Home
|
ดั ม มี่ ควาย ดั ม มี่ ควาย

วันนี้ (14 ก.พ.2568) นายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัต

ดั ม มี่ ควาย ดั ม มี่ ควาย

ต้องยอมถอย แม้ใจจะยังอยู่ที่เดิม แม้ "บิ๊กอ้วน" ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะออกมาโบ้ยเรื่องการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ประเด็นกรอบจริยธรรม เกิดจาก

วันนี้ (4 ก.ย.2567) ศูนย์วิจัยกรุงศรี วิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยว่าภาคการท่องเที่ยว และส่งออกยังคงเป็นพระเอกในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 3 จากอุปสงค์จากต่

ต้องยอมถอย แม้ใจจะยังอยู่ที่เดิม แม้ "บิ๊กอ้วน" ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะออกมาโบ้ยเรื่องการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ประเด็นกรอบจริยธรรม เกิดจากหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่เป็นผู้ริเริ่มว่าเรื่องนี้จบแล้ว ไม่มีอะไร และ พรรคร่วมรัฐบาล ยังไม่ได้คุยกันก็จริง หากสำรวจทีท่าของ "มท.หนู" อนุทิน ชาญวีระกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ที่ออกมาปฏิเสธทันควันว่า หัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ ไม่ใช่ตนเอง และเราก็ไม่เคยกลับลำ ซึ่งการทำงานก็ต้องมีการหารือกัน โดยเมื่อวานก็มีการหารือกัน และเห็นว่าเรื่องนี้ยังไม่ใช่เรื่องสำคัญเร่งด่วน ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติที่ส่ง "บุ๊ง" อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ โฆษกพรรคฯ ออกมาแถลงจุดยืน ไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนของมาตรฐานทางจริยธรรมของนักการเมือง ทำให้เพื่อไทย ถึงกับต้องใส่เกียร์ถอยไปตั้งหลักใหม่ งานนี้จะเป็นแผนแดงร่วมส้ม "ต้ม" เหลือง หรือไม่ก็ตาม แต่ "สมชัย ศรีสุทธิยากร" อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ชำแหละ 4 เหตุผลที่เพื่อไทยถอยว่า โดยระบุว่า มี 4 เหตุผลที่พอเข้าใจได้ คือ 1.ประชาชนไม่เอาด้วย เพียงแค่โยนหินถามทาง ก็โดนขว้างก้อนอิฐสวนว่า แก้เพื่อตนเอง ไม่เข้าท่า 2.พรรคร่วมเอาหล่อ การมองกระแสสังคมออก เดินต่อได้ยาก จึงออกมาเอาหล่อ ด้วยการทยอยแถลงจุดยืนไม่เอาด้วย ไม่ว่าจะเป็นภูมิใจไทย รวมไทยสร้างชาติที่เสียงแข็ง หรืออ้อมแอ้มแบบประชาธิปัตย์ 3.โอกาสผ่านวาระหนึ่งยาก เนื่องจากต้องใช้เสียงเกินครึ่งของที่ประชุมรัฐสภา และในจำนวนดังกล่าวต้องมี สว.เห็นชอบด้วย 1 ใน 3 หรือ 67 คนขึ้นไป โดยโฟกัสได้ที่ สว. สายสีน้ำเงิน มีแนวโน้มไม่เอาด้วย 4.กรอบเวลาที่มีอยู่ไม่เพียงพอ หากจะทำประชามติให้ทันต้นเดือน ก.พ.2568 ที่ประชุมรัฐสภา ต้องผ่าน 3 วาระให้ทันในสมัยประชุมนี้ ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 ต.ค.2567 เพราะตาม กม.ประชามติ ต้องมีเวลาไม่น้อยกว่า 60 วัน ก่อนวันลงประชามติ ซึ่งหากจะจัดพร้อมกับการเลือก ส.อบจ. ที่คาดว่าจะมีขึ้นในวันที่ 2 ก.พ.2568 ประธานรัฐสภาต้องส่งเรื่องถึง ครม. ภายในวันที่ 4 ธ.ค.2567 เมื่อทำไปก็ไม่หล่อ เวลาจะทำก็ไม่ทัน เพื่อนก็ชิงหล่อไปแล้วหลายพรรค เนื้อไม่ได้กิน เรื่องอะไรจะเอากระดูกมาแขวนคอ มองขาด ไม่ต่างจาก "เทพไท เสนพงศ์" อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ "ไอ้เสือถอย!!!" ระบุว่า เคยเสนอความเห็น ไม่ควรที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราคู่ขนานไปกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ หากพรรคเพื่อไทยมีความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยจริง ตามที่เคยประกาศไว้สมัยเป็นฝ่ายค้าน ก็ต้องรีบเร่งผลักดัน ให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างจริงจัง ไม่ใช่ซื้อเวลาไปเรื่อย ๆ หวังที่จะให้นำเอาวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นตัวประกันวาระอายุของรัฐบาล ต้องการอยู่ให้ครบวาระ 4 ปี ควรเริ่มต้นแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเร่งทำประชามติสอบถามความเห็นของประชาชน และเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ โดยปราศจากเงื่อนไข ขอให้ ส.ส.ร. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง เป็นคนกำหนดกรอบ เงื่อนไข และเนื้อหาของรัฐธรรมนูญทั้งหมด เพราะเป็นผู้ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง จะทำให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ยึดโยงกับปดั ม มี่ ควาย ดั ม มี่ ควายระชาชน เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง เทพไท บอกว่า หากยังดึงดันที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา โดยเฉพาะประเด็นประมวลจริยธรรมของนักการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน อาจจะนำมาสู่ความขัดแย้งของสังคมอีกครั้งหนึ่ง ไม่หยุด "พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์" อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย และอดีต สส.พรรคเพื่อไทย ออกมาเปิดโพย สถิติการเข้าประชุมที่ผ่านมาของ "ลุงป้อม"  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.2566 - 19 ก.ย.2567 ว่ามีการประชุมทั้งหมด 95 ครั้ง ขาดประชุม 84 ครั้ง เฉพาะช่วงวันที่ 3 ก.ค.2567 - 19 ก.ย.2567 ช่วงระยะเวลา 3 เดือน มีการประชุม 27 ครั้ง แต่ผลการมาประชุมของ พล.อ.ประวิตร เป็นศูนย์ และช่วงวันที่ 13 ธ.ค.2566 - 3 เม.ย.2567 มีการประชุม 33 ครั้ง เข้าประชุม 4 ครั้ง ขาดประชุม 29 ครั้ง ซึ่งในใบลาอ้างติดภารกิจ โดย "พร้อมพงศ์" ระบุว่าเป็นการกระทำที่ไม่คุ้มภาษีประชาชน ไม่ได้ทำหน้าที่ ตัวแทนประชาชนอย่างเต็มที่ อ่านข่าว เหนือเตรียมรับมือ! 4 เขื่อนใหญ่ระดับน้ำล้นขั้นวิกฤต จับตาลายพรางหลัง "บิ๊กต่อ" เกษียณ สมช.เบียดแรง "ฉัตรชัย" อาจชวด ยกฟ้อง "ชาญ" อุทธรณ์ค่าสินไหม 2.3 ล้านคดีเครื่องออกกำลังกาย "บิ๊กต่อ" โบกมือลา ผบ.ตร. รอเคาะ "พิทักษ์ 1" คนใหม่หลัง 5 ต.ค.

วันนี้ (9 เม.ย.2564) นายเหล่าธรรมทัศน์ รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวในงานแถ

แบตเตอรี่รถยนต์เก่าอาจถูกทิ้งให้กลายเป็นขยะเมื่อหมดอายุการใช้งาน แต่บริษัทสตาร์ตอัปเยอรมัน-อินเดีย ไ

วันนี้ (3 ก.พ.2566) คณะกรรมการการเลือกตั้งได้ออกประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง การแบ่งเขตเลือกต

ต้องยอมถอย แม้ใจจะยังอยู่ที่เดิม แม้ "บิ๊กอ้วน" ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะออกมาโบ้ยเรื่องการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ประเด็นกรอบจริยธรรม เกิดจากหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่เป็นผู้ริเริ่มว่าเรื่องนี้จบแล้ว ไม่มีอะไร และ พรรคร่วมรัฐบาล ยังไม่ได้คุยกันก็จริง หากสำรวจทีท่าของ "มท.หนู" อนุทิน ชาญวีระกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ที่ออกมาปฏิเสธทันควันว่า หัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ ไม่ใช่ตนเอง และเราก็ไม่เคยกลับลำ ซึ่งการทำงานก็ต้องมีการหารือกัน โดยเมื่อวานก็มีการหารือกัน และเห็นว่าเรื่องนี้ยังไม่ใช่เรื่องสำคัญเร่งด่วน ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติที่ส่ง "บุ๊ง" อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ โฆษกพรรคฯ ออกมาแถลงจุดยืน ไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนของมาตรฐานทางจริยธรรมของนักการเมือง ทำให้เพื่อไทย ถึงกับต้องใส่เกียร์ถอยไปตั้งหลักใหม่ งานนี้จะเป็นแผนแดงร่วมส้ม "ต้ม" เหลือง หรือไม่ก็ตาม แต่ "สมชัย ศรีสุทธิยากร" อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ชำแหละ 4 เหตุผลที่เพื่อไทยถอยว่า โดยระบุว่า มี 4 เหตุผลที่พอเข้าใจได้ คือ 1.ประชาชนไม่เอาด้วย เพียงแค่โยนหินถามทาง ก็โดนขว้างก้อนอิฐสวนว่า แก้เพื่อตนเอง ไม่เข้าท่า 2.พรรคร่วมเอาหล่อ การมองกระแสสังคมออก เดินต่อได้ยาก จึงออกมาเอาหล่อ ด้วยการทยอยแถลงจุดยืนไม่เอาด้วย ไม่ว่าจะเป็นภูมิใจไทย รวมไทยสร้างชาติที่เสียงแข็ง หรืออ้อมแอ้มแบบประชาธิปัตย์ 3.โอกาสผ่านวาระหนึ่งยาก เนื่องจากต้องใช้เสียงเกินครึ่งของที่ประชุมรัฐสภา และในจำนวนดังกล่าวต้องมี สว.เห็นชอบด้วย 1 ใน 3 หรือ 67 คนขึ้นไป โดยโฟกัสได้ที่ สว. สายสีน้ำเงิน มีแนวโน้มไม่เอาด้วย 4.กรอบเวลาที่มีอยู่ไม่เพียงพอ หากจะทำประชามติให้ทันต้นเดือน ก.พ.2568 ที่ประชุมรัฐสภา ต้องผ่าน 3 วาระให้ทันในสมัยประชุมนี้ ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 ต.ค.2567 เพราะตาม กม.ประชามติ ต้องมีเวลาไม่น้อยกว่า 60 วัน ก่อนวันลงประชามติ ซึ่งหากจะจัดพร้อมกับการเลือก ส.อบจ. ที่คาดว่าจะมีขึ้นในวันที่ 2 ก.พ.2568 ประธานรัฐสภาต้องส่งเรื่องถึง ครม. ภายในวันที่ 4 ธ.ค.2567 เมื่อทำไปก็ไม่หล่อ เวลาจะทำก็ไม่ทัน เพื่อนก็ชิงหล่อไปแล้วหลายพรรค เนื้อไม่ได้กิน เรื่องอะไรจะเอากระดูกมาแขวนคอ มองขาด ไม่ต่างจาก "เทพไท เสนพงศ์" อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ "ไอ้เสือถอย!!!" ระบุว่า เคยเสนอความเห็น ไม่ควรที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราคู่ขนานไปกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ หากพรรคเพื่อไทยมีความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยจริง ตามที่เคยประกาศไว้สมัยเป็นฝ่ายค้าน ก็ต้องรีบเร่งผลักดัน ให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างจริงจัง ไม่ใช่ซื้อเวลาไปเรื่อย ๆ หวังที่จะให้นำเอาวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นตัวประกันวาระอายุของรัฐบาล ต้องการอยู่ให้ครบวาระ 4 ปี ควรเริ่มต้นแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเร่งทำประชามติสอบถามความเห็นของประชาชน และเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ โดยปราศจากเงื่อนไข ขอให้ ส.ส.ร. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง เป็นคนกำหนดกรอบ เงื่อนไข และเนื้อหาของรัฐธรรมนูญทั้งหมด เพราะเป็นผู้ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง จะทำให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ยึดโยงกับปดั ม มี่ ควาย ดั ม มี่ ควายระชาชน เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง เทพไท บอกว่า หากยังดึงดันที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา โดยเฉพาะประเด็นประมวลจริยธรรมของนักการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน อาจจะนำมาสู่ความขัดแย้งของสังคมอีกครั้งหนึ่ง ไม่หยุด "พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์" อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย และอดีต สส.พรรคเพื่อไทย ออกมาเปิดโพย สถิติการเข้าประชุมที่ผ่านมาของ "ลุงป้อม"  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.2566 - 19 ก.ย.2567 ว่ามีการประชุมทั้งหมด 95 ครั้ง ขาดประชุม 84 ครั้ง เฉพาะช่วงวันที่ 3 ก.ค.2567 - 19 ก.ย.2567 ช่วงระยะเวลา 3 เดือน มีการประชุม 27 ครั้ง แต่ผลการมาประชุมของ พล.อ.ประวิตร เป็นศูนย์ และช่วงวันที่ 13 ธ.ค.2566 - 3 เม.ย.2567 มีการประชุม 33 ครั้ง เข้าประชุม 4 ครั้ง ขาดประชุม 29 ครั้ง ซึ่งในใบลาอ้างติดภารกิจ โดย "พร้อมพงศ์" ระบุว่าเป็นการกระทำที่ไม่คุ้มภาษีประชาชน ไม่ได้ทำหน้าที่ ตัวแทนประชาชนอย่างเต็มที่ อ่านข่าว เหนือเตรียมรับมือ! 4 เขื่อนใหญ่ระดับน้ำล้นขั้นวิกฤต จับตาลายพรางหลัง "บิ๊กต่อ" เกษียณ สมช.เบียดแรง "ฉัตรชัย" อาจชวด ยกฟ้อง "ชาญ" อุทธรณ์ค่าสินไหม 2.3 ล้านคดีเครื่องออกกำลังกาย "บิ๊กต่อ" โบกมือลา ผบ.ตร. รอเคาะ "พิทักษ์ 1" คนใหม่หลัง 5 ต.ค.

ตลอดสัปดาห์โผ ครม.เศรษฐา 1 ภายใต้การนำของเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ถูกจับจ้องบรรดาคอการเมืองชนิดหลั