ทีมข่าวไทยพีบีเอส ติดตามสุนัขทหาร ที่ผ่านการประมูลเสร็จสิ้นแล้ว จากกรมการสัตว์ทหารบก ไปสู่อ้อมกอดบ้านหลังใหม่ เจ้าของใหม่ โคดี้ เป็น รอง ผกก.กลางดง เผยแค่ตั้งใจไปดูงานประมูลเท่านั้น แต่เมื่อพบแรกเห็นจ
วันนี้ (1 พ.ค.2568) นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวผลการประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2568 คาดว่าจะขยายตัว 2.1% (ช่วงคาดการณ
วันนี้ (1 พ.ค.2568) นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวผลการประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2568 คาดว่าจะขยายตัว 2.1% (ช่วงคาดการณ์ 1.6- 2.6%) สาเหตุหลักมาจากแรงกดดันด้านการค้าโลก โดยเฉพาะผลกระทบจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา (สหรัฐฯ) และการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง สำหรับมูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐคาดว่าจะขยายตัว 2.3% ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ 1.8- 2.8%) ได้รับผลกระทบทางตรงจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม การประกาศเลื่อนกาwow slot 333รบังคับใช้นโยบาย Reciprocal Tariff ออกไป 90 วัน นับจากวันที่ 9 เม.ย. 2568 และกรณียกเว้นสินค้าบางประเภท เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องคอมพิวเตอร์ของสหรัฐฯ ได้บรรเทาผลกระทบของการส่งออกของไทยลงบางส่วน ด้านมูลค่าการนำเข้าสินค้าคาดว่าจะทรงตัว1% ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ 0.5 - 1.5%) สอดคล้องกับความต้องการวัตถุดิบเพื่อการผลิตเพื่อส่งออก และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง ทั้งนี้ นโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ในระยะต่อไป ยังคงมีความไม่แน่นอนและมีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางของเศรษฐกิจไทยและประเทศคู่ค้าอย่างมีนัยสำคัญ โดยจำเป็นต้องมีการติดตามการเปลี่ยนแปลงของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้าของไทยอย่างใกล้ชิดต่อไป โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจำนวน 36.5 ล้านคน ขยายตัวที่2.7% ต่อปี การลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัว0.4% ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ -0.1 - 0.9%) สำหรับการบริโภคภาครัฐคาดว่าจะขยายตัว 1.2% ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ 0.7 - 1.7%) และการลงทุนภาครัฐขยายตัว 2.8 % ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ 2.3-3.3% ) จากการเบิกจ่ายงบประมาณอย่างต่อเนื่อง และการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานที่จะมีการเร่งรัดเบิกจ่ายในช่วงไตรมาสที่ 3 – 4 ของปีงบประมาณ 2568 ต่อเนื่องไปยังไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณ 2569ด้านเสถียรภาพภายในประเทศอยู่ในระดับมั่นคง โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะลดลงอยู่ 0.8% ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ 0.3 -1.3%) ตามทิศทางราคาน้ำมันที่ลดลง ขณะที่เสถียรภาพภายนอกประเทศ ดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2568 มีแนวโน้มเกินดุล 12.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 2.2% ของ GDP จากดุลการค้า ที่เกินดุลอย่างต่อเนื่อง ผลการประมาณการเศรษฐกิจไทยครั้งนี้อิงตามกรณีฐาน (Base Case) เป็นสำคัญ โดยมีสมมติฐานว่ารัฐบาลสหรัฐฯ มีการผ่อนปรนด้านนโยบายภาษีกับประเทศไทยและประเทศคู่ค้า ทั้งนี้ ในกรณีสูง (High Case) มีสมมติฐานว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะมีการปรับลดภาษีนำเข้าของไทยและประเทศอื่น ๆ ซึ่งลดลงอยู่ที่อัตราร้อยละ 10 จะส่งผลบวกให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นจากกรณีฐานเป็น 2.5% (อยู่ในช่วงประมาณ 2 – 3% ) โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวอีกว่า เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญแรงกดดันจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลกระทบต่อไทยผ่านทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยทางตรงคือการที่สินค้าส่งออกไทยเผชิญกับราคา ที่สูงขึ้นในตลาดสหรัฐฯ กระทบความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (MSMEs) ที่เป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานสำหรับการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ขณะที่ผลกระทบทางอ้อมเกิดจากเศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้าที่ชะลอตัวลง การลงทุนต่างประเทศในไทยอาจเพิ่มขึ้นบางส่วน แต่คาดว่าจะมีสินค้าไหลเข้าสู่ประเทศไทยแทนการส่งออกไปยังสหรัฐฯ รวมถึงความผันผวนในตลาดเงินและตลาดทุนจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อบรรเทาผลกระทบดังกล่าว กระทรวงการคลังได้เตรียมตัวรับมือและบรรเทาสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น ดำเนินการเจรจากับสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่องเพื่อแสวงหาแนวทางที่เป็นประโยชน์ร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย เตรียมแหล่งเงินเพื่อจัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการดำเนินนโยบายการคลังให้มีขนาดที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ควบคู่ไปกับการบรรเทาผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับกลุ่มเปราะบางมาจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ การเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณในช่วงที่เหลือของปี 2568 เพื่อสนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงผลักดันความช่วยเหลือผู้ส่งออกผ่านธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) และ บูรณาการกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการดูแล กลุ่มเปราะบางและกิจการขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์นี้ อย่างไรก็ตาม ยังควรติดตามปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็น นโยบายด้านภาษีของสหรัฐฯ และการตอบโต้ของประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะประเทศจีน ทิศทางของการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ การไหลเข้าของสินค้าจากประเทศที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายด้านภาษีที่ย้ายตลาดเข้าสู่ไทยมากขึ้น ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลกในภูมิภาคต่าง ๆ การย้ายฐานการลงทุนและการผลิตในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายด้านภาษี ความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย และ ปัญหาหนี้ครัวเรือนและภาคธุรกิจของไทยที่อาจจะเพิ่มขึ้นในอนาคต อ่านข่าว: นายกฯ เชื่อ "มูดีส์" ลดความน่าเชื่อถือไทย ไม่ใช่ให้คะแนน “มูดีส์” ส่งสัญญาณไทยโตต่ำ หอการค้าฯแนะภาคธุรกิจเร่งปรับตัว กนง.มีมติลดดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 1.75% ต่อปี มีผลทันที
วันนี้ (18 ต.ค.2565) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฎิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการ และกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบหลัก
วันนี้ (5 ก.พ.2567 ) นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่า