เมื่อวันที่ 11 ส.ค.2566 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงิน เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2566 ลงนามโดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐ
วันนี้ (2 มิ.ย.2568) สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) รายงานว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญพายุสนามแม่เหล็กโลกระดับปานกลาง (G3) ตั้งแต่คืนวันที่ 1 มิ.ย.2568 และต่อเนื่องถึงวันที่ 2 มิ.ย.256
กรณีผู้ป่วย COVID-19 เพิ่มสูงขึ้นหลักพันคนต่อวัน นานกว่า 1 สัปดาห์ ทำให้รถพยาบาลในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล แทบไม่เพียงพอ บางคนต้องรอคิวรถนาน 5 วัน หรือจนกว่าผู้ป่วยจะได้เตียง ปัญหานี้กลับเป็นช่องโหว่ซ้ำเติมผู้ป่วย เมื่อพบการหักหัวคิวเก็บค่ารถพยาบาลเอกชน ทีมข่าวไทยพีบีเอส ได้รับการร้องเรียนจากผู้ป่วย COVID-19 รายหนึ่ง ในพื้นที่กรุงเทพฯ เธอตัดสินใจใช้บริการรถพยาบาลบริษัทเอกชน เนื่องจากโรงพยาบาลที่ไปตรวจหาเชื้อเตียงเต็ม เธอจึงพยายามหาโรงพยาบาลเพื่อรักษา หลังจากได้เตียงแล้ว ผู้ป่วยคนนี้ บอกว่า ต้องหารถพยาบาลเอง โดยโรงพยาบาลแรกแนะนำให้โทร 1668 แต่โทรไป 3 ครั้ง ก็ไม่มีคนรับสาย โทรไป 1669 มีเจ้าหน้าที่รับสายและบอกเพียงว่า ต้องรอคิวเพราะขณะนี้คนไข้เยอะมาก จะมีรถพยาบาลมารับแล้วก็เงียบไป ซึ่งไม่มีการยืนยันว่า จะมีรถพยาบาลมารับผู้ป่วยช่วงไหน คิวที่เท่าใด ปัญหานี้ทำให้ผู้ป่วย COVID-19 คิดหาทางแก้ปัญหาด้วยตัวเอง จะใช้บริการรถสาธารณะ เช่น รถกะป้อ หรือรถกระบะ เพื่อไปยังโรงพยาบาล แต่เนื่องจากเป็นผู้ป่วยติดเชื้อแล้ว ทำให้การหารถเป็นเรื่องลำบาก จึงตัดสินใจใช้บริการรถพยาบาลเอกชน แม้จะราคาแพงก็ตาม เมื่อไม่มีความชัดเจนเรื่องคิว ผู้ป่วย เล่าว่า ตัดสินใจใช้บริการรถพยาบาลเอกชน โดยเพื่อนช่วยติดต่อให้ผ่านคนกลาง ไม่ได้ติดต่อรถพยาบาลเอกชนด้วยตัวเอง ซึ่งได้รับการยืนยันว่า มีรถพยาบาล แต่ราคาสูงถึง 7,000 บาท ไม่มีเรทราคากลางที่เหมาะสมให้ผู้ป่วยได้เลือก แต่เนื่องจากเพื่อนยอมจ่ายให้ เพราะประเมินแล้วว่าเธอต้องเข้ารับการักษาในโรงพยาบาล และกังวลว่าเตียงที่ได้มาจะหลุดไป จึงจำเป็นต้องยอมจ่ายในราคาที่สูงลิ่ว โดยมีหลักฐานเป็นสลิปการโอนเงิน ตามจำนวนเงินดังกล่าว ถ้าคนธรรมดา หรือคนที่ไม่สามารถเบิกอะไรได้ หรือไม่ได้มีต้นทุน ไม่มีทางหรอกที่จะมาใช้ 7,000 บาทกับค่าเดินทาง เพราะชั่วโมงนั้นเป็นช่วงกอบโกยของคนที่เขาเห็นแก่ได้ ใช้วิกฤตให้เป็นโอกาสของตัวเอง ทีมข่าวไทยพีบีเอสตรวจสอบเรื่องนี้กับนายจิรากร แซ่ตั้ง กรรมการผู้จัดการบริษัท แอมบูแลนซ์ เอ็กซ์เพรส จำกัด เจ้าของรถพยาบาลในคืนดังกล่าว เขายอมรับว่าเป็นคนขับรถพยาบาลระบบแรงดันลบไปส่งผู้ป่วย ระหว่างรับ-ส่งผู้ป่วย ไม่มีปัญหาอะไร มีการโทรศัพท์หาผู้ป่วยเพียง 1 ครั้ง เพื่อสอบถามเส้นทาง แต่ไม่ได้ถามถึงค่าบริการ หลังจากส่งเสร็จแล้ว ผู้ป่วยติชมเรื่องการบริการว่าพอใจกับคุณภาพและมาตรฐานของรถ แต่ติดใจราคาที่แพงเกินไป หลังจากเจ้าหน้าที่ได้ยินผู้ป่วยพูดแบบนั้น จึงตัดสินใจโทรศัพท์ไปสอบถามกับผู้ป่วยว่าจ่ายค่ารถเท่าใด เมื่อรู้ความจริงว่าผู้ป่วยต้องจ่ายถึง 7,000 บาท ก็สร้างความไม่สบายใจอย่างมาก ซึ่งเขาได้นำสลิปการโอนเงินจากผู้ว่าจ้าง จำนวน 4,000 บาท มายืนยันความบริสุทธิ์ใจต่อทีมข่าวไทยีพีบีเอสว่าไม่ได้อยู่ในกระบวนการหักหัวคิว เจ้าของรถพยาบาล ชี้แจงราคารถพยาบาล หากวิ่งรับส่งผู้ป่วยปกติ ราคาจะอยู่ที่ 2,500-3,000 บาท ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร แต่หลังจากเกิดการระบาด COVID-19 จึงจำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายความเสี่ยงอีก 1,500 บาท เป็นค่าใช้จ่าย ชุด PPE อุปกรณ์ป้องกันเชื้อโรคต่าง ๆ ให้กับเจ้าหน้าที่ด้วย จึงคิดราคา 4,000 บาท หรือหากผู้ป่วยไม่มีเงิน ทางบริษัทก็ไม่คิดจะปฎิเสธผู้ป่วย หากมีแค่ไหนก็จ่ายเท่านั้น หรือบริการให้ฟรีก็เคยทำมาแล้ว ขณะนี้บริษัทของตน ได้ร่วมมือกับสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาmedusa fortune and glory slotติ และยังมีมูลนิธิ ร่วมเป็นจิตอาสารับ-ส่งผู้ป่วยฟรี หลังจากที่กิดปัญหารถพยาบาลไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มสูงทุกวัน หลังจากเกิดปัญหานี้ ผู้ป่วย COVID-19 ยืนยันจะไม่แจ้งความดำเนินคดีเพื่อเอาผิดกับผู้กระทำความผิด แต่ต้องการเรียกร้องให้กระทรวงสาธารณสุข เร่งหารือมาตรการควบคุมธุรกิจรถพยาบาล เพราะเมื่อไม่มีราคากลาง ทำให้มีการเรียกค่าบริการแพงเกินจริง อีกทั้งประชาชน คือ ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการบริหารแบบไร้ทิศทาง ขณะที่เจ้าของรถพยาบาลเอกชน ชี้แจงว่า ได้เคยหารือกับกระทรวงสาธารณสุขแล้ว เนื่องจากรถพยาบาลเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีการใช้บริการจริง โดยวาระการประชุมดังกล่าว กระทรวงฯ จะเข้ามามาควบคุม กำหนดราคา เพื่อให้เป็นมาตรฐาน แต่เกิดปัญหา COVID-19 ทำให้การประชุมครั้งถัดไปยังไม่เกิดขึ้น และเกิดกรณีแบบนี้เกิดขึ้นเสียก่อน น.อ.นพ.พิสิทธิ์ เจริญยิ่ง ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านปฎิบัติการณ์ฉุกเฉิน สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ. ) ระบุว่า ขณะนี้ สพฉ. ได้รับการประสานมาจากศูนย์เอราวัณ และ รพ.บำราศนราดูร ให้ช่วยจัดหาผู้ป่วยติดเชื้อจำนวน 20 คน ( 19 เม.ย.64 ) จากบ้านในเขตกรุงเทพฯ ไปส่งยัง รพ.นครท่าฉลอม จ.สมุทรสงคราม จากสถานการณ์ระบาด COVID-19 ระลอกนี้ ได้รับความร่วมมือกับมูลนิธิกู้ภัยและบริษัทเอกชนที่มีความพร้อมเข้ามาเป็นจิดตอาสารับส่งผู้ป่วย ได้แก่ มูลนิธิสว่างเบญจธรรม 2 คัน ฐิติการณ์ แอมบูแลนซ์ 1 คัน สยาม แอมบูแลนซ์ 1 คัน และแอมบูแลนซ์เอ็กซ์เพรส 1 คัน เบื้องต้นมีรถจิตอาสา 5 คัน รับส่งผู้ป่วยในกรุงเทพฯ และปริมณฑล และจากปัญหาการร้องเรียน รอรถพยาบาล หรือ แม้กระทั่ง การหักหัวคิวรถพยบาลเอกชน ที่แพงเกินจริง เนื่องจากยังไม่มีการควบคุมกำหนดราคา แต่เชื่อว่าโครงการนี้จะเป็นการตัดวงจร
วันนี้ (26 พ.ค.2568) สำนักงานกรมชลประทานที่ 12 คาดว่าจะมีน้ำเหนือไหลเข้าเขื่อนเจ้าพระยา 500-700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้ท้ายเขื่อนเจ้าพระยามีระดับน้ำเพิ่มขึ้น 1 เมตร และอาจจะส่งผลกระทบต่อผู้ที่อ
กรณีผู้ป่วย COVID-19 เพิ่มสูงขึ้นหลักพันคนต่อวัน นานกว่า 1 สัปดาห์ ทำให้รถพยาบาลในพื้นที่กรุงเทพฯ แล