Home
|
เกม อสุจิ y8

จากกรณีที่นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย

เกม อสุจิ y8

วันนี้ (28 ก.พ.2566) ตำรวจสถานีตำรวจชนะสงคราม พร้อมด้วยแพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจ และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เตรียมที่จะเข้าไปตรวจ และพูดคุยกับ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน และ น.ส.อรวรรณ ภู

วันนี้ (18 ส.ค.2566) นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ระบุก่อนการประชุมร่วมวิป 3 ฝ่ายว่า จะเดินหน้าเสนอให้ทบทวนมติการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีซ้ำ ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมญที่ผ่านมามองว่าไม่ใ

นิยามตามกฎหมายของกรมสรรพสามิต ระบุว่า สุราสามทับ หมายถึง สุรากลั่นประเภทหนึ่งที่มีความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ตั้งแต่ 80 ดีกรีขึ้นไป ได้จากการกลั่นสุรา 3 รอบจนได้แอลกอฮอลล์บริสุทธิ์ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “สุราสามทับ” หากแบ่งตามความเข้มข้นของดีกรี พบว่า แอลกอฮอล์บริสุทธิ์ที่มีดีกรีมากกว่า 95 ซึ่งรู้จักกันในชื่อว่า เอทิลแอลกอฮอล์เกรดอาหารและยา (food grade และ Pharmaceutical grade) เป็นวัตถุดิบสำคัญในหลายอุตสาหกรรม เช่น แอลกอฮอล์บริสุทธิ์นั้นโดยตัวมันเองไม่สามารถใช้ดื่มหรือบริโภคได้ แต่เมื่อนำไปผสมน้ำหรือของเหลวอย่างอื่น จะสามารถนำมาดื่มกินได้เช่นเดียวกันกับน้ำสุรา รัฐจึงออกมาตรการควบคุมแอลกอฮอล์บริสุทธิ์อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการนำไปผลิตเหล้าเถื่อน หรือนำไปใช้ในวัตถุประสงค์อื่นที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน รวมถึงอัตราภาษีของแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ หรือ สุราสามทับยังอยู่ที่ลิตรละ 6 บาท ถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับสุรากลั่นและสุราแช่ชนิดอื่นๆ ที่เริ่มต้นที่ลิตรละ 150-1,500 บาท กฎกระทรวงการผลิตสุรา พ.ศ. 2565 ข้อ 15 ระบุว่า สุรากลั่นชนิดสุราสามทับที่ผลิตขายภายในราชอาณาจักร ผู้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตผลิตต้องเป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายไทยเท่านั้น ขณะที่บริษัทเอกชนซึ่งจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย จะขอใบอนุญาตผลิตสุราสามทับเพื่อการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรเท่านั้น ดังนั้น องค์การสุรา กรมสรรพสามิต ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา คือรัฐวิสาหกิจรายเดียวของไทย ที่ได้รับใบอนุญาตให้ผลิตและจำหน่ายแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ภายในประเทศ ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวดจากกรมสรรพสามิต รัฐมีรายได้จากสุราสามทับจาก 2 ทาง ได้แก่ การจัดเก็บภาษีสรรพสามิต-สุราสามทับอัตราลิตรละ 6 บาท และรายได้ขององค์การสุราฯ ที่จัดส่งให้รัฐในสัดส่วนร้อยละ 80-85 ของกำไรสุทธิ เกรียงไกร พัฒนาภรณ์ โฆษกและรองอธิบดี กรมสรรพสามิต บอกว่า เกรียงไกร พัฒนาภรณ์ โฆษกและรองอธิบดี กรมสรรพสามิต เกรียงไกร พัฒนาภรณ์ โฆษกและรองอธิบดี กรมสรรพสามิต สหภาพรัฐวิสาหกิจ องค์การสุราฯ (สร.สร.) มองว่า กรมสรรพสามิตออกกฎหมายและใช้ดุลพินิจ เอื้อให้บริษัทเอกชนที่ได้รับอนุญาตผลิตสุราสามทับเพื่อการส่งออกไปยังนอกราชอาณาจักรเท่านั้น ได้สิทธิจำหน่ายสุราสามทับในประเทศแข่งกับองค์การสุราฯ ต่อมายังพบว่า เอกชนรายเดียวกันได้สิทธิเสียภาษีอัตราศูนย์จากกรมสรรพสามิตติดต่อกันหลายปี ผ่านการออกประกาศกรมสรรพสามิต ดังนี้ ประเทศไทยมีกฎหมายควบคุมมาตรฐานคุณภาพแอลกอฮอล์เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคภายใต้ 2 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ดังนั้น ผู้ผลิตสุราสามทับ (แอลกอฮอล์บริสุทธิ์) อย่างองค์การสุราฯ หรืออีก 7 บริษัทที่ได้ใบอนุญาตผลิตสุราสามทับเพื่อการส่งออก จึงจำเป็นต้องขึ้นทะเบียนเพื่อรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์บริสุทธิ์หลากหลายแรงดีกรีต่อทั้ง 2 หน่วยงานให้ถูกต้องตามกฎหมาย ก่อนผลิตหรือจำหน่ายแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ ข้อมูลจากองค์การสุราฯ เดือนมกราคม 2566 ระบุว่า ประเทศไทยมีความต้องการใช้แอลกอฮอล์บริสุทธิ์ประมาณ 100 ล้านลิตรต่อปี ตัวเลขนี้ใกล้เคียงกับข้อมูลที่กระทรวงการคลังรายงานคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2566 ที่ระบุว่า ปริมาณการใช้เอทานอล หรือ เอทิลแอกอฮอล์ปี 2565 ของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในประเทศ อาทิ อุตสาหกรรมการแพทย์ เภสัชกรรม หรือวิทยาศาสตร์ การแปลงสภาพเพื่อจำหน่ายในประเทศ ฯลฯ มีปริมาณการใช้เอทานอลอยู่ที่ 96 ล้านลิตร ไม่รวมเอทานอลเชื้อเพลิง สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การสุรา (สร.สร.) ให้ข้อมูลว่า ในปริมาณความต้องการใช้แอลกอฮอล์บริสุทธิ์ภายในประเทศจำนวนประมาณ 100 ล้านลิตรต่อปี องค์การสุราฯ เคยครอบครองส่วนแบ่งทางการตลาด ถึงร้อยละ 70 หรือขายได้ประมาณ 70 ล้านลิตรต่อปี แต่ปัจจุบันองค์การสุราฯ มียอดจำหน่ายสุราสามทับหรือแอลกอฮอล์บริสุทธิ์น้อยกว่า 22 ล้านลิตรต่อปี เมื่อเห็นผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ของเอกชนรายหนึ่งวางขายในท้องตลาด โดยระบุฉลากว่าเป็น “วัตถุเจือปนอาหาร” สหภาพฯ องค์การสุราฯ ทวงถามไปยังกรมสรรพสามิตไปหลายครั้งว่าทำไมจึงมีผลิตภัณฑ์สุราสามทับวางจำหน่ายในประเทศ ทั้งที่ตามสิทธิแล้วองค์การสุราฯ เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายได้เพียงรายเดียว แต่ไม่เคยได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากกรมสรรพสามิต เบญจมาศ เชาวน์ไว กรรมการสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การสุราฯ เล่าว่า เมื่อการร้องเรียนไม่คืบหน้า สหภาพฯ จึงยื่นขอใช้สิทธิอัตราภาษีศูนย์บ้าง โดยนำใบตำรับอาหารที่ขึ้นทะเบียนสูตรแอลกอฮอล์กับ อย. ไปขออนุญาตสรรรพสามิตเพื่อใช้สิทธิดังกล่าว เนื่องจาก องค์การสุราฯ มีใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับอาหาร (อ.18) เช่นเดียวกับเอกชนที่ขอใช้สิทธิอัตราภาษีศูนย์ไปก่อนหน้านี้ เบญจมาศ เชาวน์ไว กรรมการสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การสุราฯ เบญจมาศ เชาวน์ไว กรรมการสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การสุราฯ หลังกรมสรรพสามิตอนุมัติได้ไม่นาน สำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 2 แจ้งมายังสรรเกม อสุจิ y8พสามิตพื้นที่ฉะเชิงเทรา ขอให้องค์การสุราฯ ส่งตัวอย่างและสูตรผสมให้สรรพสามิตวิเคราะห์ความเป็นสุรา เพื่อให้เป็นไปตามประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอใช้สิทธิเสียภาษีในอัตราศูนย์ สำหรับสุราสามทับที่นำไปใช้ในอุตสาหกรรมฯ ปี 2563 ผลการวิเคราะห์โดยกลุ่มวิเคราะห์สินค้าและของกลาง กรมสรรพสามิต ระบุว่า แอลกอฮอล์ 2 สูตรขององค์การสุราฯ ที่ขึ้นทะเบียนเป็นวัตถุเจือปนอาหารว่า “ไม่สามารถดื่มกินได้ แต่เมื่อผสมกับน้ำหรือของเหลวอย่างอื่นแล้ว สามารถดื่มกินได้เช่นเดียวกับสุรา” จากนิยามของผลการวิเคราะห์ ผลิตภัณฑ์ทั้งสองสูตรจึงเข้าข่ายเป็น “สุรา” ตามมาตรา 152 พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ถึงแม้ทางสหภาพฯ องค์การสุราฯ จะร้องไปยังกรมสรรพสามิตให้ชะลอการอนุญาต และขอให้เรียกตรวจผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ของบริษัทดังกล่าว ว่าเข้าข่ายเป็นสุราสามทับหรือไม่ ด้านโฆษกกรมสรรพสามิตมั่นใจว่า กรมสรรพสามิตทำงานตามขั้นตอนทุกอย่าง และแย้งว่า ถึงแม้องค์การสุราฯ ไม่ได้สิทธิอัตราภาษีศูนย์ แต่ลูกค้าที่มาซื้อแอลกอฮอล์จากองค์การสุราฯ เพื่อไปใช้ในอุตสาหกรรมที่ระบุไว้ในประกาศฯ ก็สามารถทำเรื่องมายังกรมสรรพสามิต เพื่อขอใช้สิทธิอัตราภาษีศูนย์ และนำใบอนุญาตไปขอซื้อสุราสามทับหรือแอลกอฮอล์จากองค์การสุราฯ อีกทอดหนึ่งได้ กรรมการสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การสุรา อธิบายว่า การขอซื้อแอลกอฮอล์บริสุทธิ์จากองค์การสุรา ผู้ซื้อต้องทำเรื่องขออนุญาตไปยังกรมสรรพสามิต รายละเอียดการขออนุญาตต้องแจ้งวัตถุประสงค์การนำแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ไปใช้ และแจ้งปริมาณที่ต้องการใช้ทั้งปี จากนั้นผู้ซื้อจึงนำใบอนุญาตมาส่งให้องค์การสุราฯ เพื่อให้วางแผนผลิตสินค้า และขอรับแสตมป์สรรพสามิตที่ได้รับอนุญาตจากสรรพสามิตพื้นที่ฉะเชิงเทราซึ่งเป็นที่ตั้งขององค์การสุราฯ นอกจากนั้น องค์การสุราฯ ยังต้องส่งบันทึกรายงาน เพื่อแจ้งการใช้วัตถุดิบการผลิตและการบรรจุแอลกอฮอล์ ไปยังกรมสรรพสามิต และขออนุญาตสรรพสามิตเพื่อขนส่งสินค้าให้ลูกค้า กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาไม่น้อยกว่า 15 วัน ลูกค้าจึงได้รับสินค้า และลูกค้าผู้ซื้อสุราสามทับต้องทำบันทึกรายงานการรับ-จ่าย การนำไปใช้ และยอดคงเหลือของแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ส่งกรมสรรพสามิตด้วย ตรงกันข้าม ลูกค้าที่ซื้อกับเอกชนไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการขั้นตอนเหล่านี้ จึงได้รับความสะดวกสบายและรวดเร็วกว่ามาก นี่จึงเป็นอีกประเด็นที่ทำให้องค์การสุราฯ ไม่สามารถแข่งขันกับผู้ค้าอื่นได้เท่าที่ควร บริษัทยูเนี่ยน เคมีคอลล์ แอนด์ อีควิปเม้นท์ จำกัด คือ บริษัทเดียวที่ได้รับสิทธิภาษีอัตราศูนย์ สำหรับสุราสามทับที่นำไปใช้ในอุตสาหกรรมวัตถุเจือปนอาหาร โรงงานตั้งอยู่ที่ ต.วังตะเคียน อ.หนองมะโมง จ.ชัยนาท บริษัทขออนุญาตตั้งโรงงานผลิตสุราสามทับ เพื่อการส่งออกเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2553 และขออนุญาตแปลงสภาพแอลกอฮอล์จำนวน 2 สูตรเพื่อขายให้กับกลุ่มลูกค้าของบริษัทตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา ธรรมรัตน์ เอี่ยมลออ ที่ปรึกษาบริษัทยูเนี่ยน เคมีคอล แอนด์ อีควิปเม้นท์ จำกัด ธรรมรัตน์ เอี่ยมลออ ที่ปรึกษาบริษัทยูเนี่ยน เคมีคอล แอนด์ อีควิปเม้นท์ จำกัด ธรรมรัตน์ เอี่ยมลออ ที่ปรึกษาบริษัทยูเนี่ยนฯ ให้ข้อมูลว่า บริษัทขออนุญาตผลิตสุราสามทับเพื่อการส่งออกกับกรมสรรพสามิต โดยระบุในจุดประสงค์ชัดเจนว่าขอจำหน่ายในประเทศด้วย และทางกรมสรรพสามิตก็อนุญาต ทางบริษัทยูเนี่ยนฯ ขอชี้แจงว่า ไม่เป็นธรรมนัก หากมองว่าบริษัทเป็นผู้ได้ประโยชน์รายเดียวจากประกาศฯ ของกรมสรรพสามิตเมื่อปี 2561 จุดสำคัญที่ทำให้บริษัทฯ ไม่ต้องส่งสูตรส่วนผสมและตัวอย่างผลิตภัณฑ์วัตถุเจือปนอาหารที่ขอใช้สิทธิภาษีอัตราศูนย์ให้สรรพสามิตวิเคราะห์ความเป็นสุรา เนื่องจากบริษัทมีใบ อ.18 ของวัตถุเจือปนอาหารจำนวน 2 สูตร ตั้งแต่ปี 2555 ซึ่งใบขึ้นทะเบียนนี้ไม่มีวันหมดอายุ เมื่อกรมสรรพสามิตแก้ไขประกาศออกมาภายหลังในปี 2563 ในทางกฎหมายจึงไม่ควรมีผลย้อนหลังกับบริษัทฯ ที่ได้รับอนุญาตไปก่อนหน้า นอกจากนี้ ปลายปี 2562 ทางบริษัทขออนุญาตแก้ไขและซ่อมแซมปรับปรุงโรงงานเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต มูลค่าการลงทุนกว่า 200 ล้านบาท โดยแนบใบ อ.18 ทั้งสองรายการส่งไปยังกรมสรรพสามิตด้วย ซึ่งทางกรมสรรพสามิตก็อนุญาต ดังนั้น กรมสรรพสามิตย่อมทราบดีว่าสูตรส่วนผสมวัตถุเจือปนอาหารของบริษัทยูเนี่ยนฯ เป็นอย่างไร ภาพถังโมลาสในโรงงานผลิตสุราสามทับ องค์การสุราฯ ภาพถังโมลาสในโรงงานผลิตสุราสามทับ องค์การสุราฯ รายละเอียดการใช้สุราสามทับ ข้อมูลจาก บ.ยูเนี่ยน เคมีคอล แอนด์ อีควิปเม้นท์ จำกัด รายละเอียดการใช้สุราสามทับ ข้อมูลจาก บ.ยูเนี่ยน เคมีคอล แอนด์ อีควิปเม้นท์ จำกัด การขออนุญาตผลิตสุราสามทับปริมาณ 40 ล้านลิตรในปี 2566 ของบริษัทยูเนี่ยนฯ นั้น เป็นการขออนุญาตครอบคลุม 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ แอลกอฮอล์ในรูปวัตถุเจือปนอาหาร 2 สูตร และที่ใช้กับเครื่องสำอาง 1 สูตร ซึ่งข้อมูล ณ วันที่ 29 มิถุนายน 2566 บริษัทยูเนี่ยนฯ ยังผลิตจริงไม่ถึง 7 ล้านลิตร บริษัทยูเนี่ยนฯ ได้ส่งหนังสือร้องขอความเป็นธรรมไปยัง นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.2566 หลังจากทราบข้อร้องเรียนของสหภาพฯ องค์การสุราฯ เพราะไม่ทราบว่าผลการตัดสินใจของกรมสรรพสามิตต่อจากนี้จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อบริษัทฯ และ เพื่อชี้แจงที่มาที่ไปและข้อเท็จจริง พร้อมกับยืนยันว่า ที่ผ่านมาทางบริษัทฯ ได้รับอนุญาตจากกรมสรรพสามิตอย่างสุจริต คาดว่าปลายเดือนกรกฎาคม 2566 สหภาพฯ องค์การสุราฯ เตรียมยื่นคำร้องไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หลังจาก ร้องเรียนไปยังสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎร รวมถึงพรรคก้าวไกล โดยมีนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร เป็นผู้รับเรื่อง ตัวแทนสหภาพฯ องค์การสุราฯ ยื่นหนังสือร้องเรียนไปยังตัวแทนพรรคก้าวไกล ตัวแทนสหภาพฯ องค์การสุราฯ ยื่นหนังสือร้องเรียนไปยังตัวแทนพรรคก้าวไกล โฆษกกรมสรรพสามิต กล่าวว่า อธิบดีกรมสรรพสามิต ได้สั่งการด่วนที่สุดให้ตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์วัตถุเจือปนอาหารในท้องตลาดว่าเป็นไปตามสูตรที่ขึ้นทะเบียนกับ อย. หรือไม่ และผลวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์เข้าข่ายเป็นสุราหรือไม่ พร้อมกับหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

วันนี้ (12 ก.ค.2564) นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว

นิยามตามกฎหมายของกรมสรรพสามิต ระบุว่า สุราสามทับ หมายถึง สุรากลั่นประเภทหนึ่งที่มีความเข้มข้นของแอลก

วันนี้ (23 ก.พ.2564) ศบค.รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายใหม่ในประเทศไทย พบเพิ่ม 95 คน ในจำนวนนี

นิยามตามกฎหมายของกรมสรรพสามิต ระบุว่า สุราสามทับ หมายถึง สุรากลั่นประเภทหนึ่งที่มีความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ตั้งแต่ 80 ดีกรีขึ้นไป ได้จากการกลั่นสุรา 3 รอบจนได้แอลกอฮอลล์บริสุทธิ์ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “สุราสามทับ” หากแบ่งตามความเข้มข้นของดีกรี พบว่า แอลกอฮอล์บริสุทธิ์ที่มีดีกรีมากกว่า 95 ซึ่งรู้จักกันในชื่อว่า เอทิลแอลกอฮอล์เกรดอาหารและยา (food grade และ Pharmaceutical grade) เป็นวัตถุดิบสำคัญในหลายอุตสาหกรรม เช่น แอลกอฮอล์บริสุทธิ์นั้นโดยตัวมันเองไม่สามารถใช้ดื่มหรือบริโภคได้ แต่เมื่อนำไปผสมน้ำหรือของเหลวอย่างอื่น จะสามารถนำมาดื่มกินได้เช่นเดียวกันกับน้ำสุรา รัฐจึงออกมาตรการควบคุมแอลกอฮอล์บริสุทธิ์อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการนำไปผลิตเหล้าเถื่อน หรือนำไปใช้ในวัตถุประสงค์อื่นที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน รวมถึงอัตราภาษีของแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ หรือ สุราสามทับยังอยู่ที่ลิตรละ 6 บาท ถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับสุรากลั่นและสุราแช่ชนิดอื่นๆ ที่เริ่มต้นที่ลิตรละ 150-1,500 บาท กฎกระทรวงการผลิตสุรา พ.ศ. 2565 ข้อ 15 ระบุว่า สุรากลั่นชนิดสุราสามทับที่ผลิตขายภายในราชอาณาจักร ผู้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตผลิตต้องเป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายไทยเท่านั้น ขณะที่บริษัทเอกชนซึ่งจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย จะขอใบอนุญาตผลิตสุราสามทับเพื่อการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรเท่านั้น ดังนั้น องค์การสุรา กรมสรรพสามิต ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา คือรัฐวิสาหกิจรายเดียวของไทย ที่ได้รับใบอนุญาตให้ผลิตและจำหน่ายแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ภายในประเทศ ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวดจากกรมสรรพสามิต รัฐมีรายได้จากสุราสามทับจาก 2 ทาง ได้แก่ การจัดเก็บภาษีสรรพสามิต-สุราสามทับอัตราลิตรละ 6 บาท และรายได้ขององค์การสุราฯ ที่จัดส่งให้รัฐในสัดส่วนร้อยละ 80-85 ของกำไรสุทธิ เกรียงไกร พัฒนาภรณ์ โฆษกและรองอธิบดี กรมสรรพสามิต บอกว่า เกรียงไกร พัฒนาภรณ์ โฆษกและรองอธิบดี กรมสรรพสามิต เกรียงไกร พัฒนาภรณ์ โฆษกและรองอธิบดี กรมสรรพสามิต สหภาพรัฐวิสาหกิจ องค์การสุราฯ (สร.สร.) มองว่า กรมสรรพสามิตออกกฎหมายและใช้ดุลพินิจ เอื้อให้บริษัทเอกชนที่ได้รับอนุญาตผลิตสุราสามทับเพื่อการส่งออกไปยังนอกราชอาณาจักรเท่านั้น ได้สิทธิจำหน่ายสุราสามทับในประเทศแข่งกับองค์การสุราฯ ต่อมายังพบว่า เอกชนรายเดียวกันได้สิทธิเสียภาษีอัตราศูนย์จากกรมสรรพสามิตติดต่อกันหลายปี ผ่านการออกประกาศกรมสรรพสามิต ดังนี้ ประเทศไทยมีกฎหมายควบคุมมาตรฐานคุณภาพแอลกอฮอล์เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคภายใต้ 2 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ดังนั้น ผู้ผลิตสุราสามทับ (แอลกอฮอล์บริสุทธิ์) อย่างองค์การสุราฯ หรืออีก 7 บริษัทที่ได้ใบอนุญาตผลิตสุราสามทับเพื่อการส่งออก จึงจำเป็นต้องขึ้นทะเบียนเพื่อรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์บริสุทธิ์หลากหลายแรงดีกรีต่อทั้ง 2 หน่วยงานให้ถูกต้องตามกฎหมาย ก่อนผลิตหรือจำหน่ายแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ ข้อมูลจากองค์การสุราฯ เดือนมกราคม 2566 ระบุว่า ประเทศไทยมีความต้องการใช้แอลกอฮอล์บริสุทธิ์ประมาณ 100 ล้านลิตรต่อปี ตัวเลขนี้ใกล้เคียงกับข้อมูลที่กระทรวงการคลังรายงานคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2566 ที่ระบุว่า ปริมาณการใช้เอทานอล หรือ เอทิลแอกอฮอล์ปี 2565 ของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในประเทศ อาทิ อุตสาหกรรมการแพทย์ เภสัชกรรม หรือวิทยาศาสตร์ การแปลงสภาพเพื่อจำหน่ายในประเทศ ฯลฯ มีปริมาณการใช้เอทานอลอยู่ที่ 96 ล้านลิตร ไม่รวมเอทานอลเชื้อเพลิง สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การสุรา (สร.สร.) ให้ข้อมูลว่า ในปริมาณความต้องการใช้แอลกอฮอล์บริสุทธิ์ภายในประเทศจำนวนประมาณ 100 ล้านลิตรต่อปี องค์การสุราฯ เคยครอบครองส่วนแบ่งทางการตลาด ถึงร้อยละ 70 หรือขายได้ประมาณ 70 ล้านลิตรต่อปี แต่ปัจจุบันองค์การสุราฯ มียอดจำหน่ายสุราสามทับหรือแอลกอฮอล์บริสุทธิ์น้อยกว่า 22 ล้านลิตรต่อปี เมื่อเห็นผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ของเอกชนรายหนึ่งวางขายในท้องตลาด โดยระบุฉลากว่าเป็น “วัตถุเจือปนอาหาร” สหภาพฯ องค์การสุราฯ ทวงถามไปยังกรมสรรพสามิตไปหลายครั้งว่าทำไมจึงมีผลิตภัณฑ์สุราสามทับวางจำหน่ายในประเทศ ทั้งที่ตามสิทธิแล้วองค์การสุราฯ เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายได้เพียงรายเดียว แต่ไม่เคยได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากกรมสรรพสามิต เบญจมาศ เชาวน์ไว กรรมการสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การสุราฯ เล่าว่า เมื่อการร้องเรียนไม่คืบหน้า สหภาพฯ จึงยื่นขอใช้สิทธิอัตราภาษีศูนย์บ้าง โดยนำใบตำรับอาหารที่ขึ้นทะเบียนสูตรแอลกอฮอล์กับ อย. ไปขออนุญาตสรรรพสามิตเพื่อใช้สิทธิดังกล่าว เนื่องจาก องค์การสุราฯ มีใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับอาหาร (อ.18) เช่นเดียวกับเอกชนที่ขอใช้สิทธิอัตราภาษีศูนย์ไปก่อนหน้านี้ เบญจมาศ เชาวน์ไว กรรมการสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การสุราฯ เบญจมาศ เชาวน์ไว กรรมการสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การสุราฯ หลังกรมสรรพสามิตอนุมัติได้ไม่นาน สำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 2 แจ้งมายังสรรเกม อสุจิ y8พสามิตพื้นที่ฉะเชิงเทรา ขอให้องค์การสุราฯ ส่งตัวอย่างและสูตรผสมให้สรรพสามิตวิเคราะห์ความเป็นสุรา เพื่อให้เป็นไปตามประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอใช้สิทธิเสียภาษีในอัตราศูนย์ สำหรับสุราสามทับที่นำไปใช้ในอุตสาหกรรมฯ ปี 2563 ผลการวิเคราะห์โดยกลุ่มวิเคราะห์สินค้าและของกลาง กรมสรรพสามิต ระบุว่า แอลกอฮอล์ 2 สูตรขององค์การสุราฯ ที่ขึ้นทะเบียนเป็นวัตถุเจือปนอาหารว่า “ไม่สามารถดื่มกินได้ แต่เมื่อผสมกับน้ำหรือของเหลวอย่างอื่นแล้ว สามารถดื่มกินได้เช่นเดียวกับสุรา” จากนิยามของผลการวิเคราะห์ ผลิตภัณฑ์ทั้งสองสูตรจึงเข้าข่ายเป็น “สุรา” ตามมาตรา 152 พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ถึงแม้ทางสหภาพฯ องค์การสุราฯ จะร้องไปยังกรมสรรพสามิตให้ชะลอการอนุญาต และขอให้เรียกตรวจผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ของบริษัทดังกล่าว ว่าเข้าข่ายเป็นสุราสามทับหรือไม่ ด้านโฆษกกรมสรรพสามิตมั่นใจว่า กรมสรรพสามิตทำงานตามขั้นตอนทุกอย่าง และแย้งว่า ถึงแม้องค์การสุราฯ ไม่ได้สิทธิอัตราภาษีศูนย์ แต่ลูกค้าที่มาซื้อแอลกอฮอล์จากองค์การสุราฯ เพื่อไปใช้ในอุตสาหกรรมที่ระบุไว้ในประกาศฯ ก็สามารถทำเรื่องมายังกรมสรรพสามิต เพื่อขอใช้สิทธิอัตราภาษีศูนย์ และนำใบอนุญาตไปขอซื้อสุราสามทับหรือแอลกอฮอล์จากองค์การสุราฯ อีกทอดหนึ่งได้ กรรมการสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การสุรา อธิบายว่า การขอซื้อแอลกอฮอล์บริสุทธิ์จากองค์การสุรา ผู้ซื้อต้องทำเรื่องขออนุญาตไปยังกรมสรรพสามิต รายละเอียดการขออนุญาตต้องแจ้งวัตถุประสงค์การนำแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ไปใช้ และแจ้งปริมาณที่ต้องการใช้ทั้งปี จากนั้นผู้ซื้อจึงนำใบอนุญาตมาส่งให้องค์การสุราฯ เพื่อให้วางแผนผลิตสินค้า และขอรับแสตมป์สรรพสามิตที่ได้รับอนุญาตจากสรรพสามิตพื้นที่ฉะเชิงเทราซึ่งเป็นที่ตั้งขององค์การสุราฯ นอกจากนั้น องค์การสุราฯ ยังต้องส่งบันทึกรายงาน เพื่อแจ้งการใช้วัตถุดิบการผลิตและการบรรจุแอลกอฮอล์ ไปยังกรมสรรพสามิต และขออนุญาตสรรพสามิตเพื่อขนส่งสินค้าให้ลูกค้า กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาไม่น้อยกว่า 15 วัน ลูกค้าจึงได้รับสินค้า และลูกค้าผู้ซื้อสุราสามทับต้องทำบันทึกรายงานการรับ-จ่าย การนำไปใช้ และยอดคงเหลือของแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ส่งกรมสรรพสามิตด้วย ตรงกันข้าม ลูกค้าที่ซื้อกับเอกชนไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการขั้นตอนเหล่านี้ จึงได้รับความสะดวกสบายและรวดเร็วกว่ามาก นี่จึงเป็นอีกประเด็นที่ทำให้องค์การสุราฯ ไม่สามารถแข่งขันกับผู้ค้าอื่นได้เท่าที่ควร บริษัทยูเนี่ยน เคมีคอลล์ แอนด์ อีควิปเม้นท์ จำกัด คือ บริษัทเดียวที่ได้รับสิทธิภาษีอัตราศูนย์ สำหรับสุราสามทับที่นำไปใช้ในอุตสาหกรรมวัตถุเจือปนอาหาร โรงงานตั้งอยู่ที่ ต.วังตะเคียน อ.หนองมะโมง จ.ชัยนาท บริษัทขออนุญาตตั้งโรงงานผลิตสุราสามทับ เพื่อการส่งออกเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2553 และขออนุญาตแปลงสภาพแอลกอฮอล์จำนวน 2 สูตรเพื่อขายให้กับกลุ่มลูกค้าของบริษัทตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา ธรรมรัตน์ เอี่ยมลออ ที่ปรึกษาบริษัทยูเนี่ยน เคมีคอล แอนด์ อีควิปเม้นท์ จำกัด ธรรมรัตน์ เอี่ยมลออ ที่ปรึกษาบริษัทยูเนี่ยน เคมีคอล แอนด์ อีควิปเม้นท์ จำกัด ธรรมรัตน์ เอี่ยมลออ ที่ปรึกษาบริษัทยูเนี่ยนฯ ให้ข้อมูลว่า บริษัทขออนุญาตผลิตสุราสามทับเพื่อการส่งออกกับกรมสรรพสามิต โดยระบุในจุดประสงค์ชัดเจนว่าขอจำหน่ายในประเทศด้วย และทางกรมสรรพสามิตก็อนุญาต ทางบริษัทยูเนี่ยนฯ ขอชี้แจงว่า ไม่เป็นธรรมนัก หากมองว่าบริษัทเป็นผู้ได้ประโยชน์รายเดียวจากประกาศฯ ของกรมสรรพสามิตเมื่อปี 2561 จุดสำคัญที่ทำให้บริษัทฯ ไม่ต้องส่งสูตรส่วนผสมและตัวอย่างผลิตภัณฑ์วัตถุเจือปนอาหารที่ขอใช้สิทธิภาษีอัตราศูนย์ให้สรรพสามิตวิเคราะห์ความเป็นสุรา เนื่องจากบริษัทมีใบ อ.18 ของวัตถุเจือปนอาหารจำนวน 2 สูตร ตั้งแต่ปี 2555 ซึ่งใบขึ้นทะเบียนนี้ไม่มีวันหมดอายุ เมื่อกรมสรรพสามิตแก้ไขประกาศออกมาภายหลังในปี 2563 ในทางกฎหมายจึงไม่ควรมีผลย้อนหลังกับบริษัทฯ ที่ได้รับอนุญาตไปก่อนหน้า นอกจากนี้ ปลายปี 2562 ทางบริษัทขออนุญาตแก้ไขและซ่อมแซมปรับปรุงโรงงานเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต มูลค่าการลงทุนกว่า 200 ล้านบาท โดยแนบใบ อ.18 ทั้งสองรายการส่งไปยังกรมสรรพสามิตด้วย ซึ่งทางกรมสรรพสามิตก็อนุญาต ดังนั้น กรมสรรพสามิตย่อมทราบดีว่าสูตรส่วนผสมวัตถุเจือปนอาหารของบริษัทยูเนี่ยนฯ เป็นอย่างไร ภาพถังโมลาสในโรงงานผลิตสุราสามทับ องค์การสุราฯ ภาพถังโมลาสในโรงงานผลิตสุราสามทับ องค์การสุราฯ รายละเอียดการใช้สุราสามทับ ข้อมูลจาก บ.ยูเนี่ยน เคมีคอล แอนด์ อีควิปเม้นท์ จำกัด รายละเอียดการใช้สุราสามทับ ข้อมูลจาก บ.ยูเนี่ยน เคมีคอล แอนด์ อีควิปเม้นท์ จำกัด การขออนุญาตผลิตสุราสามทับปริมาณ 40 ล้านลิตรในปี 2566 ของบริษัทยูเนี่ยนฯ นั้น เป็นการขออนุญาตครอบคลุม 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ แอลกอฮอล์ในรูปวัตถุเจือปนอาหาร 2 สูตร และที่ใช้กับเครื่องสำอาง 1 สูตร ซึ่งข้อมูล ณ วันที่ 29 มิถุนายน 2566 บริษัทยูเนี่ยนฯ ยังผลิตจริงไม่ถึง 7 ล้านลิตร บริษัทยูเนี่ยนฯ ได้ส่งหนังสือร้องขอความเป็นธรรมไปยัง นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.2566 หลังจากทราบข้อร้องเรียนของสหภาพฯ องค์การสุราฯ เพราะไม่ทราบว่าผลการตัดสินใจของกรมสรรพสามิตต่อจากนี้จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อบริษัทฯ และ เพื่อชี้แจงที่มาที่ไปและข้อเท็จจริง พร้อมกับยืนยันว่า ที่ผ่านมาทางบริษัทฯ ได้รับอนุญาตจากกรมสรรพสามิตอย่างสุจริต คาดว่าปลายเดือนกรกฎาคม 2566 สหภาพฯ องค์การสุราฯ เตรียมยื่นคำร้องไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หลังจาก ร้องเรียนไปยังสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎร รวมถึงพรรคก้าวไกล โดยมีนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร เป็นผู้รับเรื่อง ตัวแทนสหภาพฯ องค์การสุราฯ ยื่นหนังสือร้องเรียนไปยังตัวแทนพรรคก้าวไกล ตัวแทนสหภาพฯ องค์การสุราฯ ยื่นหนังสือร้องเรียนไปยังตัวแทนพรรคก้าวไกล โฆษกกรมสรรพสามิต กล่าวว่า อธิบดีกรมสรรพสามิต ได้สั่งการด่วนที่สุดให้ตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์วัตถุเจือปนอาหารในท้องตลาดว่าเป็นไปตามสูตรที่ขึ้นทะเบียนกับ อย. หรือไม่ และผลวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์เข้าข่ายเป็นสุราหรือไม่ พร้อมกับหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

วันนี้ (18 มิ.ย.2567) ศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยเอกสารระบุว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจ