วันนี้ (1 ก.พ.2568) ผู้สื่อข่าว บรรยากาศบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถ

วันนี้ (20 ก.ย.2564) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่า เมื่อวันที่ 17 ก.ย.2564 ได้ส่งหนังสือถึงบริษัทจดทะเบียนทุกแห่ง โดยขอให้บริษัทจดทะเบียนที่มีการลงทุนหรือมีแผนที่

เกษตรกรในบ้านป่าเส้า ต.อุโมงค์ อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน ปลูกลำไยพันธุ์เบี้ยวเขียว ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นคือ เนื้อหนา แห้งกรอบ เมล็ดเล็ก และขายดีชนิดที่ว่ามีเท่าไหร่ก็ขายหมด ฤดูลำไยที่เกษตรกรหลายพื้นที่ต้องโค่นต้นทิ้ง เพราะไม่มีคนซื้อ สวนทางกับลำไยพันธุ์นี้ เพราะหน้าสวนก็ขายได้ราคาสูงถึง กก.ละ 80 บ. และยังเป็นลำไยพันธุ์ ที่ได้รับการรับรองเป็นสินค้า GI หรือ สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของ จ.ลำพูนด้วย ปัจจุบันพันธุ์ลำไยที่นิยมปลูกในภาคเหนือ โดยเฉพาะ จ.ลำพูน และ จ.เชียงใหม่ ร้อยละ 90 คือ พันธุ์อีดอ ที่เคยส่งขาทรรศนะ บอล วัน นี้ ครับยให้โรงงานแต่กลายเป็นผลผลิตราคาตกต่ำ ซึ่งปีที่ผ่านมาขายได้เพียง กก.ละ 3-7 บ.เท่านั้น นายสุทิน ดีอุโมงค์ เกษตรอำเภอเมืองลำพูน กล่าวว่า เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวได้พยายามเข้าไปส่งเสริมให้ปลูกพันธุ์เบี้ยวเขียวให้มากขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกแก้ปัญหาเรื่องราคาให้ชาวสวน ผลผลิตลำไยพันธุ์เบี้ยวเขียว จะออกสู่ตลาดช่วงเดือน ก.ค. - ส.ค. ปัจจุบันยังมีเกษตรกรปลูกน้อย เฉพาะของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนอนุรักษ์และผลิตลำไยเบี้ยวเขียวบ้านป่าเส้า จ.ลำพูน ที่มีสมาชิกอยู่ 23 คน ปีนี้ได้ผลผลิตเกือบ 5 ตัน ยังไม่พอขาย ทำให้สมาชิกมีรายได้มั่นคง จึงถือเป็นอีกทางเลือกของชาวสวน

เกษตรกรในบ้านป่าเส้า ต.อุโมงค์ อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน ปลูกลำไยพันธุ์เบี้ยวเขียว ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นคือ เนื้อหนา แห้งกรอบ เมล็ดเล็ก และขายดีชนิดที่ว่ามีเท่าไหร่ก็ขายหมด ฤดูลำไยที่เกษตรกรหลายพื้นที่ต้องโค