Home
|
สุมหัว 1 ทีม

วันนี้ (4 เม.ย.2565) ความคืบหน้ากรณีการเสียชีวิตขอ

สุมหัว 1 ทีม

วันที่ 20 ส.ค.2567 วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2024 ชุดรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ที่เปรู ทีมชาติไทยที่รอบแรกแพ้ 2 ชนะ 1 โดยแพ้ จีน -ตุรกี และ ชนะเอกวาดอร์ ลงสนามรอบน็อกเอาต์ 16 ทีม สุดท้าย เจอ ไต้หวัน ปรากฏ

วันที่ 15 พ.ย.2566 “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมชาติไทย ปลุกขวัญกำลังใจแข้งช้างศึกต่อเนื่อง ล่าสุดอัดฉีดแต้มละ 1,000,000 บาท ในเกมที่เตรียมเปิดบ้านพบกับ จีน และ บุกเยือน สิงคโปร์ ในศึกฟุตบอลโ

คาร์ล เซแกน นักสื่อสารวิทยาศาสตร์ที่เราอาจรู้จักผ่านหนังสือ Cosmos (คอสมอส) และ Pale Blue Dot (เพลบลูดอต) หรือการมีบทบาทสำคัญในนาซาในการถ่ายทอดความยิ่งใหญ่ของจักรวาลให้กับทุกคน เคยเขียนมุมมองที่เขามีต่อปรัชญาวิทยาศาสตร์ไว้ในหนังสือชื่อ “The Demon-Haunted World: Science as a Candle in the Dark” แปลเป็นไทยได้ว่า “ในโลกที่เต็มไปด้วยปีศาจ วิทยาศาสตร์เปรียบเหมือนแสงเทียนในความมืดมิด” ในหนังสือที่ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1995 ซึ่งเป็นเพียง 2 ปีก่อนที่เขาจะเสียชีวิต เป็นเหมือนบทสรุปการเดินทางในชีวิตการต่อสู้กับปีศาจในคราบของความโง่เขลามาตลอดทั้งชีวิตของเซแกน เขาได้เปรียบเปรยความไม่รู้ของมนุษย์เป็นเหมือนปีศาจที่คอยทำให้เราตัดสินใจอย่างโง่เขลา ปราศจากการคิดไตร่ตรองถึงเหตุผล จนนำไปสู่ความเลวร้ายต่าง ๆ นานาที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นสงครามหรือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ความโง่เขลานั้นแปลจากภาษาอังกฤษว่า “ignorance” ซึ่งถูกนิยามไว้ว่า “ความไม่รู้” หรือ “มีข้อมูลไม่มากพอ” การที่มนุษย์มีความโง่เขลาเป็นการเปิดทางให้ปีศาจเข้ามาหลอกหลอนในโลกและการเอาชนะปีศาจนี้คือการจุดเทียนให้เกิดแสงสว่างไสว ปัดเป่าความมืดมิดออกไป ซึ่งการจุดเทียนก็คือการใช้ตรรกะ เหตุผล และการมองธรรมชาติในแบบที่มันเป็น ซึ่งก็คือกระบวนการทางวิทยาศาสตร์นั่นเอง อย่างไรก็ตาม เซแกนเน้นย้ำหลายรอบว่าวิทยาศาสตร์นั้นเป็นเครื่องมือ ไม่ใช่คำตอบทั้งหมดของคำถาม และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เองในปัจจุบันก็อาจจะยังไม่รัดกุมพอที่จะทำให้เราตอบคำถามหรือขับไล่ปีศาจแห่งความโง่เขลาออกไปได้หมด แต่วิทยาศาสตร์ก็เป็นกระบวนการที่ดีที่สุดที่เรามี ในหนังสือเล่มนี้เซแกนยังกล่าวไปถึงเรื่องการให้เหตุผล (Reasoning) วิทยาศาสตร์เทียม (Pseudoscience) และการประกอบสร้างความรู้ ซึ่งทั้งหมดนำไปสู่ข้อสรุปของการอธิบายสังคมมนุษย์ว่าเหตุใดโลกนี้ จึงได้วุ่นวายและเต็มไปด้วยความย้อนแย้งมากมายที่พวกเราไม่อาจก้าวข้ามได้ รวมถึงสิ่งที่มักจะถูกหยิบยกมาพูดถึงจากหนังสือเล่มนี้ก็คือตรรกะวิบัติ (Logical Fallacies) ที่เป็นความพยายามในการเชื่อมโยงข้อมูลและข้อเท็จจริงด้วยคำอธิบายที่ย้อนแย้งกับความเป็นจริงของธรรมชาติ เช่น การโจมตีตัวบุคคล (Ad Hominem) ที่เป็นการด้อยค่าผู้พูดแทนที่จะเป็นการพูดถึงเนื้อหาที่ผู้พูดเสนอออกมา หรือการบอกว่าอะไรที่ไม่พูดพิสูจน์ย่อมมีอยู่จริง (Argument from Ignorance) หรือที่เรามักจะได้ยินกันว่า “ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” นั่นเอง กล่าวคือ ถ้าเราพิสูจน์ไม่ได้ว่า “ผีมีจริง” นั่นแปลว่าเราพิสูจน์ไม่ได้ว่า “ผีมีจริง” ไม่ใช่สรุปว่า “ผีมีจริง” หรือ “ผีไม่มีจริง” ทั้งนี้การพิสูจน์เรื่องผีก็ต้องมีกระบวนการที่ชัดเจนด้วย และนิยามว่าผีคืออะไร การบอกว่าผีคือ “สิ่งเหนือธรรมชาติ” จึงไม่อาสุมหัว 1 ทีมจพิสูจน์ได้ เป็นการกล่าวที่ย้อนแย้งในตัวเอง เพราะเราต้องการนำผีเข้ามาสู่ขอบเขตที่เราอยากจะอธิบาย แต่เราดันพูดเองว่าผีอยู่นอกเหนือจากขอบเขตที่เราจะอธิบาย สรุปแล้วเราต้องการจะบอกว่าผีอยู่ในขอบเขตของธรรมชาติหรือไม่ได้อยู่กันแน่ ? สิ่งเหล่านี้อาจจะดูเหมือนเป็นปรัชญาโต้เถียง แต่เซแกนเองก็อธิบายว่ามันคือการสะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมและอารยธรรมของมนุษย์ และส่งผลต่อรูปแบบการใช้ชีวิต การเมืองการปกครอง และอนาคตของมนุษยชาติ และวิทยาศาสตร์นี้เองก็จะเป็นเครื่องมือที่พวกเราใช้ในการต่อสู้กับความโง่เขลา โดยสิ่งสำคัญที่สุดของวิทยาศาสตร์คือการส่งต่อกระบวนการและข้อมูลเพื่อคนในรุ่นต่อไป ที่มาภาพ: NASA“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech

คาร์ล เซแกน นักสื่อสารวิทยาศาสตร์ที่เราอาจรู้จักผ่านหนังสือ Cosmos (คอสมอส) และ Pale Blue Dot (เพลบล

วันนี้ (2 ก.ค.2566) เพจเฟซบุ๊ก กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดภาพบรรยากาศการเคลื่อนย้าย

เมื่อวันที่ 1 มี.ค.2566 Kostas Karamanlis รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของกรีซ ลาออกจากตำแหน่ง หลังเกิ

คาร์ล เซแกน นักสื่อสารวิทยาศาสตร์ที่เราอาจรู้จักผ่านหนังสือ Cosmos (คอสมอส) และ Pale Blue Dot (เพลบลูดอต) หรือการมีบทบาทสำคัญในนาซาในการถ่ายทอดความยิ่งใหญ่ของจักรวาลให้กับทุกคน เคยเขียนมุมมองที่เขามีต่อปรัชญาวิทยาศาสตร์ไว้ในหนังสือชื่อ “The Demon-Haunted World: Science as a Candle in the Dark” แปลเป็นไทยได้ว่า “ในโลกที่เต็มไปด้วยปีศาจ วิทยาศาสตร์เปรียบเหมือนแสงเทียนในความมืดมิด” ในหนังสือที่ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1995 ซึ่งเป็นเพียง 2 ปีก่อนที่เขาจะเสียชีวิต เป็นเหมือนบทสรุปการเดินทางในชีวิตการต่อสู้กับปีศาจในคราบของความโง่เขลามาตลอดทั้งชีวิตของเซแกน เขาได้เปรียบเปรยความไม่รู้ของมนุษย์เป็นเหมือนปีศาจที่คอยทำให้เราตัดสินใจอย่างโง่เขลา ปราศจากการคิดไตร่ตรองถึงเหตุผล จนนำไปสู่ความเลวร้ายต่าง ๆ นานาที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นสงครามหรือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ความโง่เขลานั้นแปลจากภาษาอังกฤษว่า “ignorance” ซึ่งถูกนิยามไว้ว่า “ความไม่รู้” หรือ “มีข้อมูลไม่มากพอ” การที่มนุษย์มีความโง่เขลาเป็นการเปิดทางให้ปีศาจเข้ามาหลอกหลอนในโลกและการเอาชนะปีศาจนี้คือการจุดเทียนให้เกิดแสงสว่างไสว ปัดเป่าความมืดมิดออกไป ซึ่งการจุดเทียนก็คือการใช้ตรรกะ เหตุผล และการมองธรรมชาติในแบบที่มันเป็น ซึ่งก็คือกระบวนการทางวิทยาศาสตร์นั่นเอง อย่างไรก็ตาม เซแกนเน้นย้ำหลายรอบว่าวิทยาศาสตร์นั้นเป็นเครื่องมือ ไม่ใช่คำตอบทั้งหมดของคำถาม และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เองในปัจจุบันก็อาจจะยังไม่รัดกุมพอที่จะทำให้เราตอบคำถามหรือขับไล่ปีศาจแห่งความโง่เขลาออกไปได้หมด แต่วิทยาศาสตร์ก็เป็นกระบวนการที่ดีที่สุดที่เรามี ในหนังสือเล่มนี้เซแกนยังกล่าวไปถึงเรื่องการให้เหตุผล (Reasoning) วิทยาศาสตร์เทียม (Pseudoscience) และการประกอบสร้างความรู้ ซึ่งทั้งหมดนำไปสู่ข้อสรุปของการอธิบายสังคมมนุษย์ว่าเหตุใดโลกนี้ จึงได้วุ่นวายและเต็มไปด้วยความย้อนแย้งมากมายที่พวกเราไม่อาจก้าวข้ามได้ รวมถึงสิ่งที่มักจะถูกหยิบยกมาพูดถึงจากหนังสือเล่มนี้ก็คือตรรกะวิบัติ (Logical Fallacies) ที่เป็นความพยายามในการเชื่อมโยงข้อมูลและข้อเท็จจริงด้วยคำอธิบายที่ย้อนแย้งกับความเป็นจริงของธรรมชาติ เช่น การโจมตีตัวบุคคล (Ad Hominem) ที่เป็นการด้อยค่าผู้พูดแทนที่จะเป็นการพูดถึงเนื้อหาที่ผู้พูดเสนอออกมา หรือการบอกว่าอะไรที่ไม่พูดพิสูจน์ย่อมมีอยู่จริง (Argument from Ignorance) หรือที่เรามักจะได้ยินกันว่า “ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” นั่นเอง กล่าวคือ ถ้าเราพิสูจน์ไม่ได้ว่า “ผีมีจริง” นั่นแปลว่าเราพิสูจน์ไม่ได้ว่า “ผีมีจริง” ไม่ใช่สรุปว่า “ผีมีจริง” หรือ “ผีไม่มีจริง” ทั้งนี้การพิสูจน์เรื่องผีก็ต้องมีกระบวนการที่ชัดเจนด้วย และนิยามว่าผีคืออะไร การบอกว่าผีคือ “สิ่งเหนือธรรมชาติ” จึงไม่อาสุมหัว 1 ทีมจพิสูจน์ได้ เป็นการกล่าวที่ย้อนแย้งในตัวเอง เพราะเราต้องการนำผีเข้ามาสู่ขอบเขตที่เราอยากจะอธิบาย แต่เราดันพูดเองว่าผีอยู่นอกเหนือจากขอบเขตที่เราจะอธิบาย สรุปแล้วเราต้องการจะบอกว่าผีอยู่ในขอบเขตของธรรมชาติหรือไม่ได้อยู่กันแน่ ? สิ่งเหล่านี้อาจจะดูเหมือนเป็นปรัชญาโต้เถียง แต่เซแกนเองก็อธิบายว่ามันคือการสะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมและอารยธรรมของมนุษย์ และส่งผลต่อรูปแบบการใช้ชีวิต การเมืองการปกครอง และอนาคตของมนุษยชาติ และวิทยาศาสตร์นี้เองก็จะเป็นเครื่องมือที่พวกเราใช้ในการต่อสู้กับความโง่เขลา โดยสิ่งสำคัญที่สุดของวิทยาศาสตร์คือการส่งต่อกระบวนการและข้อมูลเพื่อคนในรุ่นต่อไป ที่มาภาพ: NASA“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech

สภาพของหนองแด ต.กุดสระ อ.เมืองอุดรธานี เนื้อที่กว่า 1,000 ไร่ ที่ถูกถมดินปรับพื้นที่ และสร้างเขื่อนป