วันนี่ (17 ม.ค.2567) น.ส.กนิษฐา กังสวนิช รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า จากการที่คณะรัฐมนตรี3 เกลอ บา คา ร่า
กรณี "หมอเก่ง" นักวิชาการสาธารณสุข โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลบางสระเก้า อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี หายตัวออกจากบ้านตั้งแต่ 10 ส.ค. และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา หลังจากเข้ารักษาตัวด้วยอาก
วัคซีน คือ ตัวช่วยชีวิตมนุษย์จากโรคระบาด และหลายเหตุการณ์สำคัญ แต่กระบวนการผลิตวัคซีนใหม่ในแต่ละครั้งนั้นมีความซับซ้อน จึงต้องใช้เวลานาน และมักต้องใช้สัตว์หลายชนิดในการทดลองซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตของสัตว์ ทำให้เกิดข้อความกังวลใจด้านจริยธรรมเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อสัตว์ทดลองตามมา ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้นำไปสู่การค้นหาทางออกของนักวิทยาศาสตร์ ด้วยการสร้างอวัยวะจิ๋วสำหรับใช้ทดลองวัคซีนกับสัตว์ในห้องปฏิบัติการ ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 (COVID-19) วัคซีนใหม่ที่ใช้ในเวลานั้นได้รับการทดสอบครั้งแรกกับหมู หนู เฟอร์เร็ต สัตว์ตระกูลลิง และสัตว์อื่น ๆ อีกหลายชนิด ก่อนที่จะนำมาทดสอบกับมนุษย์ ซึ่งใช้ระยะเวลาในการทดลองค่อนข้างนาน แม้ว่าการพัฒนาวัคซีนที่เหมาะสมกับมนุษย์ภายในเวลา 1 ปี จะเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่ง แต่กระบวนการทดลองวัคซีนยังไม่เร็วมากพอที่จะน3 เกลอ บา คา ร่าำมาใช้กับมนุษย์ เพื่อลดปัญหาที่เกิดจากการนำสัตว์มาทดลอง และใช้ระยะเวลาทดลองที่ค่อนข้างนานก่อนจะนำมาใช้กับมนุษย์ ทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยคอร์เนล (Cornell University) และสถาบันเทคโนโลยีจอร์เจีย (Georgia Institute Of Technology) ได้เสนอให้ทดสอบวัคซีนโดยใช้อวัยวะขนาดจิ๋ว หรือ ออร์แกนอยด์ (Organoids) ที่เป็นกลุ่มเซลล์ที่เพาะขึ้นในห้องแล็บ โดยสร้างขึ้นจากม้ามของสัตว์ ซึ่งจะสามารถทำงานได้คล้ายอวัยวะที่มีขนาดเล็ก โดยปกติแล้วเมื่อฉีดวัคซีนที่มีเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ โมเลกุลแปลกปลอมหรือแอนติเจน จะนำพาเชื้อโรคเข้าโจมตีระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งขั้นตอนการตอบสนอง ระบบภูมิคุ้มกันจะสั่งให้บีเซลล์ (B Cell) หรือเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง เริ่มผลิตแอนติบอดีเพื่อฆ่าแอนติเจน อวัยวะจิ๋วนี้นักวิทยาศาสตร์พัฒนาขึ้นมาจากแมทริกซ์ไฮโดรเจล ซึ่งประกอบด้วยบีเซลล์ที่สกัดจากม้ามของหนูและโมเลกุลส่งสัญญาณ โดยนักวิทยาศาสตร์ได้ใช้อวัยวะจิ๋วในการทดสอบวัคซีนไข้กระต่าย (Tularemia) ซึ่งเป็นการติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรียฟรานซิเซลล่า ทูลารีซิส (Francisella tularensis) มนุษย์สามารถติดโรคนี้ได้จากการสัมผัสกระต่ายที่ติดเชื้อ หรือถูกแมลงที่มีเชื้อแบคทีเรียกัด โดยในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนที่ได้รับอนุญาตให้ใช้รักษาโรคไข้กระต่าย นักวิทยาศาสตร์จึงได้ใช้วัคซีนไข้กระต่ายมาทดลองเปรียบเทียบการใช้งาน ระหว่างอวัยวะจิ๋วกับการทดสอบกับหนูทดลอง ผลการทดสอบพบว่าบีเซลล์ในอวัยวะจิ๋วและในหนู มีการตอบสนองต่อแอนติเจนในลักษณะเดียวกัน ซึ่งการศึกษาเผยให้เห็นว่าทั้งสองกรณี มีการผลิตแอนติบอดีที่จำเพาะต่อพาหะในจำนวนเท่า ๆ กันโดยประมาณ การทดลองในครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าอวัยวะจิ๋วที่เพาะในห้องแล็บนั้นมีศักยภาพมากพอ และสามารถนำมาใช้เป็นทางเลือกใหม่สำหรับการทดสอบวัคซีนในปัจจุบัน ซึ่งแม้ว่าแนวทางนี้จะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ก็สามารถช่วยลดเวลา และจำนวนสัตว์ทดลองที่จะต้องถูกนำไปใช้ในการทดสอบวัคซีนใหม่ได้อย่างแน่นอน ที่มาข้อมูล: interestingengineering, iflscience, medicalxpress“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 3,000 ปีที่แล้ว เผ่าพันธุ์ของเราเพิ่งเริ่มที่จะคิดค้นการบันทึกเรื่องราวด้วยตัว
3 เกลอ บา คา ร่า-hagame789สล็อต ออนไลน์ มือ ถือ เว็บ ไหน ดี-บอลเอเชียนคัพถ่ายช่องไหนสล็อต โปร 20 บาท
วันนี่ (17 ม.ค.2567) น.ส.กนิษฐา กังสวนิช รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า จากการที่คณะรัฐมนตรี3 เกลอ บา คา ร่า
กรณี "หมอเก่ง" นักวิชาการสาธารณสุข โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลบางสระเก้า อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี หายตัวออกจากบ้านตั้งแต่ 10 ส.ค. และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา หลังจากเข้ารักษาตัวด้วยอาก
วัคซีน คือ ตัวช่วยชีวิตมนุษย์จากโรคระบาด และหลายเหตุการณ์สำคัญ แต่กระบวนการผลิตวัคซีนใหม่ในแต่ละครั้งนั้นมีความซับซ้อน จึงต้องใช้เวลานาน และมักต้องใช้สัตว์หลายชนิดในการทดลองซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตของสัตว์ ทำให้เกิดข้อความกังวลใจด้านจริยธรรมเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อสัตว์ทดลองตามมา ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้นำไปสู่การค้นหาทางออกของนักวิทยาศาสตร์ ด้วยการสร้างอวัยวะจิ๋วสำหรับใช้ทดลองวัคซีนกับสัตว์ในห้องปฏิบัติการ ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 (COVID-19) วัคซีนใหม่ที่ใช้ในเวลานั้นได้รับการทดสอบครั้งแรกกับหมู หนู เฟอร์เร็ต สัตว์ตระกูลลิง และสัตว์อื่น ๆ อีกหลายชนิด ก่อนที่จะนำมาทดสอบกับมนุษย์ ซึ่งใช้ระยะเวลาในการทดลองค่อนข้างนาน แม้ว่าการพัฒนาวัคซีนที่เหมาะสมกับมนุษย์ภายในเวลา 1 ปี จะเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่ง แต่กระบวนการทดลองวัคซีนยังไม่เร็วมากพอที่จะน3 เกลอ บา คา ร่าำมาใช้กับมนุษย์ เพื่อลดปัญหาที่เกิดจากการนำสัตว์มาทดลอง และใช้ระยะเวลาทดลองที่ค่อนข้างนานก่อนจะนำมาใช้กับมนุษย์ ทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยคอร์เนล (Cornell University) และสถาบันเทคโนโลยีจอร์เจีย (Georgia Institute Of Technology) ได้เสนอให้ทดสอบวัคซีนโดยใช้อวัยวะขนาดจิ๋ว หรือ ออร์แกนอยด์ (Organoids) ที่เป็นกลุ่มเซลล์ที่เพาะขึ้นในห้องแล็บ โดยสร้างขึ้นจากม้ามของสัตว์ ซึ่งจะสามารถทำงานได้คล้ายอวัยวะที่มีขนาดเล็ก โดยปกติแล้วเมื่อฉีดวัคซีนที่มีเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ โมเลกุลแปลกปลอมหรือแอนติเจน จะนำพาเชื้อโรคเข้าโจมตีระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งขั้นตอนการตอบสนอง ระบบภูมิคุ้มกันจะสั่งให้บีเซลล์ (B Cell) หรือเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง เริ่มผลิตแอนติบอดีเพื่อฆ่าแอนติเจน อวัยวะจิ๋วนี้นักวิทยาศาสตร์พัฒนาขึ้นมาจากแมทริกซ์ไฮโดรเจล ซึ่งประกอบด้วยบีเซลล์ที่สกัดจากม้ามของหนูและโมเลกุลส่งสัญญาณ โดยนักวิทยาศาสตร์ได้ใช้อวัยวะจิ๋วในการทดสอบวัคซีนไข้กระต่าย (Tularemia) ซึ่งเป็นการติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรียฟรานซิเซลล่า ทูลารีซิส (Francisella tularensis) มนุษย์สามารถติดโรคนี้ได้จากการสัมผัสกระต่ายที่ติดเชื้อ หรือถูกแมลงที่มีเชื้อแบคทีเรียกัด โดยในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนที่ได้รับอนุญาตให้ใช้รักษาโรคไข้กระต่าย นักวิทยาศาสตร์จึงได้ใช้วัคซีนไข้กระต่ายมาทดลองเปรียบเทียบการใช้งาน ระหว่างอวัยวะจิ๋วกับการทดสอบกับหนูทดลอง ผลการทดสอบพบว่าบีเซลล์ในอวัยวะจิ๋วและในหนู มีการตอบสนองต่อแอนติเจนในลักษณะเดียวกัน ซึ่งการศึกษาเผยให้เห็นว่าทั้งสองกรณี มีการผลิตแอนติบอดีที่จำเพาะต่อพาหะในจำนวนเท่า ๆ กันโดยประมาณ การทดลองในครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าอวัยวะจิ๋วที่เพาะในห้องแล็บนั้นมีศักยภาพมากพอ และสามารถนำมาใช้เป็นทางเลือกใหม่สำหรับการทดสอบวัคซีนในปัจจุบัน ซึ่งแม้ว่าแนวทางนี้จะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ก็สามารถช่วยลดเวลา และจำนวนสัตว์ทดลองที่จะต้องถูกนำไปใช้ในการทดสอบวัคซีนใหม่ได้อย่างแน่นอน ที่มาข้อมูล: interestingengineering, iflscience, medicalxpress“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 3,000 ปีที่แล้ว เผ่าพันธุ์ของเราเพิ่งเริ่มที่จะคิดค้นการบันทึกเรื่องราวด้วยตัว