Home
|
ปั้น บา คา ร่า ให้

วันนี้ (25 พ.ย.2565) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐ

ปั้น บา คา ร่า ให้

วันนี้ (13 พ.ย.2567) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Yong Poovorawan ระบุข้อความว่า จากกรณีข่

นะลอ บียาพาพันธ์ ชาวบ้านมูเซอใน ต.ม่อนจอง อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ หลายคนฝ่าเส้นทางลำบากจากดอยลงมาใช้เวลาเดินทางกว่า 4 ชั่วโมง เพื่อเดินทางมาลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ตในเมืองที่ธนาคารออมสิน อ่านข่าว #ทางรัฐ

ปัจจุบันนี้ "เวียดนาม" ติดอันดับ 1 ใน 20 ประเทศที่นำเข้าอาวุธมากที่สุดในโลกและเคยไต่อันดับขึ้นสูงสุดถึงอันดับ 8 ของโลกเมื่อ 6 ปีที่แล้ว (2016) โดยในแต่ละปี รัฐบาลเวียดนามจะทุ่มเงินเพื่อจัดซื้ออาวุธนับพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แม้ว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมายอดคำสั่งซื้อจะลดลง เนื่องจากโควิด-19 แต่ประเทศนี้ก็ยังเป็นประเทศเนื้อหอมในหมู่บริษัทค้าอาวุธข้ามชาติ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ซึ่งสภาธุรกิจสหรัฐฯ-อาเซียน เปิดเผยว่า บริษัทผู้พัฒนาอาวุธสัญชาติอเมรปั้น บา คา ร่า ให้ิกัน 5 บริษัท ได้เข้าพูดคุยกับเจ้าหน้าที่กระทรวงความมั่นคงสาธารณะและกระทรวงกลาโหมแห่งชาติเวียดนาม ระหว่างที่มาร่วมออกบูธในงานจัดแสดงอาวุธ ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่กรุงฮานอยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่การพูดคุยครั้งนี้มีนัยสำคัญอะไร? แม้จะเป็นการหารือในเบื้องต้นและไม่ได้รับประกันว่าจะมีการตกลงซื้อขายอาวุธกันหรือไม่ แต่นักวิเคราะห์มองว่าการพูดคุยครั้งนี้เปรียบเสมือนการเปิดศักราชใหม่ของกองทัพเวียดนาม ที่จะเปิดกว้างกับอาวุธสัญชาติอเมริกันมากขึ้น และส่งสัญญาณว่า เวียดนามพร้อมยกระดับความสัมพันธ์ด้านกลาโหมกับสหรัฐฯ ให้แน่นแฟ้นมากขึ้น การหารือดังกล่าวมีการพูดถึงการจัดซื้ออาวุธหลายประเภท รวมถึงเฮลิคอปเตอร์เพื่อใช้ในงานด้านความมั่นคงภายใน และยังรวมถึง โดรน เรดาร์และระบบอื่นๆ เพื่อเฝ้าระวังและรักษาความปลอดภัยของประเทศ ทั้งทางบก ทางน้ำและอากาศ ขณะที่ นายกฯ เวียดนาม พูดชัดเจนบนเวทีระหว่างกล่าวเปิดงานว่า เวียดนามหวังที่จะสร้างความร่วมมือและเปิดทางให้ประเทศ สามารถจัดหาอาวุธจากผู้ผลิตที่มีความหลากหลายมากขึ้นได้ หลังจากเวียดนามพยายามที่จะพัฒนากองทัพให้มีความทันสมัย ปัจจุบัน แทบจะเรียกได้ว่า "รัสเซีย" เป็นประเทศที่ผูกขาดการส่งอาวุธให้กับเวียดนาม โดยข้อมูลจากสถาบันวิจัยสันติภาพระหว่างประเทศสตอกโฮล์มชี้ว่า ระหว่างปี 1995-2021 เวียดนามนำเข้าอาวุธจากรัสเซียทุกปี ซึ่งมีสัดส่วนคิดเป็นมากกว่าร้อยละ 80 ของการนำเข้าทั้งหมด ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่างอิสราเอลแบบไม่เห็นฝุ่น ตัวเลขเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า กองทัพเวียดนามพึ่งพิงอาวุธจากรัสเซียแทบจะทั้งหมด โดยสาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาวุธและระบบต่างๆ ที่กองทัพมีอยู่เดิม ใช้มาตั้งแต่สมัยสงครามเย็น ซึ่งเวียดนามได้รับการสนับสนุนจากอดีตสหภาพโซเวียต ทำให้การเปลี่ยนไปใช้ระบบตะวันตกมีต้นทุน ทั้งเรื่องเงินและทรัพยากรคน นอกจากนี้ยังรวมถึงความพยายามในการซื้ออาวุธจากชาติตะวันตกที่ล้มเหลวในช่วงก่อนหน้านี้ 1 ในความล้มเหลวในการเจรจาขอซื้ออาวุธจากชาติตะวันตก คือ ความพยายามในการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ "มิราจ-2000" จากฝรั่งเศสในช่วงทศวรรษที่ 1990 ซึ่งเป็นช่วงที่เวียดนามต้องการพัฒนากองทัพให้ทันสมัย หลังจากจีนเริ่มยกเครื่องกองทัพอากาศ โดยหันไปซื้อเครื่องบินรบจากรัสเซีย ทำให้เวียดนามไม่มีทางเลือก แต่การจัดซื้ออาวุธที่ดูเป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับหลายประเทศ กลับไม่ง่ายแบบนั้นสำหรับเวียดนาม ซึ่งกำลังถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตร ทำให้การซื้ออาวุธจากชาติตะวันตกประสบปัญหา ในขณะที่ สงครามรัสเซีย-ยูเครน ยิ่งทำให้เวียดนามตระหนักถึงความจำเป็นในการจัดหาอาวุธจากหลายแหล่ง เพราะการหวังพึ่งรัสเซียอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ถูกนักในช่วงนี้ ในอดีตนั้นการทำสงครามของรัสเซียเคยส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอาวุธเวียดนามไม่น้อย เช่น กรณีรัสเซียผนวกรวมไครเมียเมื่อปี 2014 ทำให้การจัดซื้อชิ้นส่วนอาวุธของเวียดนามจากยูเครนต้องหยุดชะงักในปี 2016 สหรัฐฯ ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรเวียดนาม ทำให้บริษัทผู้ผลิตอาวุธสัญชาติอเมริกันสามารถเข้ามาทำการค้ากับเวียดนามได้ ซึ่งในเวลาเพียงไม่กี่ปี สหรัฐฯ ก็ก้าวขึ้นมาเป็นประเทศที่ส่งอาวุธให้เวียดนามมากเป็นอันดับ 5 ขณะที่สัดส่วนการนำเข้าอาวุธจากรัสเซียลดลงเหลือประมาณร้อยละ 55 เท่านั้น ซึ่งจุดนี้ก็สะท้อนให้เห็นถึงยุทธศาสตร์การจัดหาอาวุธของกองทัพเวียดนามที่เริ่มปรับเปลี่ยนมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่การจะหันไปซื้ออาวุธจากสหรัฐฯ ไม่ใช่ว่าจะไม่มีอุปสรรค เนื่องจากปัจจัยแรกคือ ราคาอาวุธอเมริกันสูงกว่าหลายชาติ แถมยังอาจจะต้องมาปรับเปลี่ยนระบบภายในของกองทัพด้วย หรือกำลังพลอาจจะยังไม่คุ้นชินกับระบบตะวันตก ขณะที่ต้องยอมรับว่า ยังมีโอกาสที่สหรัฐฯ จะคว่ำบาตรเวียดนามในอนาคตจากประเด็นสิทธิมนุษยชนด้วย ถึงจะมีแนวโน้วว่าเวียดนามจะตีจากรัสเซีย และหันมาซบอกสหรัฐฯ ในด้านอาวุธ แต่นักวิเคราะห์หลายคนเห็นตรงกันว่า ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวน่าจะเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะสหรัฐฯ เองก็ไม่ใช่ชาติเดียวที่เวียดนามสนใจ นอกจากนี้ยังมีอิสราเอล อินเดีย ยุโรป รวมถึงชาติในเอเชียอื่นๆ ด้วย

วันนี้ (22 มิ.ย.2566) กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกค

ปัจจุบันนี้ "เวียดนาม" ติดอันดับ 1 ใน 20 ประเทศที่นำเข้าอาวุธมากที่สุดในโลกและเคยไต่อันดับขึ้นสูงสุด

เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.2565 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า

ปัจจุบันนี้ "เวียดนาม" ติดอันดับ 1 ใน 20 ประเทศที่นำเข้าอาวุธมากที่สุดในโลกและเคยไต่อันดับขึ้นสูงสุดถึงอันดับ 8 ของโลกเมื่อ 6 ปีที่แล้ว (2016) โดยในแต่ละปี รัฐบาลเวียดนามจะทุ่มเงินเพื่อจัดซื้ออาวุธนับพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แม้ว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมายอดคำสั่งซื้อจะลดลง เนื่องจากโควิด-19 แต่ประเทศนี้ก็ยังเป็นประเทศเนื้อหอมในหมู่บริษัทค้าอาวุธข้ามชาติ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ซึ่งสภาธุรกิจสหรัฐฯ-อาเซียน เปิดเผยว่า บริษัทผู้พัฒนาอาวุธสัญชาติอเมรปั้น บา คา ร่า ให้ิกัน 5 บริษัท ได้เข้าพูดคุยกับเจ้าหน้าที่กระทรวงความมั่นคงสาธารณะและกระทรวงกลาโหมแห่งชาติเวียดนาม ระหว่างที่มาร่วมออกบูธในงานจัดแสดงอาวุธ ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่กรุงฮานอยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่การพูดคุยครั้งนี้มีนัยสำคัญอะไร? แม้จะเป็นการหารือในเบื้องต้นและไม่ได้รับประกันว่าจะมีการตกลงซื้อขายอาวุธกันหรือไม่ แต่นักวิเคราะห์มองว่าการพูดคุยครั้งนี้เปรียบเสมือนการเปิดศักราชใหม่ของกองทัพเวียดนาม ที่จะเปิดกว้างกับอาวุธสัญชาติอเมริกันมากขึ้น และส่งสัญญาณว่า เวียดนามพร้อมยกระดับความสัมพันธ์ด้านกลาโหมกับสหรัฐฯ ให้แน่นแฟ้นมากขึ้น การหารือดังกล่าวมีการพูดถึงการจัดซื้ออาวุธหลายประเภท รวมถึงเฮลิคอปเตอร์เพื่อใช้ในงานด้านความมั่นคงภายใน และยังรวมถึง โดรน เรดาร์และระบบอื่นๆ เพื่อเฝ้าระวังและรักษาความปลอดภัยของประเทศ ทั้งทางบก ทางน้ำและอากาศ ขณะที่ นายกฯ เวียดนาม พูดชัดเจนบนเวทีระหว่างกล่าวเปิดงานว่า เวียดนามหวังที่จะสร้างความร่วมมือและเปิดทางให้ประเทศ สามารถจัดหาอาวุธจากผู้ผลิตที่มีความหลากหลายมากขึ้นได้ หลังจากเวียดนามพยายามที่จะพัฒนากองทัพให้มีความทันสมัย ปัจจุบัน แทบจะเรียกได้ว่า "รัสเซีย" เป็นประเทศที่ผูกขาดการส่งอาวุธให้กับเวียดนาม โดยข้อมูลจากสถาบันวิจัยสันติภาพระหว่างประเทศสตอกโฮล์มชี้ว่า ระหว่างปี 1995-2021 เวียดนามนำเข้าอาวุธจากรัสเซียทุกปี ซึ่งมีสัดส่วนคิดเป็นมากกว่าร้อยละ 80 ของการนำเข้าทั้งหมด ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่างอิสราเอลแบบไม่เห็นฝุ่น ตัวเลขเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า กองทัพเวียดนามพึ่งพิงอาวุธจากรัสเซียแทบจะทั้งหมด โดยสาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาวุธและระบบต่างๆ ที่กองทัพมีอยู่เดิม ใช้มาตั้งแต่สมัยสงครามเย็น ซึ่งเวียดนามได้รับการสนับสนุนจากอดีตสหภาพโซเวียต ทำให้การเปลี่ยนไปใช้ระบบตะวันตกมีต้นทุน ทั้งเรื่องเงินและทรัพยากรคน นอกจากนี้ยังรวมถึงความพยายามในการซื้ออาวุธจากชาติตะวันตกที่ล้มเหลวในช่วงก่อนหน้านี้ 1 ในความล้มเหลวในการเจรจาขอซื้ออาวุธจากชาติตะวันตก คือ ความพยายามในการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ "มิราจ-2000" จากฝรั่งเศสในช่วงทศวรรษที่ 1990 ซึ่งเป็นช่วงที่เวียดนามต้องการพัฒนากองทัพให้ทันสมัย หลังจากจีนเริ่มยกเครื่องกองทัพอากาศ โดยหันไปซื้อเครื่องบินรบจากรัสเซีย ทำให้เวียดนามไม่มีทางเลือก แต่การจัดซื้ออาวุธที่ดูเป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับหลายประเทศ กลับไม่ง่ายแบบนั้นสำหรับเวียดนาม ซึ่งกำลังถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตร ทำให้การซื้ออาวุธจากชาติตะวันตกประสบปัญหา ในขณะที่ สงครามรัสเซีย-ยูเครน ยิ่งทำให้เวียดนามตระหนักถึงความจำเป็นในการจัดหาอาวุธจากหลายแหล่ง เพราะการหวังพึ่งรัสเซียอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ถูกนักในช่วงนี้ ในอดีตนั้นการทำสงครามของรัสเซียเคยส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอาวุธเวียดนามไม่น้อย เช่น กรณีรัสเซียผนวกรวมไครเมียเมื่อปี 2014 ทำให้การจัดซื้อชิ้นส่วนอาวุธของเวียดนามจากยูเครนต้องหยุดชะงักในปี 2016 สหรัฐฯ ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรเวียดนาม ทำให้บริษัทผู้ผลิตอาวุธสัญชาติอเมริกันสามารถเข้ามาทำการค้ากับเวียดนามได้ ซึ่งในเวลาเพียงไม่กี่ปี สหรัฐฯ ก็ก้าวขึ้นมาเป็นประเทศที่ส่งอาวุธให้เวียดนามมากเป็นอันดับ 5 ขณะที่สัดส่วนการนำเข้าอาวุธจากรัสเซียลดลงเหลือประมาณร้อยละ 55 เท่านั้น ซึ่งจุดนี้ก็สะท้อนให้เห็นถึงยุทธศาสตร์การจัดหาอาวุธของกองทัพเวียดนามที่เริ่มปรับเปลี่ยนมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่การจะหันไปซื้ออาวุธจากสหรัฐฯ ไม่ใช่ว่าจะไม่มีอุปสรรค เนื่องจากปัจจัยแรกคือ ราคาอาวุธอเมริกันสูงกว่าหลายชาติ แถมยังอาจจะต้องมาปรับเปลี่ยนระบบภายในของกองทัพด้วย หรือกำลังพลอาจจะยังไม่คุ้นชินกับระบบตะวันตก ขณะที่ต้องยอมรับว่า ยังมีโอกาสที่สหรัฐฯ จะคว่ำบาตรเวียดนามในอนาคตจากประเด็นสิทธิมนุษยชนด้วย ถึงจะมีแนวโน้วว่าเวียดนามจะตีจากรัสเซีย และหันมาซบอกสหรัฐฯ ในด้านอาวุธ แต่นักวิเคราะห์หลายคนเห็นตรงกันว่า ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวน่าจะเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะสหรัฐฯ เองก็ไม่ใช่ชาติเดียวที่เวียดนามสนใจ นอกจากนี้ยังมีอิสราเอล อินเดีย ยุโรป รวมถึงชาติในเอเชียอื่นๆ ด้วย

กปภ.เตรียมจำกัดเวลาจ่ายน้ำใน 10 สาขาทั่วประเทศ จากปัญหาภัยแล้งน้ำต้นทุนในเขื่อนใหญ่ที่มีน้อย และปัญห