UID: 18016

แถลงการณ์ของบริษัทโมเดอร์นา ผู้ผลิตวัคซีนโควิด - 19 สัญชาติอเมริกัน ระบุว่า ทางบริษัทเชื่อว่า วัคซีน

วันนี้ (4 ก.ย.66) นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีการแก้ปัญหาเครื่องยนต์เรือดำน้ำว่า ภายหลัง

“มนูญ” แนะรัฐบาลขึ้นราคาแอลพีจีทุกภาคส่วน “มนูญ” ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานเห็นว่ารัฐบาลควรขึ้นราคาแอลพีจีให้ครบทุกภาคส่วน โดยยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯและภาษีสำหรับเชื้อเพลิงชนิดนี้ ขณะที่เครือข่ายคัดค้านการปรับค่าโดยสารรถให้บริการสาธารณะ เตรียมฟ้อง ปตท. และกระทรวงพลังงาน หากขึ้นราคาเอ็นจีวีและแอลพีจี “มนูญ” แนะรัฐบาลขึ้นราคาแอลพีจีทุกภาคส่วน นายบุญชัย รุ่งเรืองไพศาลสุข ประธานเครือข่ายคัดค้านการปรับค่าโดยสารรถให้บริการสาธารณะ กล่าวในงานเสวนาการลอยตัวราคาแอลพีจี เอ็นจีวี บิดเบือนหรือไม่ ว่าเตรียมยืนฟ้องบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และกระทรวงพลังงาน หากมีการขึ้นราคาเอ็นจีวีและแอลพีจี เนื่องจากที่ผ่านมาทั้ง 2 หน่วยงานไม่เคยเปิดเผยต้นทุนแท้จริงแก่สาธารณชน ขณะที่กระทรวงพลังงานนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาชดเชยในอัตรากิโลกรัมละ 2 บาท ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิด ทั้งนี้การลอยตัวราคาแอลพีจีต้องสมเหตุสมผลและไม่มีควรขึ้นราคาสำหรับภาคครัวเรือน ด้านนายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน เปิดเผยว่าไม่เห็นด้วยกับแผนการขึ้นราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมครั้งละ 3 บาท รวมเป็นเงิน 12 บาทต่อกิโลกรัม เนื่องจากราคาน้ำเข้าปัจจุบันอยู่ที่ตันละ 820 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ กิโลกรัมละ 24.64 บาท และการขึ้นราคาครั้งที่ 2 ในเดือนตุลาคม ทำให้ราคาขายปลีกภาคอุตสาหกรรมจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 24.13 บาท ซึ่งใกล้เคียงราคานำเข้า แต่อีก 3 เดือนราคาจะขยับขึ้นไปที่ 27.13 บาท ทำให้เป็นภาระภาคอุตสาหกรรมอย่างมาก ทั้งนี้รัฐบาลควรพิจารณาปรับราคาขึ้นทั้งภาคครัวเรือนและภาคขนส่ง โดยนำราคาเฉลี่ยทั้งหน้าโรงกลั่น โรงแยกก๊าซ และราคานำเข้ามาคำนวณ ขณะเดียวกันควรยกเลิกการเก็บเงินเข้าของกองทุนน้ำมันฯของแอลพีจี ที่เก็บกิโลกรัมละ 1.50 บาท นอกจากนี้ยังมีภาษี และค่าการตลาด ซึ่งเป็นต้นทุนทั้งสิ้น 4.87 บาท ก็จะทำให้ราคาก๊าซอยู่ที่ กิโลกรัมละ 22 บาท ซึ่งไม่เป็นภาระของทุกภาคส่วนมากเกินไป นายบุญชัย รุ่งเรืองไพศาลสุข ประธานเครือข่ายคัดค้านการปรับค่าโดยสารรถให้บริการสาธารณะ กล่าวในงานเสวนาการลอยตัวราคาแอลพีจี เอ็นจีวี บิดเบือนหรือไม่ ว่าเตรียมยืนฟ้องบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และกระทรวงพลังงาน หากมีการขึ้นราคาเอ็นจีวีและแอลพีจี เนื่องจากที่ผ่านมาทั้ง 2 หน่วยงานไม่เคยเปิดเผยต้นทุนแท้จริงแก่สาธารณชน ขณะที่กระทรวงพลังงานนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาชดเชยในอัตรากิโลกรัมละ 2 บาท ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิด ทั้งนี้การลอยตัวราคาแอลพีจีต้องสมเหตุสมผลและไม่มีควรขึ้นราคาสำหรับภาคครัวเรือน ด้านนายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน เปิดเผยว่าไม่เห็นด้วยกับแผนการขึ้นราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมครั้งละ 3 บาท รวมเป็นเงิน 12 บาทต่อกิโลกรัม เนื่องจากราคาน้ำเข้าปัจจุบันอยู่ที่ตันละ 820 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ กิโลกรัมละ 24.64 บาท และการขึ้นราคาครั้งที่ 2 ในเดือนตุลาคม ทำให้ราคาขายปลีกภาคอุตสาหกรรมจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 24.13 บาท ซึ่งใกล้เคียงราคานำเข้า แต่อีก 3 โค ร ต บอล เต็งเดือนราคาจะขยับขึ้นไปที่ 27.13 บาท ทำให้เป็นภาระภาคอุตสาหกรรมอย่างมาก ทั้งนี้รัฐบาลควรพิจารณาปรับราคาขึ้นทั้งภาคครัวเรือนและภาคขนส่ง โดยนำราคาเฉลี่ยทั้งหน้าโรงกลั่น โรงแยกก๊าซ และราคานำเข้ามาคำนวณ ขณะเดียวกันควรยกเลิกการเก็บเงินเข้าของกองทุนน้ำมันฯของแอลพีจี ที่เก็บกิโลกรัมละ 1.50 บาท นอกจากนี้ยังมีภาษี และค่าการตลาด ซึ่งเป็นต้นทุนทั้งสิ้น 4.87 บาท ก็จะทำให้ราคาก๊าซอยู่ที่ กิโลกรัมละ 22 บาท ซึ่งไม่เป็นภาระของทุกภาคส่วนมากเกินไป

“มนูญ” แนะรัฐบาลขึ้นราคาแอลพีจีทุกภาคส่วน “มนูญ” ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานเห็นว่ารัฐบาลควรขึ้นราคาแอลพ