จากกรณีที่มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากโควิด - 19 ของธนาคารแห่งประเทศไทย จะสิ้นส

วันนี้ (9 ธ.ค.66) นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ขึ้นเวทีกล่าวปิดการประชุมว่า ในฐานะตัวแทนกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ขอขอบคุณนายชวน หลีกภัย, นายบัญญัติ บรรทัดฐาน, นายจุรินทร์ ลัก

จากกรณีที่มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากโควิด - 19 ของธนาคารแห่งประเทศไทย จะสิ้นสุดในปีนี้ทำให้มีความกังวลว่าหนี้เสียในระบบจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ผู้ให้บริการทางการเงินจำนวนหนึ่ง ไม่เชื่อว่า จะเกิดระเบิดหนี้เสียรุนแรง หลังหมดมาตรการรัฐอุ้มลูกหนี้ช่วงโควิด-19 เนื่องจากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวชัดเจน ผู้ประกอบการได้เตรียมพร้อมรับมือแล้ว และประเมินว่า ลูกหนี้ยังผ่อนต่อได้ แม้สิ้นสุดมาตรการดังกล่าว บริษัท เงินติดล้อ เชื่อว่า หลังหมดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ไม่คิดว่าจะมีปัญหาหนี้เสียพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง เนื่องจากผู้ประกอบธุรกิจ ในกลุ่มนอนแบงก์เริ่มตระหนักและเตรียมรับมือด้านต้นทุนการดำเนินธุรกิจแล้ว นอกจากนี้ เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัว จะบรรเทาผลกระทบจากการสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ และในกรณีที่มีสัญญาณเชิงลบรุนแรง ธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ยังสามารถขยายมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ได้ สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของบริษัทในไตรมาส 1 ปี 2566 อยู่ที่ ร้อยละ 1.50 ปรับตัวลดลงเล็กน้อย จากร้อยละ 1.58 ณ สิ้นปี 2565 ซึ่งบริษัทมีสัดส่วนลูกหนี้ ที่เข้าร่วมโครงการช่วยเหลือลูกหนี้โควิด-19 ร้อยละ 1-1.5 ของพอร์ตสินเชื่อคงค้าง ด้าน บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล มองภาพรวมหลังจบมาตรการดังกล่าว ว่า NPL ในตลาดจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้กังวลเนื่องจากภาพเศรษฐกิจฟื้นตัวชัดเจนขึ้น ขณะเดียวกัน บริษัทมีการปรับตัวในการปล่อยสินเชื่อให้มีคุณภาพมากขึ้น รวมถึงมุ่งจัดการหนี้เสียและเร่งติดตามหนี้จากลูกค้า ส่วน NPL ของบริษัท ยังคงสูงขึ้นแต่เป็นอัตราการเพิ่มที่ช้าลงโดยไตรมาส 1 ปี 2566 อยู่ที่ ร้อยละ 3.17 ซึ่งมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่อยู่ร้อยละ 1.65 ทั้งนี้ บริษัทไม่มียอดลูกหนี้คงค้าง คงเหลือจากโครงการช่วยเหลือลูกหนี้โควิด-19 แล้ว อย่างไรก็ตาม NPL ที่มีโอกาสเร่งตัวขึ้นบวกกับมาตรการช่วยเหลือทางการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทยจะทยอยหมดลง โดย บริษัท แอพเพิล ออโต้ ออคชั่น ประเทศไทย ผู้จัดการประมูลรถรายใหญ่ ประเมินว่า การยึดรถและรถที่เป็นหนี้เสียจะไหลเข้าลานประมูลมากขึ้น คาดว่าปีนี้ จะกลับสู่ระดับปกติหรือประมาณ 150,000 - 180,000 คัน ขณะที่ปีก่อน มีรถยึดเข้ามาประมาณ 120,000 คัน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการช่วยเหลือของธนาคารแห่งประเทศไทย ยังมีอยู่ทำให้สถาบันการเงินชะลอการยึดรถ ด้าน บริษัท สยามอินเตอร์ การประมูล คาดว่า ตลาดรถยึดเข้าลานประมูลทั้งระบบในปีนี้จะเติบโตประมาณ ร้อยละ 20-30 เมื่อเทียบปี 2565 เนื่องจากมาตรการเยียวยาของภาครัฐ โดยเฉพาะการพักชำระหนี้กำลังจะหมดลงในกลางปีนี้ นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หรือ เครดิตบูโร เปิดเผยว่า ปัญหาหนี้เสียกลุ่มรถยนต์มีความน่าเป็นห่วงมากขึ้น โดยเครดิตบูโร เห็นสัญญาณลูกหนี้ "จ่ายหนี้แบบเลี้ยงงวด" ชัดเจน มาตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2564 ไตรมาสแรก ปี 2566 กลุ่มลูกหนี้ดังกล่าว มีมูลหนี้ราว 190,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลหนี้ 130,000 ล้านบาท และกลุ่มคนที่อยู่ในสถานะ "เลี้ยงงวด" มากที่สุด คือslot1688 jokerบา คา ร่า 888 ออนไลน์ คนเจน Y นายสุรพล ระบุว่า ไม่แปลกที่เห็นกรณี สินเชื่อรถยนต์ปล่อยกู้ยาก, มีผู้ถูกปฎิเสธสินเชื่อจำนวนมากจนส่งผลกระทบกับผู้ขายรถยนต์ เนื่องจากผู้บริโภคชาวไทยเน้นกู้เงินมาซื้อมากกว่าซื้อเงินสด ทั้งนี้ในอนาคตยังเชื่อว่า หนี้เสียจากรถยนต์จะเพิ่มขึ้นอีก จึงแนะนำให้มีการวางแผนการผ่อนก่อนซื้อรถยนต์

วันนี้ (20 พ.ค.2567) นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาส 1 ปี 2567 ขยายตัวที่ 1.5% ต่อปี มาจากการบริโภคภายในประเทศที่ยังขยายตัวได้สูง แล