จากกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิท

เพจเฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 5.2 โพสต์ระบุข้อความที่มีใจความว่า ไม่หลบรถฉุกเฉินที่มีผู้ป่วยเคสสีแดง แถมยังมีวิวาทะกับเจ้าหน้าที่และยังขับเหมือนแกล้งขวางอีก หวังว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้
วันนี้ (13 ต.ค.2566) นางหนูพันธ์ ไชยโก แม่ของ นายกิตติพงษ์ ไชยโก ชาวบ้าน ต.บ้านขาม อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู 1ใน 15 แรงงานไทยในอิสราเอล ที่เดินทางกลับบ้านกลุ่มแรก ผูกแขน และเข้าสวมกอดลูกชาย ด้วยความดีใจ ท
เพจเฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 5.2 โพสต์ระบุข้อความที่มีใจความว่า ไม่หลบรถฉุกเฉินที่มีผู้ป่วยเคสสีแดง แถมยังมีวิวาทะกับเจ้าหน้าที่และยังขับเหมือนแกล้งขวางอีก หวังว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จะตรวจสอบดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายด้วย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วงเช้า วันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่จากศูนย์กู้ชีพกำลังเคลื่อนย้ายผู้ป่วยหญิง อายุ 73 ปี ที่หมดสติไปรักษาพยาบาล แต่รถกระบะคันดังกล่าว ไม่หลบรถฉุกเฉินที่เปิดไฟและเปิดไซเรน จนกระทั่งถึงไฟแดงหนองสาหร่าย รถกระบะก็ยังไม่หลบ แถมยังลงมาพูดจาในลักษณะที่ว่าตนเองเป็นตำรวจ ล่าสุด มีรายงานว่า พ.ต.อ.ภูไท เชาว์สูงเนิน ผกก.สภ.ด่านขุนทด ระบุว่าชายในคลิปเป็นตำรวจที่ สภ.ด่านขุนทด ยศ ร.ต.ต.ตำแหน่ง รองสารวัตรฝ่ายสืบสวน ผู้ก่อเหตุอ้างว่า เช้าวันเกิดเหตุต้องเดินทางไปรับภรรยาที่เขาใหญ่ ขณะผ่าน อ.ปากช่อง สังเกตว่ามีรถพยาบาลฉุกเฉินตามมา ด้วยความที่ยังรู้สึกง่วงและเพลีย เนื่องจากพักผ่อนไม่เต็มที่ กำลังคิดว่าจะหลบไปซ้ายหรือทางขวาดี เพราะไม่รู้ว่ารถพยาบาลจะเบี่ยงไปทางไหน จึงยังไม่ได้หลบทางให้รถพยาบาล จึงเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ต่อมาวันที่ 5 ธ.ค. ทาง สภ.ปากช่อง ได้นัดให้ตำรวจที่ก่อเหตุมาขอosaka livescoreโทษกับเจ้าหน้าที่ แต่ปรากฏว่าไม่ได้มาตามนัดและยังไม่ได้เสียค่าปรับ โดยอ้างว่าติดการสอบข้อเท็จจริงกับผู้บังคับบัญชา ส่วนอาการของผู้ป่วยในรถพยาบาล ขณะนี้ยังไม่พ้นวิกฤต ข้อมูลจาก กองปราบปราม ระบุว่า "เจตนาไม่หลบรถพยาบาลขณะขับรถส่งผู้ป่วย ระวังเจอข้อหาฆ่าผู้อื่น!!" FB : กองปราบปราม FB : กองปราบปราม การขับรถกีดขวางเส้นทางรถพยาบาลนั้น เข้าข่ายผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก มาตรา 76 ระบุว่า เมื่อเห็นรถฉุกเฉินในขณะปฏิบัติหน้าที่ใช้ไฟสัญญาณแสงวับวาบ หรือได้ยินเสียงสัญญาณไซเรน จะต้องให้รถฉุกเฉินผ่านไปก่อน หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท นอกจากนี้ ผู้ที่ขับรถกีดขวางรถพยาบาลก็อาจจะถูกตั้งข้อหาหนักตามมาอีกด้วย ถ้าหากการกระทำนั้นเป็น"เหตุโดยตรง" ที่ทำให้ผู้เจ็บป่วยในรถพยาบาลถึงแก่ชีวิต อาจเข้าข่ายกระทำความผิดโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย หรือกระทำโดยเจตนาเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งขึ้นอยู่กับพฤติการณ์ของผู้ขับรถ
วันนี้ (21 ม.ค.2568) เวลา 07.00 น.ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ รายงานการติดตามตรวจสอบคุณภา
วันนี้ (27 ก.ค.2565) นพ.กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงการส่งตัวชายไ
เอ็มมา เฮมิง วิลลิส ภรรยาของ บรูซ แถลงว่า หลังจากที่เคยแถลงไปก่อนหน้านี้ว่า บรูซ มีภาวะพิการทางสมองใ
เพจเฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 5.2 โพสต์ระบุข้อความที่มีใจความว่า ไม่หลบรถฉุกเฉินที่มีผู้ป่วยเคสสีแดง แถมยังมีวิวาทะกับเจ้าหน้าที่และยังขับเหมือนแกล้งขวางอีก หวังว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จะตรวจสอบดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายด้วย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วงเช้า วันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่จากศูนย์กู้ชีพกำลังเคลื่อนย้ายผู้ป่วยหญิง อายุ 73 ปี ที่หมดสติไปรักษาพยาบาล แต่รถกระบะคันดังกล่าว ไม่หลบรถฉุกเฉินที่เปิดไฟและเปิดไซเรน จนกระทั่งถึงไฟแดงหนองสาหร่าย รถกระบะก็ยังไม่หลบ แถมยังลงมาพูดจาในลักษณะที่ว่าตนเองเป็นตำรวจ ล่าสุด มีรายงานว่า พ.ต.อ.ภูไท เชาว์สูงเนิน ผกก.สภ.ด่านขุนทด ระบุว่าชายในคลิปเป็นตำรวจที่ สภ.ด่านขุนทด ยศ ร.ต.ต.ตำแหน่ง รองสารวัตรฝ่ายสืบสวน ผู้ก่อเหตุอ้างว่า เช้าวันเกิดเหตุต้องเดินทางไปรับภรรยาที่เขาใหญ่ ขณะผ่าน อ.ปากช่อง สังเกตว่ามีรถพยาบาลฉุกเฉินตามมา ด้วยความที่ยังรู้สึกง่วงและเพลีย เนื่องจากพักผ่อนไม่เต็มที่ กำลังคิดว่าจะหลบไปซ้ายหรือทางขวาดี เพราะไม่รู้ว่ารถพยาบาลจะเบี่ยงไปทางไหน จึงยังไม่ได้หลบทางให้รถพยาบาล จึงเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ต่อมาวันที่ 5 ธ.ค. ทาง สภ.ปากช่อง ได้นัดให้ตำรวจที่ก่อเหตุมาขอosaka livescoreโทษกับเจ้าหน้าที่ แต่ปรากฏว่าไม่ได้มาตามนัดและยังไม่ได้เสียค่าปรับ โดยอ้างว่าติดการสอบข้อเท็จจริงกับผู้บังคับบัญชา ส่วนอาการของผู้ป่วยในรถพยาบาล ขณะนี้ยังไม่พ้นวิกฤต ข้อมูลจาก กองปราบปราม ระบุว่า "เจตนาไม่หลบรถพยาบาลขณะขับรถส่งผู้ป่วย ระวังเจอข้อหาฆ่าผู้อื่น!!" FB : กองปราบปราม FB : กองปราบปราม การขับรถกีดขวางเส้นทางรถพยาบาลนั้น เข้าข่ายผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก มาตรา 76 ระบุว่า เมื่อเห็นรถฉุกเฉินในขณะปฏิบัติหน้าที่ใช้ไฟสัญญาณแสงวับวาบ หรือได้ยินเสียงสัญญาณไซเรน จะต้องให้รถฉุกเฉินผ่านไปก่อน หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท นอกจากนี้ ผู้ที่ขับรถกีดขวางรถพยาบาลก็อาจจะถูกตั้งข้อหาหนักตามมาอีกด้วย ถ้าหากการกระทำนั้นเป็น"เหตุโดยตรง" ที่ทำให้ผู้เจ็บป่วยในรถพยาบาลถึงแก่ชีวิต อาจเข้าข่ายกระทำความผิดโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย หรือกระทำโดยเจตนาเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งขึ้นอยู่กับพฤติการณ์ของผู้ขับรถ
วันนี้ (26 พ.ค.2566) จากกรณีการดำรงตำแหน่งประธานสภา ที่ขณะนี้พรรคร่วมรัฐบาล ทั้งพรรคก้าวไกลและพรรคเพ