วันนี้ (7 ธ.ค.2565) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมรัฐสภา ได้มีการประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาพิจารณาลงม
วันนี้ (16 มี.ค.2566) เกิดเหตุโครงเหล็กที่กำลังก่อสร้างประตูระบายน้ำ หลังโรงเรียน 5 ธันวา เขตเทศบาลเมืองจังหวัดพิจิตร พังลงทับคนงานที่กำลังทำงาน ได้รับบาดเจ็บ 6 คน เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลา 11.00 น.
วันนี้ (5 มิ.ย.2568) นายคำนูณ สิทธิสมาน อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์เฟซบุ๊ก Kamnoon Sidhisamarn ระบุข้อความว่า ย้อนรอยมหากาพย์แห่งความเจ็บปวด ประเทศไทยกับศาลโลก ICJ อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย สวนทางกับการนั่งพับเพียบกระมิดกระเมี้ยนพูดอ้อม ๆ ให้ต้องตีความและไม่ยอมพูดเรื่องที่ประเทศไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก ICJ ให้หนักแน่นชัดเจน ในแถลงการณ์ของรัฐบาลเมื่อเช้าวานนี้ 4 มิถุนายน 2568 รัฐบาลกัมพูชาก็ออกแถลงการณ์กล่าวหาอีกครั้งว่าทหารไทยโจมตีทหารกัมพูชาในพื้นที่ของกัมพูชา และจะขอใช้กลไกของศาลโลก ICJ แก้ปัญหา ขอให้รัฐบาลไทยร่วมมือด้วย ตามภาพที่ปรากฏ แถลงการณ์ของเขาเด็ดขาดมาก บอกว่าจะไม่นำความขัดแย้งใน 4 พื้นที่ทางบก (ช่องบก, ปรsboibc888 linksbobetาสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย) มาคุยในเวทีเจรจาทวิภาคี แต่จะนำขึ้นศาลโลก ICJ สถานเดียว เหมือนเอาเท้าเขี่ยแถลงการณ์นั่งพับเพียบของรัฐบาลไทยทิ้งอย่างไม่ไยดี ขอบคุณภูมิธรรม เวชยชัย ที่ให้สัมภาษณ์ในช่วงบ่าย ๆ เรื่องไทยไม่รับอำนาจศาล ICJ และมติ ครม. 12 มีนาคม 2567 ที่ผมนำมาตอกย้ำและขยี้อยู่หลายครั้ง แต่ไม่เห็นด้วยที่ท่านบอกทำนองว่าไม่อยากขยายเรื่องนี้มาก เราต้องร่วมกันขยายให้เกิดความเข้าใจร่วมกัน มหากาพย์แห่งความเจ็บปวดระหว่างไทยกับศาลโลก ICJ จำเป็นต้องรื้อฟื้นและขยายครับ ประเทศไทยไม่เคยรับอำนาจ ICJ ตั้งแต่ศาลก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2488 แต่ถูก ICJ วินิจฉัยในปี 2504 ว่าเราได้รับอำนาจศาลแล้วในปี 2493 โดยจะครบวาระ 10 ปีในวันที่ 20 พฤษภาคม 2503 เป็นเวลา 65 ปีมาแล้ว ผลการวินิจฉัยในปี 2504 ทำให้ประเทศไทยต้องเข้าสู้คดีปราสาทพระวิหารกับกัมพูชาในศาลเพียง 1 คดี แต่เป็น 2 รอบ ตัดสินในปี 2505 และ 2565 ไม่ชนะทั้ง 2 รอบ รัฐบาลต้องชี้แจงให้คนไทยเข้าใจร่วมกันว่า ICJ ที่ย่อมาจาก Information Court of Justice หรือศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือเรียกกันอย่างติดปากว่าศาลโลกนั้น ก่อตั้งขึ้นในปี 2488 หลังจบสงครามโลกครั้งที่ 2 แม้จะเป็นองค์กรในสังกัดองค์การสหประชาชาติ แต่ไม่เหมือนศาลภายในแต่ละประเทศที่บังคับใช้กับประชาชนในประเทศนั้น ๆ ทุกคนโดยอัตโนมัติ รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ แม้จะเป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติหาอยู่ภายใต้บังคับโดยอัตโนมัติไม่ ต้องพิจารณาแสดงเจตนายอมรับอำนาจศาลอย่างเป็นทางการเสียก่อน ถ้าไม่รับไม่ว่าจะด้วยเหตุใด ก็ไม่มีข้อผูกพันใด ๆ การรับอำนาจ ICJ กำหนดให้ประเทศต่าง ๆ แสดงเจตนารับคราวละ 10 ปี เชื่อไหมว่าประเทศไทยไม่เคยรับอำนาจ ICJ อย่างเป็นทางการเลย เคยแต่รับอำนาจศาลประจำยุติธรรมระหว่างประเทศ (PCIJ) หรืออาจจะเรียกว่าศาลโลกเก่า ซึ่งเป็นองค์กรในสังกัดองค์การสันนิบาตชาติที่ตั้งขึ้นในปี 2463 หลังจบสงครามโลกครั้งที่ 1 รวมแล้ว 3 ครั้ง - ครั้งที่ 1 ปี 2472 (ค.ศ. 1929) - ครั้งที่ 2 ปี 2483 (ค.ศ. 1940)- ครั้งที่ 3 ปี 2493 (ค.ศ. 1950) แต่มีปัญหาไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ตรงการต่ออายุการรับรองอำนาจศาลครั้งที่ 3 เพราะขณะนั้นสงครามโลกครั้งที่ 2 จบไปแล้ว 5 ปี ไม่มีสันนิบาตชาติอีกแล้ว ไม่มีศาล PCIJ อยู่แล้ว มีแต่องค์การสหประชาขาติและศาล ICJ แต่รัฐบาลไทยกลับส่งหนังสือประกาศยืนยันจากรัฐบาลไทยถึงเลขาธิการสหประชาชาติ “ขอต่ออายุการรับอำนาจศาล PCIJ” เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2493 จึงถูกวินิจฉัยในอีก 11 ปีต่อมาว่านั่นคือการยอมรับอำนาจศาล ICJ แล้ว กัมพูชาฟ้องไทยในคดีปราสาทพระวิหารเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2502 เหลืออีก 7 เดือนจะครบอายุ 10 ปีของประกาศรับอำนาจศาลเมื่อปี 2493 แม้ประเทศไทยจะต่อสู้คดีเบื้องต้นโดยการตัดฟ้องว่าเราไม่ได้ยอมรับอำนาจศาล ICJ ศาล ICJ จึงไม่มีอำนาจพิจารณา แต่ก็ไม่เป็นผล ศาล ICJ พิพากษาข้อโต้แย้งเบื้องต้นในปี 2504 ว่าประเทศไทยยอมรับอำนาจศาลแล้วในปี 2493 ประเทศไทยจึงจำเป็นต้องเดินหน้าต่อสู้คดีต่อไป และแพ้คดีปราสาทพระวิหารอย่างย่อยยับในปี 2505 ดังที่ทราบกันดี ไทยต้องขึ้นสู้คดีในศาล ICJ อีกครั้งในปี 2554 - 2556 แต่เป็นคดีเก่าเมื่อปี 2502 - 2505 เป็นคดีที่รัฐคู่ความยื่นขอตีความคำพิพากษาในคดีปราสาทพระวิหารเมื่อปี 2505 จากข้อเท็จจริงที่ประเทศไทยต้องขึ้นต่อสู้คดีในศาล ICJ ทั้ง 2 ครั้ง กัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มก่อนทั้งสิ้นนั้นจึงเชื่อว่ากัมพูชาต้องการใช้ศาล ICJ แก้ปัญหาเขตแดนกับไทยอีกต่อไป ทุกประการผ่านการวางแผนมา แม้กรทั่งประเด็นเขตไหล่ทวีปในอ่าวไทย ผมเชื่อว่าการที่กัมพูชาประกาศกฤษฎีกากำหนดเขตไหล่ทวีปมารุกล้ำอธิปไตยของเกาะกูดเมื่อปี 2515 ก็ผ่านการคิดคำนวณมาอย่างดีแล้วว่าจะพยายามให้จุดสุดท้ายไปจบที่ศาล ICJ และประเทศเขาจะได้เปรียบอีกครั้ง นี่จึงเป็นเรื่องที่ประเทศไทยต้องมีทีท่าที่หนักแน่นและชัดเจน โดยรัฐบาลไทยต้องเป็นผู้นำในเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ไม่ว่าเหตุผิดเพี้ยนของรัฐบาลไทยในปี 2493 จะเกิดขึ้นเพราะอะไร รัฐบาลไทยมีเจตนาที่แท้จริงอย่างไรต่ออำนาจศาล ICJ ที่เพิ่งเกิดขึ้นในขณะนั้นไม่นาน มันจบไปแล้ว ผู้รับผิดชอบทุกระดับคงไม่มีใครเหลือมีชีวิตอยู่แล้ว แต่ความจริงแท้แน่นอนคือประเทศไทยไม่ได้รับอำนาจศาล ICJ มาตั้งแต่ปี 2503 คดีปราสาทพระวิหารที่กัมพูชาเริ่มฟ้องในปี 2502 เป็นคดีแรกและคดีสุดท้ายที่เราอยู่ภายใต้อำนาจศาล เป็นคดีประวัติศาสตร์ที่มีถึง 2 ภาคภายในระยะเวลากว่า 60 ปี มติคณะรัฐมนตรีวันที่ 12 มีนาคม 2567 ยืนยันจุดยืนของประเทศไทยได้ชัดเจน คณะรัฐมนตรีลงมติเป็นหลักการเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2567 ให้แจ้งไปยังทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐให้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดว่าในกรณีที่มีความจำเป็นต้องจัดทำหนังสือสัญญาซึ่งมีข้อบทให้อำนาจศาล ICJ มีเขตอำนาจเหนือข้อพิพาทตามหนังสือสัญญานั้น ให้จัดทำข้อสงวนไม่รับอำนาจของศาล ICJ ไว้ทุกเรื่อง เพื่อมิให้กระทบต่ออำนาจอธิปไตยของชาติ ย้ำ - เพื่อมิให้กระทบต่ออำนาจอธิปไตยของชาติ ! วันที่ 15 และ 19 มีนาคม 2567 มีการแจ้งมติคณะรัฐมนตรีไปยังทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ ทั้งนี้ เป็นไปตามข้อสังเกตเชิงข้อเสนอมาจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2566 ประเด็นนี้ต้องขอชื่นชมทั้งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและรัฐบาลพรรคเพื่อไทยชุดนายเศรษฐา ทวีสิน ผมคาดการณ์อยู่แล้วว่ากัมพูชาต้องมามุกเดิมยืมมือศาล ICJ อีกแน่ในอนาคต จึงขยายความเรื่องนี้โดยการตั้งกระทู้ถามสดในวุฒิสภา เป็นการตั้งกระทู้สดถามนายกรัฐมนตรีในที่ประชุมวุฒิสภา เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2567 พ.ต.ท.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในขณะนั้น ได้รับมอบหมายให้มาเป็นผู้มาตอบแทน ในวันนั้นผมได้ใช้เป็นโอกาสกล่าวเทิดเกียรติท่านอาจารย์ ดร.สมปอง สุจริตกุล ที่ยืนหยัดปฏิเสธอำนาจศาล ICJ มาโดยตลอดชีวิตท่านด้วย แม้ดูเหมือนว่าคนไทยจะสบายใจได้ในระดับสำคัญ ขอแต่เพียงรัฐบาล ไม่ว่ารัฐบาลนี้หรือรัฐบาลไหนในอนาคต อย่าได้ยกเลิกหลักการสำคัญยิ่งอันเป็นมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 12 มีนาคม 2567 นี้ อย่าให้ซ้ำรอยความผิดพลาดในอดีตก็แล้วกัน - ไม่ว่าการออกประกาศต่ออายุการรับอำนาจศาล PCIJ ในปี 2493 ทั้งที่ไม่มีศาล PCIJ อยู่แล้วหลายปี - หรือใกล้ ๆ หน่อย การที่เคยมีมติ ครม.ชุดปลายปี 2552 ให้ยกเลิก MOU 2544 และมอบให้กระทรวงการต่างประเทศไปศึกษาวิธีการยกเลิก แต่ศึกษากันยาวนาน 5 ปี จนถึงปลายปี 2557 กลับมีมติคณะรัฐมนตรีอีกชุดหนึ่งให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีชุดปี 2552 ให้กลับมาใช้ MOU 2544 เป็นกรอบการเจรจากับกัมพูชาอีก อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ! เพราะมติ ครม.นั้นเปลี่ยนแปลงได้โดยมติ ครม.ที่เกิดขึ้นภายหลัง นโยบายในแต่ละยุคแต่ละรัฐบาลอาจต่างกันได้ รัฐบาลเพื่อไทยยุคนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร อาจเห็นต่างจากรัฐบาลเพื่อไทยยุคนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ผมจึงเสนอให้นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร แสดงท่าทีให้ชัด ออกมาพูดชี้แจงกับคนไทย และตอบพ่อลูกตระกูลฮุน คำนูณ สิทธิสมาน5 มิถุนายน 2568 อ่านข่าว ชัยชนะ "เขาพระวิหาร" แรงบันดาลใจ กัมพูชายื่นคดีสู่ "ศาลโลก" รัฐบาลไทยย้ำปกป้องอธิปไตย-แก้ปัญหาชายแดน "ไทย-กัมพูชา" สันติวิธี มท.แจ้งด่วนผู้ว่าฯ 7 จว.ชายแดนไทย-กัมพูชา ดูแลความปลอดภัย ปชช. นักวิชาการแนะวิธีแก้เกม "กัมพูชา" ปมพิพาทเขตแดน "รังสิมันต์" ติงรัฐบาลสื่อสารปมกัมพูชาช้า ชี้เจรจา 14 มิ.ย.หวั่นไทยเสียเปรียบ
วันนี้ (5 มิ.ย.2568) นายคำนูณ สิทธิสมาน อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์เฟซบุ๊ก Kamnoon Sidhisamarn ระบุข้อความว่า ย้อนรอยมหากาพย์แห่งความเจ็บปวด ประเทศไทยกับศาลโลก ICJ อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย สวนทางก