วันนี้ (24 ก.พ.2566) สื่อเกาหลีเหนือ เผยแพร่ภาพการ

ผ่านมานานกว่า 13 ปี นับตั้งแต่ปี 2554 เหตุการณ์ชาวบ้านหนองพะวา จ.ระยอง ต่อต้านและร้องเรียนโรงงานบริษัท วิน โพรเสส จำกัด ที่ได้ฝังกลบสิ่งปฏิกูลและวัสดุภัณฑ์ไม่ใช้แล้ว ซึ่งสร้างความกังวลถึงผลกระทบที่อาจ
วันนี้ (23 ก.พ.64) กรมควบคุมมลพิษ รายงานสถานการณ์มลพิษทางอากาศ Air4thai เมื่อเวลา 08.00 น.พบว่าภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐานหลายพื้นที่ โดยภาคตะ
วันที่ (13 มี.ค.2568) นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวถึงวันครบรอบ 11 ปี ของการเข้ามาของผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์กับการไร้จุดยืนทางการทูตของไทยต่อสถานการณ์โลก และนำพาประเทศตกเหวบนกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยระบุว่า เมื่อเป็นแบบนี้แล้วจะให้ตนมูฟออนยังไง นายกัณวีร์ กล่าวว่า เมื่อ 12 มี.ค.2557 เป็นวันที่ไทยได้พบชาวอุยกูร์ในสวนยาง อ.รัตภูมิ จ.สงขลา และเป็นวันแรกที่ได้พบกับบุคคลเหล่านี้ที่ ตม.6 ด้วยเช่นกัน จนวันนี้ครบรอบ 11 ปี กับอีก 1 วัน ที่ประเทศไทยเราตัดสินใจผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะไม่สามารถตระหนักได้ความจำเป็นที่ต้องมีความรอบรู้ทางการต่างประเทศบนสถานการณ์มนุษยธรรมโลก "เราผิดพลาดตั้งแต่ปี 2557 ที่รัฐบาลคิดไม่ได้ว่าแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนต่อสถานการณ์ผู้ลี้ภัยควรเป็นอย่างไร แต่กลับใช้ความกังวลและเกรงกลัวทางการทูตระดับทวิภาคี โดยเกรงกลัวอิทธิพลของจีน สั่งระงับความช่วยเหลือจากตุรกีในการส่งเครื่องบินเช่าเหมาลำมาจากอังการ่าเพื่อรับชาวอุยกูร์เกือบ 400 คนไปในปี 2557" นายกัณวีร์ กล่าวว่า ความผิดพลาดครั้งนั้นมันย้ำเตือนความเป็นการทูตแบบไทยๆ ที่ไม่สามารถมีความคิดนอกกรอบจารีตการต่างประเทศไทยที่เกรงกลัวผลกระทบจากความสัมพันธ์กับมหาอำนาจอย่างจีน จนไม่สามารถสร้างจุดยืนทางการทูตได้อย่างชัดเจน ที่สมควรยึดหลักการที่เป็นกระดูกสันหลังของประเทศเสรีประชาธิปไตย ซึ่งก็คือหลักสิทธิมนุษยชนนั่นเอง "ปี 2558 หลังถูกรัฐประหาร ทหารมีอำนาจ เลยไม่แปลกใจกับการตัดสินใจแบบอนุรักษ์นิยมทหาร ซึ่งไม่สามารถนำมาตรฐานสากลมาปรับใช้กับการต่างประเทศได้ เลยตัดสินใจต่อรองหลักการมนุษยธรรม โดยการ 1) แยกครอบครัว โดยเอาผู้หญิงและเด็ก จำนวน 173 คนไปตั้งถิ่นฐานใหม่ที่ตุรกี และ 2) ผลักดันชาย 109 ชีวิตกลับไปให้จีนอย่างไม่ทราบชะตากรรม" นายกัณวีร์ กล่าวว่า ความผิดพลาดไม่ได้มีแค่นั้น การที่ยังอยู่ในกรอบการทูตแบบไทยๆ ไม่สนใจความเคลื่อนไหวในเวทีระหว่างประเทศอะไรทั้งสิ้น เลยตัดสินใจกักผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ 53 ชีวิต (ชายล้วน มีเด็กด้วยในขณะนั้น) ตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา จนทำให้มีคนเสียชีวิตจากการถูกกักเป็นจำนวน 5 คน (มี 2 คนที่เป็นเด็ก 3 ขวบ 1 คน กับ 2 วันอีก 1 คน) เพราะสภาพความเป็นอยู่ในห้องกักมันไม่เหมาะกับการอยู่ระยะยาว "ในช่วงตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา ทั้งจีนและประเทศที่สนใจรับชาวอุยกูร์ไปตั้งถิ่นฐานใหม่ในประเทศที่ 3 ได้เข้าพบส่วนราชการไทยที่เกี่ยวข้อง ทั้ง สมช. และ กต. แสดงเจตจำนงรับอุยกูร์ที่เหลือไป โดยจีนบอกว่าต้องการเอาทุกคนกลับประเทศ "เพราะทุกคนอยากกลับและกลับไปหาญาติ" จริงหรือ ?!?! ส่วนประเทศที่ขอรับไปอยากช่วยไปตั้งถิ่นฐานใหม่เพราะเป็นประเด็นการเมืองระหว่างประเทศ และจะช่วยผลักดันการแก้ไขปัญหาแบบยั่งยืนในสถานการณ์ผู้ลี้ภัย" นายกัณวีร์ กล่าวด้วยว่า ไทยคงไม่รู้จะทำยังไงในช่วงรัฐบาลทหารในเวลา 9 ปี เลยกักไว้ในห้องกักของ สตม. อย่างไม่มีกำหนด คนที่รับงานเต็มๆ คือ สตม. คนทำงานด้านนี้คาดหวังสูงกับผลการเลือกตั้true premier hdงปี 2566 ว่าเราจะได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจากประชาชนแล้วคงจะมีหัวใจและหลักการประชาธิปไตย ที่เห็นเรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นหัวใจหลักในการทำงานด้านนี้ และจะไม่ตัดสินใจที่เลวร้ายย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อีกต่อไป แต่สุดท้ายวันที่ 27 ก.พ.2568 รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนกับตัดสินใจผิดพลาดอย่างร้ายแรง ผลักดันผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ จำนวน 40 คนกลับจีนอย่างมีข้อกังขาทางสังคม "ทั้งๆ ที่มีมติ สภาความมั่นคงแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 17 ม.ค.2568 แต่ก็ยังโกหกตาใสว่าจะไม่มีการผลักดันผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์กลับ ผมเป็นผู้ได้รับการค่อนแคะโดยตรงจาก รองนายกฯ ภูมิธรรม หลายครั้ง ทั้งสวนผมว่ารู้ได้ไง ไม่มีหรอกเรื่องนี้ ฯลฯ และสุดท้ายก็ผลักดันกลับแบบลับๆ ล่อๆ แล้วมาบอกว่าต้องทำเพราะไม่อยากให้มีปัญหาในช่วงส่งไปสนามบิน" นายกัณวีร์ กล่าวว่า ขนาดวันที่ผลักดันกลับนายกรัฐมนตรีไทย ยังพูดตอนเช้าว่าไม่มีหรอกถ้ามีต้องยึดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องและหลักสิทธิมนุษยชน จนกระทั่งจีนประกาศออกมาก่อนไทยว่ารับมาแล้ว 40 คน จากไทย แล้วอีกวันให้หลังค่อยมาแถลงข่าวและบอกว่าคนตัดสินใจคือ รองนายก รมว.กห. , รมว.ยธ. และ รมว.กต. "เพราะฉะนั้นท่านรับแล้วนะครับว่าท่านจะรับผิดชอบ ผมถามถึงความสมัครใจก็ไม่สามารถเอาเอกสารหลักฐานใดๆ มาแสดงได้ แล้วมาโจมตีเอกสารจดหมายที่ผมเอามาแสดงให้เห็นว่าเค้าไม่ได้สมัครใจว่าเป็นของปลอม ทั้งกรมราชทัณฑ์ และ สตม. เตรียมตัวไว้นะครับทั้ง 2 ส่วนราชการ รวมทั้ง โฆษกรัฐบาลที่ออกมาโจมตีผมอย่างมากมายนะครับ ผมจำได้ทุกอย่าง" นายกัณวีร์ กล่าวย้ำว่า สุดท้าย ผช.รมว.กต. ออกมาบอกว่าทางออกเรื่องอุยกูร์มีทางเดียวคือการส่งกลับเท่านั้น เพราะจีนมี Diplomatic Note มาเจ้าเดียวเท่านั้น ไม่มีใครมาแสดงความต้องการอย่างจริงจังในการรับไปตั้งถิ่นฐานใหม่ และยิ่งได้ยินจากหูเองว่า การแสดงความจริงจังนั้น ผช.รมว.กต. บอกว่าหากเค้าจริงจัง เค้าต้องไปคุยกับจีนเองว่าจะรับไป และจะไม่มีผลกระทบอะไรกับไทยหากรับไป "ผมนี่แทบไม่เชื่อหูตัวเองจริงๆ ว่าจะได้ยินคำนี้ นี่คือการทูตผลักภาระ และอิงกับมหาอำนาจอย่างชัดเจน ประเทศไทยแย่จริงๆ แถมมาเหมือนว่ากล่าวว่าหากไทยมีปัญหากับจีนแล้วกระทบกับผลประโยชน์ของประเทศ ใครจะรับผิดชอบ" นายกัณวีร์ กล่าวว่า สุดท้ายพอตนเอาหลักฐานมาแสดงว่ามีคนต้องการรับไปจริงๆ เพราะผู้แทน กต. ระดับสูงมาชี้แจงใน กมธ.กฎหมายฯ พอเอกสารทุกอย่างที่ตนแสดงไปมันออกมา ก็มาบอกให้ผม "มูฟออน" เดี๋ยวค่อยไปดูว่าเค้ากลับไปแล้วอยู่ดีมีสุขไหม "มันไม่ได้สิครับ คุณผิดกฎหมายไทย กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ จารีตประเพณีระหว่างประเทศ แล้วบอกลืมๆ มันซะไปดูข้างหน้าดีกว่า พูดเหมือนทำผิดแล้วไม่ยอมรับว่าทำผิด แต่ให้ไปดูว่าเยียวยาดีมั้ย คุณต้องตอบให้ได้ก่อนว่าทำผิดทำไม ความสมัครใจมีมั้ย ผลักดันเค้าทำไม" นายกัณวีร์ กล่าวว่า ได้เตือนไปหลายครั้งว่ามันจะมีผลกระทบในเวทีระหว่างประเทศซึ่งกว้างกว่าความสัมพันธ์ไทย-จีน มันจะมาในผลกระทบต่อกลุ่มประเทศเสรีประชาธิปไตย และกลุ่มประเทศโลกมุสลิม วันนี้ 13 มี.ค.2568 ทางรัฐสภายุโรปมีมติให้ใช้การเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) เป็นเครื่องมือกดดันไทยให้ปฏิรูปกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยเรื่องการผลักดันผู้ลี้ภัยอุยกูร์ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งกำลังเจรจาข้อตกลงไทยกับ 27 ประเทศของยุโรป คราวนี้จะเอายังไง "นี่เพิ่งเริ่มต้นนะครับสำหรับผลกระทบบนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มาจากสาเหตุการขาดไร้ซึ่งนโยบายการต่างประเทศที่สอดรับกับโลกศตวรรษที่ 21 มันจะมีอีกครับที่ไทยเราต้องรับผลที่ตัดสินใจบนความไม่รู้ การไม่ถาม และการมีอคติบนการสร้างงานการทูตแบบอนุรักษ์นิยมไทยๆ" นายกัณวีร์ กล่าวย้ำ อ่านข่าว : "สภายุโรป" โหวตประณามไทยส่งอุยกูร์-เรียกร้องใช้ FTA กดดันแก้ กม. "ภูมิธรรม" ชี้แจง กรณีพาสื่อบินจีนดูชีวิตอุยกูร์ ยืนยันเลือกสื่อครอบคลุม "รังสิมันต์ " หวังสื่อทำงานอิสระ ตรวจสอบชีวิตชาวอุยกูร์ในซินเจียง
หลวงจีนสมุห์ภาณุวัฒน์ เสี่ยสก ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ นิยาม ความหมายของกินเจ ว่
วันนี้ (2 พ.ค.2565) เวลา 10.20 น. น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หมายเลข 11 พรรคไ
น้ำท่วมเมืองเชียงใหม่ลดลงเล็กน้อย ชาวจังหวัดเชียงใหม่ยังคงได้รับความเดือดร้อนจากน้ำที่ท่วมขังเป็นบริ
วันที่ (13 มี.ค.2568) นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวถึงวันครบรอบ 11 ปี ของการเข้ามาของผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์กับการไร้จุดยืนทางการทูตของไทยต่อสถานการณ์โลก และนำพาประเทศตกเหวบนกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยระบุว่า เมื่อเป็นแบบนี้แล้วจะให้ตนมูฟออนยังไง นายกัณวีร์ กล่าวว่า เมื่อ 12 มี.ค.2557 เป็นวันที่ไทยได้พบชาวอุยกูร์ในสวนยาง อ.รัตภูมิ จ.สงขลา และเป็นวันแรกที่ได้พบกับบุคคลเหล่านี้ที่ ตม.6 ด้วยเช่นกัน จนวันนี้ครบรอบ 11 ปี กับอีก 1 วัน ที่ประเทศไทยเราตัดสินใจผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะไม่สามารถตระหนักได้ความจำเป็นที่ต้องมีความรอบรู้ทางการต่างประเทศบนสถานการณ์มนุษยธรรมโลก "เราผิดพลาดตั้งแต่ปี 2557 ที่รัฐบาลคิดไม่ได้ว่าแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนต่อสถานการณ์ผู้ลี้ภัยควรเป็นอย่างไร แต่กลับใช้ความกังวลและเกรงกลัวทางการทูตระดับทวิภาคี โดยเกรงกลัวอิทธิพลของจีน สั่งระงับความช่วยเหลือจากตุรกีในการส่งเครื่องบินเช่าเหมาลำมาจากอังการ่าเพื่อรับชาวอุยกูร์เกือบ 400 คนไปในปี 2557" นายกัณวีร์ กล่าวว่า ความผิดพลาดครั้งนั้นมันย้ำเตือนความเป็นการทูตแบบไทยๆ ที่ไม่สามารถมีความคิดนอกกรอบจารีตการต่างประเทศไทยที่เกรงกลัวผลกระทบจากความสัมพันธ์กับมหาอำนาจอย่างจีน จนไม่สามารถสร้างจุดยืนทางการทูตได้อย่างชัดเจน ที่สมควรยึดหลักการที่เป็นกระดูกสันหลังของประเทศเสรีประชาธิปไตย ซึ่งก็คือหลักสิทธิมนุษยชนนั่นเอง "ปี 2558 หลังถูกรัฐประหาร ทหารมีอำนาจ เลยไม่แปลกใจกับการตัดสินใจแบบอนุรักษ์นิยมทหาร ซึ่งไม่สามารถนำมาตรฐานสากลมาปรับใช้กับการต่างประเทศได้ เลยตัดสินใจต่อรองหลักการมนุษยธรรม โดยการ 1) แยกครอบครัว โดยเอาผู้หญิงและเด็ก จำนวน 173 คนไปตั้งถิ่นฐานใหม่ที่ตุรกี และ 2) ผลักดันชาย 109 ชีวิตกลับไปให้จีนอย่างไม่ทราบชะตากรรม" นายกัณวีร์ กล่าวว่า ความผิดพลาดไม่ได้มีแค่นั้น การที่ยังอยู่ในกรอบการทูตแบบไทยๆ ไม่สนใจความเคลื่อนไหวในเวทีระหว่างประเทศอะไรทั้งสิ้น เลยตัดสินใจกักผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ 53 ชีวิต (ชายล้วน มีเด็กด้วยในขณะนั้น) ตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา จนทำให้มีคนเสียชีวิตจากการถูกกักเป็นจำนวน 5 คน (มี 2 คนที่เป็นเด็ก 3 ขวบ 1 คน กับ 2 วันอีก 1 คน) เพราะสภาพความเป็นอยู่ในห้องกักมันไม่เหมาะกับการอยู่ระยะยาว "ในช่วงตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา ทั้งจีนและประเทศที่สนใจรับชาวอุยกูร์ไปตั้งถิ่นฐานใหม่ในประเทศที่ 3 ได้เข้าพบส่วนราชการไทยที่เกี่ยวข้อง ทั้ง สมช. และ กต. แสดงเจตจำนงรับอุยกูร์ที่เหลือไป โดยจีนบอกว่าต้องการเอาทุกคนกลับประเทศ "เพราะทุกคนอยากกลับและกลับไปหาญาติ" จริงหรือ ?!?! ส่วนประเทศที่ขอรับไปอยากช่วยไปตั้งถิ่นฐานใหม่เพราะเป็นประเด็นการเมืองระหว่างประเทศ และจะช่วยผลักดันการแก้ไขปัญหาแบบยั่งยืนในสถานการณ์ผู้ลี้ภัย" นายกัณวีร์ กล่าวด้วยว่า ไทยคงไม่รู้จะทำยังไงในช่วงรัฐบาลทหารในเวลา 9 ปี เลยกักไว้ในห้องกักของ สตม. อย่างไม่มีกำหนด คนที่รับงานเต็มๆ คือ สตม. คนทำงานด้านนี้คาดหวังสูงกับผลการเลือกตั้true premier hdงปี 2566 ว่าเราจะได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจากประชาชนแล้วคงจะมีหัวใจและหลักการประชาธิปไตย ที่เห็นเรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นหัวใจหลักในการทำงานด้านนี้ และจะไม่ตัดสินใจที่เลวร้ายย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อีกต่อไป แต่สุดท้ายวันที่ 27 ก.พ.2568 รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนกับตัดสินใจผิดพลาดอย่างร้ายแรง ผลักดันผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ จำนวน 40 คนกลับจีนอย่างมีข้อกังขาทางสังคม "ทั้งๆ ที่มีมติ สภาความมั่นคงแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 17 ม.ค.2568 แต่ก็ยังโกหกตาใสว่าจะไม่มีการผลักดันผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์กลับ ผมเป็นผู้ได้รับการค่อนแคะโดยตรงจาก รองนายกฯ ภูมิธรรม หลายครั้ง ทั้งสวนผมว่ารู้ได้ไง ไม่มีหรอกเรื่องนี้ ฯลฯ และสุดท้ายก็ผลักดันกลับแบบลับๆ ล่อๆ แล้วมาบอกว่าต้องทำเพราะไม่อยากให้มีปัญหาในช่วงส่งไปสนามบิน" นายกัณวีร์ กล่าวว่า ขนาดวันที่ผลักดันกลับนายกรัฐมนตรีไทย ยังพูดตอนเช้าว่าไม่มีหรอกถ้ามีต้องยึดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องและหลักสิทธิมนุษยชน จนกระทั่งจีนประกาศออกมาก่อนไทยว่ารับมาแล้ว 40 คน จากไทย แล้วอีกวันให้หลังค่อยมาแถลงข่าวและบอกว่าคนตัดสินใจคือ รองนายก รมว.กห. , รมว.ยธ. และ รมว.กต. "เพราะฉะนั้นท่านรับแล้วนะครับว่าท่านจะรับผิดชอบ ผมถามถึงความสมัครใจก็ไม่สามารถเอาเอกสารหลักฐานใดๆ มาแสดงได้ แล้วมาโจมตีเอกสารจดหมายที่ผมเอามาแสดงให้เห็นว่าเค้าไม่ได้สมัครใจว่าเป็นของปลอม ทั้งกรมราชทัณฑ์ และ สตม. เตรียมตัวไว้นะครับทั้ง 2 ส่วนราชการ รวมทั้ง โฆษกรัฐบาลที่ออกมาโจมตีผมอย่างมากมายนะครับ ผมจำได้ทุกอย่าง" นายกัณวีร์ กล่าวย้ำว่า สุดท้าย ผช.รมว.กต. ออกมาบอกว่าทางออกเรื่องอุยกูร์มีทางเดียวคือการส่งกลับเท่านั้น เพราะจีนมี Diplomatic Note มาเจ้าเดียวเท่านั้น ไม่มีใครมาแสดงความต้องการอย่างจริงจังในการรับไปตั้งถิ่นฐานใหม่ และยิ่งได้ยินจากหูเองว่า การแสดงความจริงจังนั้น ผช.รมว.กต. บอกว่าหากเค้าจริงจัง เค้าต้องไปคุยกับจีนเองว่าจะรับไป และจะไม่มีผลกระทบอะไรกับไทยหากรับไป "ผมนี่แทบไม่เชื่อหูตัวเองจริงๆ ว่าจะได้ยินคำนี้ นี่คือการทูตผลักภาระ และอิงกับมหาอำนาจอย่างชัดเจน ประเทศไทยแย่จริงๆ แถมมาเหมือนว่ากล่าวว่าหากไทยมีปัญหากับจีนแล้วกระทบกับผลประโยชน์ของประเทศ ใครจะรับผิดชอบ" นายกัณวีร์ กล่าวว่า สุดท้ายพอตนเอาหลักฐานมาแสดงว่ามีคนต้องการรับไปจริงๆ เพราะผู้แทน กต. ระดับสูงมาชี้แจงใน กมธ.กฎหมายฯ พอเอกสารทุกอย่างที่ตนแสดงไปมันออกมา ก็มาบอกให้ผม "มูฟออน" เดี๋ยวค่อยไปดูว่าเค้ากลับไปแล้วอยู่ดีมีสุขไหม "มันไม่ได้สิครับ คุณผิดกฎหมายไทย กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ จารีตประเพณีระหว่างประเทศ แล้วบอกลืมๆ มันซะไปดูข้างหน้าดีกว่า พูดเหมือนทำผิดแล้วไม่ยอมรับว่าทำผิด แต่ให้ไปดูว่าเยียวยาดีมั้ย คุณต้องตอบให้ได้ก่อนว่าทำผิดทำไม ความสมัครใจมีมั้ย ผลักดันเค้าทำไม" นายกัณวีร์ กล่าวว่า ได้เตือนไปหลายครั้งว่ามันจะมีผลกระทบในเวทีระหว่างประเทศซึ่งกว้างกว่าความสัมพันธ์ไทย-จีน มันจะมาในผลกระทบต่อกลุ่มประเทศเสรีประชาธิปไตย และกลุ่มประเทศโลกมุสลิม วันนี้ 13 มี.ค.2568 ทางรัฐสภายุโรปมีมติให้ใช้การเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) เป็นเครื่องมือกดดันไทยให้ปฏิรูปกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยเรื่องการผลักดันผู้ลี้ภัยอุยกูร์ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งกำลังเจรจาข้อตกลงไทยกับ 27 ประเทศของยุโรป คราวนี้จะเอายังไง "นี่เพิ่งเริ่มต้นนะครับสำหรับผลกระทบบนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มาจากสาเหตุการขาดไร้ซึ่งนโยบายการต่างประเทศที่สอดรับกับโลกศตวรรษที่ 21 มันจะมีอีกครับที่ไทยเราต้องรับผลที่ตัดสินใจบนความไม่รู้ การไม่ถาม และการมีอคติบนการสร้างงานการทูตแบบอนุรักษ์นิยมไทยๆ" นายกัณวีร์ กล่าวย้ำ อ่านข่าว : "สภายุโรป" โหวตประณามไทยส่งอุยกูร์-เรียกร้องใช้ FTA กดดันแก้ กม. "ภูมิธรรม" ชี้แจง กรณีพาสื่อบินจีนดูชีวิตอุยกูร์ ยืนยันเลือกสื่อครอบคลุม "รังสิมันต์ " หวังสื่อทำงานอิสระ ตรวจสอบชีวิตชาวอุยกูร์ในซินเจียง
วันที่ (13 มี.ค.2568) นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวถึงวันครบรอบ 11 ปี ของการเ