UID: 51092

เมื่อวันที่ 18 ม.ค.2566 ตำรวจสืบสวนภูธรเมืองสมุทรปราการ นำกำลังบุกเข้าจับกุมกลุ่มชายฉกรรจ์ 3 คน ภายใ

วันนี้ (8 ส.ค.2567) ตำรวจสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล บุกเข้าจับผู้ต้องหาจำหน่ายเครื่องกระสุน

เมื่อวันที่ 18 ม.ค.2566 ตำรวจสืบสวนภูธรเมืองสมุทรปราการ นำกำลังบุกเข้าจับกุมกลุ่มชายฉกรรจ์ 3 คน ภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ย่านถนนสุขุมวิท ต.ปากน้ำ ขณะอยู่ในรถกระบะสีบรอนซ์เงิน การตรวจค้นในรถพบซองกระดาษ ภายในมีเงินสดกว่า 50,000 บาท นอกจากนี้ ยังพบบัตรประจำตัว เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ตำแหsbobet158 ดี ไหมน่ง เจ้าพนักงานชำนาญงาน สังกัด กรมสรรพสามิต พร้อมเสื้อกั๊ก 2 ตัว มีตราอักษร ระบุ กรมสรรพสามิต นอกจากนี้ บริเวณนอกปั๊มตำรวจอีกชุดสามารถควบคุมตัวชายไว้ได้อีก 3 คน ทั้งหมดอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่สรรพสามิต ตำรวจจึงควบคุมตัวพร้อมของกลางไปสอบสวน เนื่องจากปฏิบัติการนี้เป็นการซ้อนแผนจับกุม หลังมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความว่า ถูกชายกลุ่มนี้เรียกรับเงินเพื่อแลกกับการปล่อยตัวไม่ดำเนินคดี พ.ต.ต.ชัชพงษ์ ขาวสะอาด สารวัตรสืบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ ระบุว่า ก่อนบุกจับได้รับการประสานจาก ชายชาวจีนอายุ 31 ปี เจ้าของร้านจำหน่ายอุปกรณ์โทรศัพท์ ในซอยอู่ทอง ย่าน ต.ท้ายบ้านใหม่ ที่แจ้งความว่าถูกกลุ่มชายอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิตมาขอตรวจค้นร้าน ก่อนจับน้องสาวซึ่งเป็นผู้จัดการร้านและพนักงานชาวเมียนมาขึ้นรถไป พร้อมเรียกเงิน 300,000 บาท แลกกับการปล่อยตัวอ้างว่า สินค้าที่ร้านเป็นของหนีภาษีหากถูกจับก็จะถูกดำเนินคดี จึงเจรจาต่อรองจนเหลือ 50,000 บาท และนัดหมายนำเงินไปให้ แต่ผู้เสียหายเกรงว่าน้องสาวและพนักงานจะไม่ปลอดภัย รวมทั้งไม่มั่นใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริงจึงมาแจ้งความ ตำรวจจึงซ้อนแผนจับกุม โดยการถ่ายเอกสารธนบัตรไว้เป็นหลักฐานก่อนนำกำลังไปจับกุม ขณะที่ กลุ่มชายที่ถูกจับกุม ยอมรับว่าเป็น เจ้าหน้าที่สรรพสามิต แต่ให้การภาคเสธอ้างว่า เงินที่พบเป็นเงินค่าปรับสินค้า ที่เจ้าของร้านเตรียมนำมาชำระแต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากพฤติการณ์ที่ปรากฎเข้าข่ายเรียกรับสินบน ล่าสุด มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคล ลักษณะนายทุนจีน พยายามเข้าเจรจาให้ยุติเรื่อง แต่ไม่เป็นผล เบื้องต้นตำรวจแจ้ง 3 ข้อกล่าวหา กับ เจ้าหน้าที่สรรพสามิต ตามมาตรา 149 มาตรา 157 และ ข้อหากรรโชกทรัพย์ นำตัวพร้อมของกลางส่ง พนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

หลายคนคาดหวังถึงการเปลี่ยนแปลง เพราะรอบนี้ไม่ได้เปลี่ยนแค่ตัวผู้นำประเทศอย่างเดียว แต่เป็นการเปลี่ยน