเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มรดกโลก ระยะทาง 8.1 กิโลเมตร ซึ่งเป็นเหตุการณ์เมื่อปี 2553 ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 เม.ย.2565 ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาแก้เป็นยกฟ้อง โดยให้เหตุผลว่า กรมทางหลวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการขุดล้อมบอนต้นไม้ตามข้อเสนอแนะของกรมป่าไม้ โดยมีคณะผู้ตรวจสอบที่เป็นผู้มีความรู้ความชำนาญเกี่ยวกับป่าไม้ ซึ่งมีการให้ความเห็นตามอำนาจหน้าที่ไม่ปรากฏเหตุว่ามีส่วนได้เสีย ความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบจึงมีความน่าเชื่อถือ มีน้ำหนักรับฟังว่า ไม่สามารถขุดล้อมบอนต้นไม้ในเขตทางโครงการพิพาทได้ ทั้งกรมป่าไม้ไม่ได้โต้แย้งผลการตรวจสอบของคณะกรรมการ ซึ่งต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้มีอำนาจได้พิจารณาออกใบอนุญาต ให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) ทำการตัดไม้ เมื่อตัดไม้แล้วได้ลากไปรวมไว้บริเวณกม. 16+300.000 ทางหลวงหมายเลข 2090 เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจวัดประทับตรา คำนวณค่าภาคหลวงก่อนที่จะทำไม้ออก ทั้งต้นไม้ในเขตทางโครงการพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองตามมาตรา 4 พ.ร.บ.ทางหลวง 2535 พยานหลักฐาน จึงฟังได้ว่าการดำเนินการเกี่ยวกับต้นไม้ในเขตทางโครงการพิพาทเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว นอกจากนี้ หลังการขยายเขตทาง กรมทางหลวงโดยแขวงการทางนครราชสีมาที่ 2 ได้มีหนังสือลงวันโหลด epicwinที่ 26 ม.ค. 53 ถึงหัวหน้าศูนย์เพาะชํากล้าไม้นครราชสีมา ขออนุเคราะห์กล้าไม้ 2,000 ต้น เพื่อนำไปปลูกเสริมบริเวณที่ว่างในเขตทางหลวง ซึ่งถึงปัจจุบันนับเป็นจำนวนหลายพันต้น โดยกรมทางหลวงได้เลือกปลูกต้นไม้หวงห้ามหลายประเภทที่ถูกตัดฟัน เช่น สะเดา 42 ต้น ประดู่แดง 92 ต้น หว้า 60 ต้น อินทนิล 334 ต้น โดยในการพิจารณาเลือกชนิดประเภทของต้นไม้ที่นำมาปลูกทดแทน กรมทางหลวงได้คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ โดยเลือกใช้ต้นไม้ที่เป็นกล้าไม้บางส่วน เพื่อให้ต้นไม้กลุ่มนี้มีระบบรากแข็งแรงทนต่อลม และใช้ต้นไม้ที่ขุดล้อมบอนมาจำนวนน้อย เพราะต้นไม้กลุ่มนี้ระบบรากไม่แข็งแรง ทำให้ไม่ทนต่อลม แต่ปลูกเพื่อให้ร่มเงาในระหว่างที่กล้าไม้ยังไม่เจริญเติบโต ซึ่งขนาดของต้นไม้ที่กรมทางหลวงได้นำมาปลูกทดแทนมีขนาดกำลังเหมาะสมมีความสูงระหว่าง 1.50-2 เมตร ลำต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 นิ้ว เพื่อให้ต้นไม้ที่ได้รับการปลูกตั้งแต่เล็กจะมีระบบรากที่เติบโตเต็มที่ทำให้เกิดความมั่นคงกว่าในระยะยาว โดยปรากฏภาพถ่ายในชั้นอุทธรณ์คำพิพากษาว่าปัจจุบันสภาพของเขตทางทั้งสองด้านมีต้นไม้ขึ้นหนาแน่น ทั้งการขุดล้อมต้นไม้เพื่อปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลปกครองต้น ต้นไม้เหล่านั้นจะไม่มีรากแก้วไม่มีความมั่นคง ล้มง่าย เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ทาง และอาจเป็นผลกระทบต่อระบบนิเวศในแหล่งนั้นได้ เมื่อคำนึงถึงประโยชน์ได้เสียทุกด้านประกอบกัน จึงเห็นว่า ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองได้ดำเนินการฟื้นฟูต้นไม้ในเขตทางเพียงพอ แก่พฤติการณ์ความเสียหายจากการดำเนินโครงการพิพาทแล้ว ดังนั้นการที่ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองร่วมกันนำต้นไม้ตามชนิดประเภทขนาดเดียวกัน หรือใกล้เคียงกันและในจำนวนเท่ากันกับต้นไม้ที่ถูกตัดโค่นไปแล้วตามบัญชีที่ได้สำรวจบันทึกเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.2552 ไปปลูกทดแทนตามแนวเขตทางหลวง 2090 ช่วงกม. 2+000.000 ถึงกม.10+100.000 โดยให้เริ่มดำเนินการภายใน 60 วัน นับแต่วันที่พิพากษาถึงที่สุด เพื่อให้มีสภาพใกล้เคียงของเดิมมากที่สุด ศาลปกครองสูงสุดไม่เห็นพ้องด้วย จึงพิพากษากลับเป็นยกฟ้อง
กรณีสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน และชาวบ้านในอ.ปากช่อง จ.นคราชสีมา ยื่นฟ้องกรมทางหลวงและกระทรวงคมนาคม กร