ที่วัดเสนาสนารามราชวรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อ

วันนี้ ( 3 พ.ค.2568) ตำรวจชุดสืบสวน สน.บางนา คุมตัวนายชลัด แซ่ตั้ง ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาพระโขนงในความผิดฐานพยายามฆ่า มาสอบปากคำหลังจับกุมได้ที่บริเวณหน้าร้านขายชำแห่งหนึ่ง บริเวณแยกถนนนวมินทร์
วันนี้ (13 พ.ค.2568) ดร.สุกันยาณี ยะวิญชาญ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ปีนี้ ประเทศไทยจะเข้าสู่ฤดูฝนในวันที่ 15 พ.ค.2568 ตามเกณฑ์ทางอุตุนิยมวิทยา 3 องค์ประกอบ ได้แก่ 1.ป
พรุ่งนี้ ครม.พิจารณาราคารับจำนำข้าว รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยืนยันว่า รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะแก้ปัญหาช่องว่างของโครงการรับจำนำข้าว โดยให้ส่วนราชการตรวจสอบการลงทะเบียน เพื่อป้องกันการทุจริต ขณะที่ผู้ส่งออกค่าการณ์ว่า การส่งออกจะปรับตัวลดลงร้อยละ 30-40 หลังคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ หรือ กขช. กำหนดราคารับจำนำ ที่ 13,800-20,000 บาท พรุ่งนี้ ครม.พิจารณาราคารับจำนำข้าว คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นประธานมีมติเห็นชอบให้ดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ฤดูกลางผลิต 2554/2555 โดยจะเริ่มโครงการในวันที่ 7 ตุลาคม 2554 จนถึง 29 กุมภาพันธ์ 2555 ซึ่งจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาราคารับจำนำในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ย.) โดยราคารับจำนำข้าวเปลือกความชื้น15% กำหนดให้ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 20,000บาท ข้าวเปลือกหอมจังหวัด ตันละ 18,000 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 16,000 บาท ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ตันละ 18,000 บาท เมล็ดสั้น ตันละ 16,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 100% ตันละ 15,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 5% ตันละ 14,800 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 10% ตันละ 14,600 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 15% ตันละ 14,200 บาท และข้าวเปลือกเจ้า 25% ตันละ 13,800 บาท เบื้องต้นคาดว่า จะใช้เงินงบประมาณ 400,000 ล้านบาท จากจำนวนข้าวที่เข้าร่วมโครงการประมาณ 25 ล้านตัน หลังมีมติดังกล่าวนายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ระบุว่า การส่งออกข้าวในปีหน้าอาจจะลดลงถึงร้อยละ 30-40 จากปีนี้ที่คาดว่าจะส่งออกได้มากกว่า 10 ล้านตัน เพราะราคาข้าวของไทยจะพุ่งสูงขึ้น จนลูกค้าต่างประเทศหันไปหาผู้ส่งออกอื่นแทน เช่น ฮ่องกง จะหันไปซื้อจากเวียดนาม กัมพูชา ซึ่งในอนาคตหากผู้บริโภคยอมรับในการเปลี่ยนชนิดของข้าวแล้ว ก็อาจจะกลับมาบริโภคข้าวไทยได้ยากขึ้น ขณะที่นายนิพนธ์ วงษ์ตระหง่าน นายกกิตติมศักดิ์สมาคมโรงสีข้าวไทย เห็นว่า เพื่อป้องกันการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว รัฐบาลควรให้ตัวแทนชาวนา มีส่วนร่วมในการตรวจสอบโดยประจำยังโรงสีที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งรัฐบาลต้องจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการตรวจวัดคุณภาพข้าว เช่น การวัดความชื้น การชั่งน้ำหนัก เพื่อไม่ให้ชาวนาถูกเอาเปรียบ ส่วนวิธีการป้องกันข้าวหายจากโรงสีหรือโกดังเก็บข้าวนั้น ข้าวเปลือกควรแปรสภาพไม่เกิน 10 วัน และ ควรใช้สัญญาฝากเก็บรักษาคุณภาพข้าว หากข้าวหายไปเจ้าของโกดังจะต้องรับผิดชอบ ส่วนการใช้สิทธิรับจำนำข้าว ให้ใช้ฐานข้อมูลเกษตรกรของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธกส.เพื่อป้องกันการซื้อสิทธิ์และสวมสิทธิ์ รวมทั้งไม่ควรให้โรงสีที่ถูกขึ้นบัญชีดำเข้าร่วมโครงการ ขณะที่นายบรรจง ตั้งจิตวัฒนกุล อุปนายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีโรงสีที่ถูกขึ้นบัญชีดำ มีประมาณ 45 แห่ง เป็นโรงสีภาคอีสาน 30 แห่ง ที่ไม่มีการแปรสภาพข้าวทำให้ข้าวยังค้างอยู่ในโรงสี ตั้งแต่โครงการรับจำนำปี 2548-2549roma สล็อต ทดลอง เล่นslot 2in2 ส่วนโรงสีในภาคเหนือและภาคกลาง 15 แห่ง เกิดปัญหาข้าวหายจากโกดัง โดยเห็นว่า หากโรงสีที่ถูกขึ้นบัญชีดำต้องการเข้าร่วมโครงการรับจำนำอีก จะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับรัฐและอาจจะต้องวางเงินค้าประกัน 100 เปอร์เซ็นต์จากที่กำหนด 40 เปอร์เซ็นต์ ส่วนความพร้อมของโรงสีในขณะนี้ มีโรงสีสนใจเข้าร่วมโครงการรับจำนำแล้ว 400 โรง จากกว่า 1,000 โรงทั่วประเทศ สำหรับมาตรการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า รัฐบาลตั้งใจจะแก้ปัญหาช่องว่างของโครงการเดิมทุกด้าน แต่การประกาศรับจำนวนำในอัตราใหม่ จะต้องช่วยกันผลักดันให้เกิดการพัฒนาคุณภาพของข้าว และต้องปลูกข้าวตามความต้องการของตลาดให้เหมาะสม ส่วนการทุจริตโครงการรับจำนำ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ส่วนราชการต่างๆ ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บริหารองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ร่วมกันตรวจสอบด้วยการทำประชาคม การลงทะเบียนการปลูกข้าวจริงของเกษตรกร คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นประธานมีมติเห็นชอบให้ดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ฤดูกลางผลิต 2554/2555 โดยจะเริ่มโครงการในวันที่ 7 ตุลาคม 2554 จนถึง 29 กุมภาพันธ์ 2555 ซึ่งจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาราคารับจำนำในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ย.) โดยราคารับจำนำข้าวเปลือกความชื้น15% กำหนดให้ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 20,000บาท ข้าวเปลือกหอมจังหวัด ตันละ 18,000 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 16,000 บาท ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ตันละ 18,000 บาท เมล็ดสั้น ตันละ 16,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 100% ตันละ 15,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 5% ตันละ 14,800 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 10% ตันละ 14,600 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 15% ตันละ 14,200 บาท และข้าวเปลือกเจ้า 25% ตันละ 13,800 บาท เบื้องต้นคาดว่า จะใช้เงินงบประมาณ 400,000 ล้านบาท จากจำนวนข้าวที่เข้าร่วมโครงการประมาณ 25 ล้านตัน หลังมีมติดังกล่าวนายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ระบุว่า การส่งออกข้าวในปีหน้าอาจจะลดลงถึงร้อยละ 30-40 จากปีนี้ที่คาดว่าจะส่งออกได้มากกว่า 10 ล้านตัน เพราะราคาข้าวของไทยจะพุ่งสูงขึ้น จนลูกค้าต่างประเทศหันไปหาผู้ส่งออกอื่นแทน เช่น ฮ่องกง จะหันไปซื้อจากเวียดนาม กัมพูชา ซึ่งในอนาคตหากผู้บริโภคยอมรับในการเปลี่ยนชนิดของข้าวแล้ว ก็อาจจะกลับมาบริโภคข้าวไทยได้ยากขึ้น ขณะที่นายนิพนธ์ วงษ์ตระหง่าน นายกกิตติมศักดิ์สมาคมโรงสีข้าวไทย เห็นว่า เพื่อป้องกันการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว รัฐบาลควรให้ตัวแทนชาวนา มีส่วนร่วมในการตรวจสอบโดยประจำยังโรงสีที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งรัฐบาลต้องจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการตรวจวัดคุณภาพข้าว เช่น การวัดความชื้น การชั่งน้ำหนัก เพื่อไม่ให้ชาวนาถูกเอาเปรียบ ส่วนวิธีการป้องกันข้าวหายจากโรงสีหรือโกดังเก็บข้าวนั้น ข้าวเปลือกควรแปรสภาพไม่เกิน 10 วัน และ ควรใช้สัญญาฝากเก็บรักษาคุณภาพข้าว หากข้าวหายไปเจ้าของโกดังจะต้องรับผิดชอบ ส่วนการใช้สิทธิรับจำนำข้าว ให้ใช้ฐานข้อมูลเกษตรกรของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธกส.เพื่อป้องกันการซื้อสิทธิ์และสวมสิทธิ์ รวมทั้งไม่ควรให้โรงสีที่ถูกขึ้นบัญชีดำเข้าร่วมโครงการ ขณะที่นายบรรจง ตั้งจิตวัฒนกุล อุปนายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีโรงสีที่ถูกขึ้นบัญชีดำ มีประมาณ 45 แห่ง เป็นโรงสีภาคอีสาน 30 แห่ง ที่ไม่มีการแปรสภาพข้าวทำให้ข้าวยังค้างอยู่ในโรงสี ตั้งแต่โครงการรับจำนำปี 2548-2549 ส่วนโรงสีในภาคเหนือและภาคกลาง 15 แห่ง เกิดปัญหาข้าวหายจากโกดัง โดยเห็นว่า หากโรงสีที่ถูกขึ้นบัญชีดำต้องการเข้าร่วมโครงการรับจำนำอีก จะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับรัฐและอาจจะต้องวางเงินค้าประกัน 100 เปอร์เซ็นต์จากที่กำหนด 40 เปอร์เซ็นต์ ส่วนความพร้อมของโรงสีในขณะนี้ มีโรงสีสนใจเข้าร่วมโครงการรับจำนำแล้ว 400 โรง จากกว่า 1,000 โรงทั่วประเทศ สำหรับมาตรการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า รัฐบาลตั้งใจจะแก้ปัญหาช่องว่างของโครงการเดิมทุกด้าน แต่การประกาศรับจำนวนำในอัตราใหม่ จะต้องช่วยกันผลักดันให้เกิดการพัฒนาคุณภาพของข้าว และต้องปลูกข้าวตามความต้องการของตลาดให้เหมาะสม ส่วนการทุจริตโครงการรับจำนำ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ส่วนราชการต่างๆ ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บริหารองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ร่วมกันตรวจสอบด้วยการทำประชาคม การลงทะเบียนการปลูกข้าวจริงของเกษตรกร
วันนี้ (27 ก.พ.2568) ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.สอท.) แถลงผลการทำงานหลายเรื่อง ทั้ง
พรุ่งนี้ ครม.พิจารณาราคารับจำนำข้าว รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยืนยันว่า รัฐบา
วันนี้ (17 พ.ค.2565) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า สำนักข่าว KCNA ของทางการเกาหลีเหนือ เปิดเผยตัวเลข
พรุ่งนี้ ครม.พิจารณาราคารับจำนำข้าว รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยืนยันว่า รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะแก้ปัญหาช่องว่างของโครงการรับจำนำข้าว โดยให้ส่วนราชการตรวจสอบการลงทะเบียน เพื่อป้องกันการทุจริต ขณะที่ผู้ส่งออกค่าการณ์ว่า การส่งออกจะปรับตัวลดลงร้อยละ 30-40 หลังคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ หรือ กขช. กำหนดราคารับจำนำ ที่ 13,800-20,000 บาท พรุ่งนี้ ครม.พิจารณาราคารับจำนำข้าว คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นประธานมีมติเห็นชอบให้ดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ฤดูกลางผลิต 2554/2555 โดยจะเริ่มโครงการในวันที่ 7 ตุลาคม 2554 จนถึง 29 กุมภาพันธ์ 2555 ซึ่งจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาราคารับจำนำในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ย.) โดยราคารับจำนำข้าวเปลือกความชื้น15% กำหนดให้ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 20,000บาท ข้าวเปลือกหอมจังหวัด ตันละ 18,000 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 16,000 บาท ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ตันละ 18,000 บาท เมล็ดสั้น ตันละ 16,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 100% ตันละ 15,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 5% ตันละ 14,800 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 10% ตันละ 14,600 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 15% ตันละ 14,200 บาท และข้าวเปลือกเจ้า 25% ตันละ 13,800 บาท เบื้องต้นคาดว่า จะใช้เงินงบประมาณ 400,000 ล้านบาท จากจำนวนข้าวที่เข้าร่วมโครงการประมาณ 25 ล้านตัน หลังมีมติดังกล่าวนายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ระบุว่า การส่งออกข้าวในปีหน้าอาจจะลดลงถึงร้อยละ 30-40 จากปีนี้ที่คาดว่าจะส่งออกได้มากกว่า 10 ล้านตัน เพราะราคาข้าวของไทยจะพุ่งสูงขึ้น จนลูกค้าต่างประเทศหันไปหาผู้ส่งออกอื่นแทน เช่น ฮ่องกง จะหันไปซื้อจากเวียดนาม กัมพูชา ซึ่งในอนาคตหากผู้บริโภคยอมรับในการเปลี่ยนชนิดของข้าวแล้ว ก็อาจจะกลับมาบริโภคข้าวไทยได้ยากขึ้น ขณะที่นายนิพนธ์ วงษ์ตระหง่าน นายกกิตติมศักดิ์สมาคมโรงสีข้าวไทย เห็นว่า เพื่อป้องกันการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว รัฐบาลควรให้ตัวแทนชาวนา มีส่วนร่วมในการตรวจสอบโดยประจำยังโรงสีที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งรัฐบาลต้องจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการตรวจวัดคุณภาพข้าว เช่น การวัดความชื้น การชั่งน้ำหนัก เพื่อไม่ให้ชาวนาถูกเอาเปรียบ ส่วนวิธีการป้องกันข้าวหายจากโรงสีหรือโกดังเก็บข้าวนั้น ข้าวเปลือกควรแปรสภาพไม่เกิน 10 วัน และ ควรใช้สัญญาฝากเก็บรักษาคุณภาพข้าว หากข้าวหายไปเจ้าของโกดังจะต้องรับผิดชอบ ส่วนการใช้สิทธิรับจำนำข้าว ให้ใช้ฐานข้อมูลเกษตรกรของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธกส.เพื่อป้องกันการซื้อสิทธิ์และสวมสิทธิ์ รวมทั้งไม่ควรให้โรงสีที่ถูกขึ้นบัญชีดำเข้าร่วมโครงการ ขณะที่นายบรรจง ตั้งจิตวัฒนกุล อุปนายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีโรงสีที่ถูกขึ้นบัญชีดำ มีประมาณ 45 แห่ง เป็นโรงสีภาคอีสาน 30 แห่ง ที่ไม่มีการแปรสภาพข้าวทำให้ข้าวยังค้างอยู่ในโรงสี ตั้งแต่โครงการรับจำนำปี 2548-2549roma สล็อต ทดลอง เล่นslot 2in2 ส่วนโรงสีในภาคเหนือและภาคกลาง 15 แห่ง เกิดปัญหาข้าวหายจากโกดัง โดยเห็นว่า หากโรงสีที่ถูกขึ้นบัญชีดำต้องการเข้าร่วมโครงการรับจำนำอีก จะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับรัฐและอาจจะต้องวางเงินค้าประกัน 100 เปอร์เซ็นต์จากที่กำหนด 40 เปอร์เซ็นต์ ส่วนความพร้อมของโรงสีในขณะนี้ มีโรงสีสนใจเข้าร่วมโครงการรับจำนำแล้ว 400 โรง จากกว่า 1,000 โรงทั่วประเทศ สำหรับมาตรการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า รัฐบาลตั้งใจจะแก้ปัญหาช่องว่างของโครงการเดิมทุกด้าน แต่การประกาศรับจำนวนำในอัตราใหม่ จะต้องช่วยกันผลักดันให้เกิดการพัฒนาคุณภาพของข้าว และต้องปลูกข้าวตามความต้องการของตลาดให้เหมาะสม ส่วนการทุจริตโครงการรับจำนำ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ส่วนราชการต่างๆ ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บริหารองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ร่วมกันตรวจสอบด้วยการทำประชาคม การลงทะเบียนการปลูกข้าวจริงของเกษตรกร คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นประธานมีมติเห็นชอบให้ดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ฤดูกลางผลิต 2554/2555 โดยจะเริ่มโครงการในวันที่ 7 ตุลาคม 2554 จนถึง 29 กุมภาพันธ์ 2555 ซึ่งจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาราคารับจำนำในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ย.) โดยราคารับจำนำข้าวเปลือกความชื้น15% กำหนดให้ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 20,000บาท ข้าวเปลือกหอมจังหวัด ตันละ 18,000 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 16,000 บาท ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ตันละ 18,000 บาท เมล็ดสั้น ตันละ 16,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 100% ตันละ 15,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 5% ตันละ 14,800 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 10% ตันละ 14,600 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 15% ตันละ 14,200 บาท และข้าวเปลือกเจ้า 25% ตันละ 13,800 บาท เบื้องต้นคาดว่า จะใช้เงินงบประมาณ 400,000 ล้านบาท จากจำนวนข้าวที่เข้าร่วมโครงการประมาณ 25 ล้านตัน หลังมีมติดังกล่าวนายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ระบุว่า การส่งออกข้าวในปีหน้าอาจจะลดลงถึงร้อยละ 30-40 จากปีนี้ที่คาดว่าจะส่งออกได้มากกว่า 10 ล้านตัน เพราะราคาข้าวของไทยจะพุ่งสูงขึ้น จนลูกค้าต่างประเทศหันไปหาผู้ส่งออกอื่นแทน เช่น ฮ่องกง จะหันไปซื้อจากเวียดนาม กัมพูชา ซึ่งในอนาคตหากผู้บริโภคยอมรับในการเปลี่ยนชนิดของข้าวแล้ว ก็อาจจะกลับมาบริโภคข้าวไทยได้ยากขึ้น ขณะที่นายนิพนธ์ วงษ์ตระหง่าน นายกกิตติมศักดิ์สมาคมโรงสีข้าวไทย เห็นว่า เพื่อป้องกันการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว รัฐบาลควรให้ตัวแทนชาวนา มีส่วนร่วมในการตรวจสอบโดยประจำยังโรงสีที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งรัฐบาลต้องจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการตรวจวัดคุณภาพข้าว เช่น การวัดความชื้น การชั่งน้ำหนัก เพื่อไม่ให้ชาวนาถูกเอาเปรียบ ส่วนวิธีการป้องกันข้าวหายจากโรงสีหรือโกดังเก็บข้าวนั้น ข้าวเปลือกควรแปรสภาพไม่เกิน 10 วัน และ ควรใช้สัญญาฝากเก็บรักษาคุณภาพข้าว หากข้าวหายไปเจ้าของโกดังจะต้องรับผิดชอบ ส่วนการใช้สิทธิรับจำนำข้าว ให้ใช้ฐานข้อมูลเกษตรกรของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธกส.เพื่อป้องกันการซื้อสิทธิ์และสวมสิทธิ์ รวมทั้งไม่ควรให้โรงสีที่ถูกขึ้นบัญชีดำเข้าร่วมโครงการ ขณะที่นายบรรจง ตั้งจิตวัฒนกุล อุปนายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีโรงสีที่ถูกขึ้นบัญชีดำ มีประมาณ 45 แห่ง เป็นโรงสีภาคอีสาน 30 แห่ง ที่ไม่มีการแปรสภาพข้าวทำให้ข้าวยังค้างอยู่ในโรงสี ตั้งแต่โครงการรับจำนำปี 2548-2549 ส่วนโรงสีในภาคเหนือและภาคกลาง 15 แห่ง เกิดปัญหาข้าวหายจากโกดัง โดยเห็นว่า หากโรงสีที่ถูกขึ้นบัญชีดำต้องการเข้าร่วมโครงการรับจำนำอีก จะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับรัฐและอาจจะต้องวางเงินค้าประกัน 100 เปอร์เซ็นต์จากที่กำหนด 40 เปอร์เซ็นต์ ส่วนความพร้อมของโรงสีในขณะนี้ มีโรงสีสนใจเข้าร่วมโครงการรับจำนำแล้ว 400 โรง จากกว่า 1,000 โรงทั่วประเทศ สำหรับมาตรการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า รัฐบาลตั้งใจจะแก้ปัญหาช่องว่างของโครงการเดิมทุกด้าน แต่การประกาศรับจำนวนำในอัตราใหม่ จะต้องช่วยกันผลักดันให้เกิดการพัฒนาคุณภาพของข้าว และต้องปลูกข้าวตามความต้องการของตลาดให้เหมาะสม ส่วนการทุจริตโครงการรับจำนำ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ส่วนราชการต่างๆ ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บริหารองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ร่วมกันตรวจสอบด้วยการทำประชาคม การลงทะเบียนการปลูกข้าวจริงของเกษตรกร
นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 3 แบบไม่สังกัดพรรคการเมือง ได้ขึ้นปราศรัยใหญ่ครั้งสุ