Home
|
slot 777 royal

วันนี้ (13 ม.ค.2564) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการส

slot 777 royal

วันนี้ (22 มิ.ย.2566) "ไทยบันเทิง Thai PBS" รายงานความคืบหน้าอาการป่วยของนายกันตพงศ์ บำรุงรักษ์ หรือ เอส นักแสดงและพิธีกรชื่อดัง หลังเกิดวูบและหมดสติจนต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ล่

วันนี้ (28 ส.ค.2567) สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ อยู่ระหว่างพิจารณาคัดเลือกหัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวญี่ปุ่น เข้ามาคุมทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ตามนโยบายของ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมฯ เพื่อ

เสวนา วงเสวนาวารสารศาสตร์ภายใต้กฎหมายความมั่นคง ถอดบทเรียนกรณีการเสนอข่าวนักศึกษาขบวนการประชาธิปไตยใหม่ของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ที่ฝ่ายความมั่นคงร้องเรียนให้ กสทช. ตรวจสอบ โดยตัวแทนสภาวิชาชีพสื่อเสนอว่า ควรใช้แนวทางให้องค์กรสื่อสอบสวนด้านจริยธรรมกันเอง ขณะที่ผู้ร่วมเสวนาเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่านิยาม "ความมั่นคง" ของ คสช.กระทบต่อเสรีภาพของสื่อมวลชน เสวนา วันนี้ (16 ก.ค.2558) คณะทำงานแกนนำจริยธรรมไทยพีบีเอส ได้จัดงานเสวนาวิชาการหัวข้อ “3/97/103/37” : วารสารศาสตร์ภายใต้กฎหมายความมั่นคง ที่ห้องคอนเวนชั่นฮอลล์ อาคารศูนย์การเรียนรู้ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ดำเนินรายการโดยณัฏฐา โกมลวาทิน ได้มีการพูดคุยเรื่องผลกระทบต่อการทำงานของสื่อในสถานการณ์ปัจจุบันภายใต้ประกาศคำสั่ง คสช. 3 ฉบับ ได้แก่ ฉบับที่ 97/2557 ฉบับที่ 103/2557 และประกาศหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 3/2558 รวมถึงมาตรา 37 ของ พ.ร.บ.กสทช.ซึ่งมีกรณีล่าสุดที่คณะอนุกรรมการพิจารณาผังรายการและเนื้อหารายการ กสทช.อยู่ระหว่างกำลังพิจารณาว่าการเสนอข่าวความเคลื่อนไหวของนักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ของไทยslot 777 royalพีบีเอสขัดต่อมาตรา 37 ตามที่คณะทำงานติดตามสื่อในกองทัพบก ได้ร้องเรียนมาหรือไม่  นายภัทระ คำพิทักษ์ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์และประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ระบุว่ากฎหมายที่คุมสื่อตั้งแต่ช่วงหลังรัฐประหารทั้ง 3 ฉบับ เป็นการควบคุมหลายชั้นเกินไป ควรเหลือแค่เพียงคำสั่งเดียว จุดนี้มีข้อกังวลว่าหาก คสช.ไม่อยู่ในอำนาจแล้ว แต่ประกาศคำสั่งเหล่านี้ยังคงอยู่อาจกลายเป็นเครื่องมือของคนที่ต้องการจำกัดเสรีภาพสื่อต่อไปได้ นายภัทระกล่าวเพิ่มเติมว่าประกาศและคำสั่ง คสช.เป็นอุปสรรคในการทำงานของสื่ออย่างแน่นอน แต่ว่าสามารถปรับและแก้ไขตามแต่ละกรณี ประธานสภาการหนังสือพิมพ์ยังแสดงความคิดเห็นถึงกรณีทีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงร้องเรียนให้ กสทช.ตรวจสอบการนำเสนอข่าวความเคลื่อนไหวของนักศึกษาขบวนการประชาธิปไตยใหม่เมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2558 ด้วยว่ากรณีนี้ควรส่งใช้กลไกที่มีอยู่ในองค์กรวิชาชีพสื่อตรวจสอบกันเอง "ถ้าสื่อทำตามจริยธรรมกำกับจะลดปัญหาได้เยอะ คือ มีความรอบด้าน ความสมดุล ปัญหาเกิดจากเรื่องการตีความเรื่องความมั่นคงในกรอบที่แคบลง ถ้าเราบอกว่าความมั่นคงของ คสช.เป็นของประเทศนี้ คิดว่าไม่ใช่ เห็นว่าเรื่องที่เกิดแก้ไขได้ อาจส่งกลับมาพิจารณาในคณะทำงานจริยธรรมก็ได้ในกรณีของไทยพีบีเอส ถ้า คสช.ฉลาดก็ไม่ควรผลักให้ไทยพีบีเอสไปอยู่ตรงข้าม" นายภัทระ ระบุ  นายภัทระ ยังระบุว่ากรณีนี้ คสช.อาจใช้แนวทางตามประกาศฉบับที่ 103 ที่ระบุให้องค์กรวิชาชีพสื่อสอบสวนด้านจริยธรรมและมีการควบคุมกันเอง ไม่จำเป็นต้องใช้ มาตรา 37 ของ กสทช. และเห็นว่าการที่ คสช.เข้ามาในช่วงปีกว่าทำให้เห็นแล้วว่าเส้นของการทำงานสื่ออยู่ที่จุดใดจึงจะพอดี พร้อมระบุว่าสิ่งที่ควรทำคือการขับเคลื่อนเรื่องปฏิรูประบบสื่อ จัดระเบียบสังคมสื่อและวางกติกาใหม่ร่วมกันมากกว่า เช่น เรื่อง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล รวมทั้งเรื่องที่มีการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ที่สร้างองค์กรสื่อหน่วยใหม่ขึ้นมา ซึ่งเห็นว่าไม่จำเป็น ด้าน น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการ กสทช. ระบุว่ากรณีที่ไทยพีบีเอสถูกเรียกสอบเรื่องการเสนอข่าวที่ขัดต่อมาตรา 37 ของ พ.ร.บ.กสทช.นั้นเห็นว่าสามารถใช้กลไกของไทยพีบีเอสเองที่มี พ.ร.บ.สื่อสาธารณะ ของตัวเองในการพิจารณาเรื่องนี้ และเห็นว่ากรณีนี้ที่ฝ่ายความมั่นคงใช้วิธีการผ่านมาทาง กสทช.ในแง่หนึ่งเป็นผลดีกับสื่อมากกว่าที่ คสช.จะใช้ประกาศคำสั่งอื่นจัดการโดยตรง "ก่อนรัฐประหาร กสทช.ก็จะพิจารณาโดยใช้ดุลพินิจของบอร์ด แต่พอหลังรัฐประหาร ดุลพินิจนี้ถูกกำกับด้วยนิยามความมั่นคงของรัฐอีกชั้นหนึ่ง ซึ่ง กสทช.อาจเป็นกันชนอีกชั้น และถ้าเข้าสู่กลไกของ กสทช.ก็ยังมีช่องที่สื่ออาจใช้ช่องทางของศาลปกครองในการปกป้องตัวเองได้ดีกว่าใช้ประกาศ คสช.ที่ 97/2557" น.ส.สุภิญญากล่าว ขณะที่นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการอิสระด้านรัฐศาสตร์และวัฒนธรรมศึกษา และผู้ดำเนินรายการสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี ระบุว่าหลังรัฐประหารการทำงานของสื่อต้องระมัดระวังมากขึ้น ต้องเซนเซอร์ตัวเองหลายเรื่อง โจทย์ของการทำงานกลายเป็นต้องยึดเรื่องความมั่นคงเป็นหลัก เป็นผลให้หลักการทำงานของสื่อในแง่ของการปกป้องประโยชน์สาธารณะถูกลดระดับลงไป นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตว่าการวิพากษ์วิจารณ์รัฐทำได้ยากขึ้น เช่น นโยบายต่างประเทศเรื่องการส่งชาวอุยเกอร์ไปจีนเพราะติดว่าเป็นเรื่องความมั่นคง ส่วน ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล สื่อมวลชนอาวุโสและนักวิชาการรัฐศาสตร์ ระบุว่า คสช.ไม่มีความจำเป็นต้องเขียนกฎหมายขึ้นมาจำกัดสื่อมวลชนขึ้นมาหลายฉบับ เพราะเห็นว่าสื่อทำหน้าที่ตามวิชาชีพอยู่แล้ว และ คสช.ควรยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์ของสื่อได้ เพราะมีหน้าที่ในการเป็นรัฐบาลคือการสร้างความมั่นคงให้ประเทศ ไม่ใช้การสร้างความมั่นคงให้กับ คสช.เอง และเห็นว่าประกาศคำสั่งต่างๆ ของ คสช.ไม่สามารถกำกับควบคุมการใช้สื่อใหม่ของประชาชนได้ วันนี้ (16 ก.ค.2558) คณะทำงานแกนนำจริยธรรมไทยพีบีเอส ได้จัดงานเสวนาวิชาการหัวข้อ “3/97/103/37” : วารสารศาสตร์ภายใต้กฎหมายความมั่นคง ที่ห้องคอนเวนชั่นฮอลล์ อาคารศูนย์การเรียนรู้ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ดำเนินรายการโดยณัฏฐา โกมลวาทิน ได้มีการพูดคุยเรื่องผลกระทบต่อการทำงานของสื่อในสถานการณ์ปัจจุบันภายใต้ประกาศคำสั่ง คสช. 3 ฉบับ ได้แก่ ฉบับที่ 97/2557 ฉบับที่ 103/2557 และประกาศหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 3/2558 รวมถึงมาตรา 37 ของ พ.ร.บ.กสทช.ซึ่งมีกรณีล่าสุดที่คณะอนุกรรมการพิจารณาผังรายการและเนื้อหารายการ กสทช.อยู่ระหว่างกำลังพิจารณาว่าการเสนอข่าวความเคลื่อนไหวของนักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ของไทยพีบีเอสขัดต่อมาตรา 37 ตามที่คณะทำงานติดตามสื่อในกองทัพบก ได้ร้องเรียนมาหรือไม่ นายภัทระ คำพิทักษ์ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์และประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ระบุว่ากฎหมายที่คุมสื่อตั้งแต่ช่วงหลังรัฐประหารทั้ง 3 ฉบับ เป็นการควบคุมหลายชั้นเกินไป ควรเหลือแค่เพียงคำสั่งเดียว จุดนี้มีข้อกังวลว่าหาก คสช.ไม่อยู่ในอำนาจแล้ว แต่ประกาศคำสั่งเหล่านี้ยังคงอยู่อาจกลายเป็นเครื่องมือของคนที่ต้องการจำกัดเสรีภาพสื่อต่อไปได้ นายภัทระกล่าวเพิ่มเติมว่าประกาศและคำสั่ง คสช.เป็นอุปสรรคในการทำงานของสื่ออย่างแน่นอน แต่ว่าสามารถปรับและแก้ไขตามแต่ละกรณี ประธานสภาการหนังสือพิมพ์ยังแสดงความคิดเห็นถึงกรณีทีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงร้องเรียนให้ กสทช.ตรวจสอบการนำเสนอข่าวความเคลื่อนไหวของนักศึกษาขบวนการประชาธิปไตยใหม่เมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2558 ด้วยว่ากรณีนี้ควรส่งใช้กลไกที่มีอยู่ในองค์กรวิชาชีพสื่อตรวจสอบกันเอง "ถ้าสื่อทำตามจริยธรรมกำกับจะลดปัญหาได้เยอะ คือ มีความรอบด้าน ความสมดุล ปัญหาเกิดจากเรื่องการตีความเรื่องความมั่นคงในกรอบที่แคบลง ถ้าเราบอกว่าความมั่นคงของ คสช.เป็นของประเทศนี้ คิดว่าไม่ใช่ เห็นว่าเรื่องที่เกิดแก้ไขได้ อาจส่งกลับมาพิจารณาในคณะทำงานจริยธรรมก็ได้ในกรณีของไทยพีบีเอส ถ้า คสช.ฉลาดก็ไม่ควรผลักให้ไทยพีบีเอสไปอยู่ตรงข้าม" นายภัทระ ระบุ นายภัทระ ยังระบุว่ากรณีนี้ คสช.อาจใช้แนวทางตามประกาศฉบับที่ 103 ที่ระบุให้องค์กรวิชาชีพสื่อสอบสวนด้านจริยธรรมและมีการควบคุมกันเอง ไม่จำเป็นต้องใช้ มาตรา 37 ของ กสทช. และเห็นว่าการที่ คสช.เข้ามาในช่วงปีกว่าทำให้เห็นแล้วว่าเส้นของการทำงานสื่ออยู่ที่จุดใดจึงจะพอดี พร้อมระบุว่าสิ่งที่ควรทำคือการขับเคลื่อนเรื่องปฏิรูประบบสื่อ จัดระเบียบสังคมสื่อและวางกติกาใหม่ร่วมกันมากกว่า เช่น เรื่อง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล รวมทั้งเรื่องที่มีการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ที่สร้างองค์กรสื่อหน่วยใหม่ขึ้นมา ซึ่งเห็นว่าไม่จำเป็น ด้าน น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการ กสทช. ระบุว่ากรณีที่ไทยพีบีเอสถูกเรียกสอบเรื่องการเสนอข่าวที่ขัดต่อมาตรา 37 ของ พ.ร.บ.กสทช.นั้นเห็นว่าสามารถใช้กลไกของไทยพีบีเอสเองที่มี พ.ร.บ.สื่อสาธารณะ ของตัวเองในการพิจารณาเรื่องนี้ และเห็นว่ากรณีนี้ที่ฝ่ายความมั่นคงใช้วิธีการผ่านมาทาง กสทช.ในแง่หนึ่งเป็นผลดีกับสื่อมากกว่าที่ คสช.จะใช้ประกาศคำสั่งอื่นจัดการโดยตรง "ก่อนรัฐประหาร กสทช.ก็จะพิจารณาโดยใช้ดุลพินิจของบอร์ด แต่พอหลังรัฐประหาร ดุลพินิจนี้ถูกกำกับด้วยนิยามความมั่นคงของรัฐอีกชั้นหนึ่ง ซึ่ง กสทช.อาจเป็นกันชนอีกชั้น และถ้าเข้าสู่กลไกของ กสทช.ก็ยังมีช่องที่สื่ออาจใช้ช่องทางของศาลปกครองในการปกป้องตัวเองได้ดีกว่าใช้ประกาศ คสช.ที่ 97/2557" น.ส.สุภิญญากล่าว ขณะที่นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการอิสระด้านรัฐศาสตร์และวัฒนธรรมศึกษา และผู้ดำเนินรายการสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี ระบุว่าหลังรัฐประหารการทำงานของสื่อต้องระมัดระวังมากขึ้น ต้องเซนเซอร์ตัวเองหลายเรื่อง โจทย์ของการทำงานกลายเป็นต้องยึดเรื่องความมั่นคงเป็นหลัก เป็นผลให้หลักการทำงานของสื่อในแง่ของการปกป้องประโยชน์สาธารณะถูกลดระดับลงไป นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตว่าการวิพากษ์วิจารณ์รัฐทำได้ยากขึ้น เช่น นโยบายต่างประเทศเรื่องการส่งชาวอุยเกอร์ไปจีนเพราะติดว่าเป็นเรื่องความมั่นคง ส่วน ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล สื่อมวลชนอาวุโสและนักวิชาการรัฐศาสตร์ ระบุว่า คสช.ไม่มีความจำเป็นต้องเขียนกฎหมายขึ้นมาจำกัดสื่อมวลชนขึ้นมาหลายฉบับ เพราะเห็นว่าสื่อทำหน้าที่ตามวิชาชีพอยู่แล้ว และ คสช.ควรยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์ของสื่อได้ เพราะมีหน้าที่ในการเป็นรัฐบาลคือการสร้างความมั่นคงให้ประเทศ ไม่ใช้การสร้างความมั่นคงให้กับ คสช.เอง และเห็นว่าประกาศคำสั่งต่างๆ ของ คสช.ไม่สามารถกำกับควบคุมการใช้สื่อใหม่ของประชาชนได้

วันนี้ (16 ก.พ.2564) เวลา 20.30 น. นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วา

วันนี้ (25 พ.ย.2565) นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และโฆษกกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคม

เมื่อวันที่ 2 ก.พ.2654 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ท่ากาศยานนานาชาติย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา ปิดบริก

เสวนา วงเสวนาวารสารศาสตร์ภายใต้กฎหมายความมั่นคง ถอดบทเรียนกรณีการเสนอข่าวนักศึกษาขบวนการประชาธิปไตยใหม่ของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ที่ฝ่ายความมั่นคงร้องเรียนให้ กสทช. ตรวจสอบ โดยตัวแทนสภาวิชาชีพสื่อเสนอว่า ควรใช้แนวทางให้องค์กรสื่อสอบสวนด้านจริยธรรมกันเอง ขณะที่ผู้ร่วมเสวนาเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่านิยาม "ความมั่นคง" ของ คสช.กระทบต่อเสรีภาพของสื่อมวลชน เสวนา วันนี้ (16 ก.ค.2558) คณะทำงานแกนนำจริยธรรมไทยพีบีเอส ได้จัดงานเสวนาวิชาการหัวข้อ “3/97/103/37” : วารสารศาสตร์ภายใต้กฎหมายความมั่นคง ที่ห้องคอนเวนชั่นฮอลล์ อาคารศูนย์การเรียนรู้ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ดำเนินรายการโดยณัฏฐา โกมลวาทิน ได้มีการพูดคุยเรื่องผลกระทบต่อการทำงานของสื่อในสถานการณ์ปัจจุบันภายใต้ประกาศคำสั่ง คสช. 3 ฉบับ ได้แก่ ฉบับที่ 97/2557 ฉบับที่ 103/2557 และประกาศหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 3/2558 รวมถึงมาตรา 37 ของ พ.ร.บ.กสทช.ซึ่งมีกรณีล่าสุดที่คณะอนุกรรมการพิจารณาผังรายการและเนื้อหารายการ กสทช.อยู่ระหว่างกำลังพิจารณาว่าการเสนอข่าวความเคลื่อนไหวของนักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ของไทยslot 777 royalพีบีเอสขัดต่อมาตรา 37 ตามที่คณะทำงานติดตามสื่อในกองทัพบก ได้ร้องเรียนมาหรือไม่  นายภัทระ คำพิทักษ์ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์และประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ระบุว่ากฎหมายที่คุมสื่อตั้งแต่ช่วงหลังรัฐประหารทั้ง 3 ฉบับ เป็นการควบคุมหลายชั้นเกินไป ควรเหลือแค่เพียงคำสั่งเดียว จุดนี้มีข้อกังวลว่าหาก คสช.ไม่อยู่ในอำนาจแล้ว แต่ประกาศคำสั่งเหล่านี้ยังคงอยู่อาจกลายเป็นเครื่องมือของคนที่ต้องการจำกัดเสรีภาพสื่อต่อไปได้ นายภัทระกล่าวเพิ่มเติมว่าประกาศและคำสั่ง คสช.เป็นอุปสรรคในการทำงานของสื่ออย่างแน่นอน แต่ว่าสามารถปรับและแก้ไขตามแต่ละกรณี ประธานสภาการหนังสือพิมพ์ยังแสดงความคิดเห็นถึงกรณีทีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงร้องเรียนให้ กสทช.ตรวจสอบการนำเสนอข่าวความเคลื่อนไหวของนักศึกษาขบวนการประชาธิปไตยใหม่เมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2558 ด้วยว่ากรณีนี้ควรส่งใช้กลไกที่มีอยู่ในองค์กรวิชาชีพสื่อตรวจสอบกันเอง "ถ้าสื่อทำตามจริยธรรมกำกับจะลดปัญหาได้เยอะ คือ มีความรอบด้าน ความสมดุล ปัญหาเกิดจากเรื่องการตีความเรื่องความมั่นคงในกรอบที่แคบลง ถ้าเราบอกว่าความมั่นคงของ คสช.เป็นของประเทศนี้ คิดว่าไม่ใช่ เห็นว่าเรื่องที่เกิดแก้ไขได้ อาจส่งกลับมาพิจารณาในคณะทำงานจริยธรรมก็ได้ในกรณีของไทยพีบีเอส ถ้า คสช.ฉลาดก็ไม่ควรผลักให้ไทยพีบีเอสไปอยู่ตรงข้าม" นายภัทระ ระบุ  นายภัทระ ยังระบุว่ากรณีนี้ คสช.อาจใช้แนวทางตามประกาศฉบับที่ 103 ที่ระบุให้องค์กรวิชาชีพสื่อสอบสวนด้านจริยธรรมและมีการควบคุมกันเอง ไม่จำเป็นต้องใช้ มาตรา 37 ของ กสทช. และเห็นว่าการที่ คสช.เข้ามาในช่วงปีกว่าทำให้เห็นแล้วว่าเส้นของการทำงานสื่ออยู่ที่จุดใดจึงจะพอดี พร้อมระบุว่าสิ่งที่ควรทำคือการขับเคลื่อนเรื่องปฏิรูประบบสื่อ จัดระเบียบสังคมสื่อและวางกติกาใหม่ร่วมกันมากกว่า เช่น เรื่อง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล รวมทั้งเรื่องที่มีการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ที่สร้างองค์กรสื่อหน่วยใหม่ขึ้นมา ซึ่งเห็นว่าไม่จำเป็น ด้าน น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการ กสทช. ระบุว่ากรณีที่ไทยพีบีเอสถูกเรียกสอบเรื่องการเสนอข่าวที่ขัดต่อมาตรา 37 ของ พ.ร.บ.กสทช.นั้นเห็นว่าสามารถใช้กลไกของไทยพีบีเอสเองที่มี พ.ร.บ.สื่อสาธารณะ ของตัวเองในการพิจารณาเรื่องนี้ และเห็นว่ากรณีนี้ที่ฝ่ายความมั่นคงใช้วิธีการผ่านมาทาง กสทช.ในแง่หนึ่งเป็นผลดีกับสื่อมากกว่าที่ คสช.จะใช้ประกาศคำสั่งอื่นจัดการโดยตรง "ก่อนรัฐประหาร กสทช.ก็จะพิจารณาโดยใช้ดุลพินิจของบอร์ด แต่พอหลังรัฐประหาร ดุลพินิจนี้ถูกกำกับด้วยนิยามความมั่นคงของรัฐอีกชั้นหนึ่ง ซึ่ง กสทช.อาจเป็นกันชนอีกชั้น และถ้าเข้าสู่กลไกของ กสทช.ก็ยังมีช่องที่สื่ออาจใช้ช่องทางของศาลปกครองในการปกป้องตัวเองได้ดีกว่าใช้ประกาศ คสช.ที่ 97/2557" น.ส.สุภิญญากล่าว ขณะที่นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการอิสระด้านรัฐศาสตร์และวัฒนธรรมศึกษา และผู้ดำเนินรายการสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี ระบุว่าหลังรัฐประหารการทำงานของสื่อต้องระมัดระวังมากขึ้น ต้องเซนเซอร์ตัวเองหลายเรื่อง โจทย์ของการทำงานกลายเป็นต้องยึดเรื่องความมั่นคงเป็นหลัก เป็นผลให้หลักการทำงานของสื่อในแง่ของการปกป้องประโยชน์สาธารณะถูกลดระดับลงไป นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตว่าการวิพากษ์วิจารณ์รัฐทำได้ยากขึ้น เช่น นโยบายต่างประเทศเรื่องการส่งชาวอุยเกอร์ไปจีนเพราะติดว่าเป็นเรื่องความมั่นคง ส่วน ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล สื่อมวลชนอาวุโสและนักวิชาการรัฐศาสตร์ ระบุว่า คสช.ไม่มีความจำเป็นต้องเขียนกฎหมายขึ้นมาจำกัดสื่อมวลชนขึ้นมาหลายฉบับ เพราะเห็นว่าสื่อทำหน้าที่ตามวิชาชีพอยู่แล้ว และ คสช.ควรยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์ของสื่อได้ เพราะมีหน้าที่ในการเป็นรัฐบาลคือการสร้างความมั่นคงให้ประเทศ ไม่ใช้การสร้างความมั่นคงให้กับ คสช.เอง และเห็นว่าประกาศคำสั่งต่างๆ ของ คสช.ไม่สามารถกำกับควบคุมการใช้สื่อใหม่ของประชาชนได้ วันนี้ (16 ก.ค.2558) คณะทำงานแกนนำจริยธรรมไทยพีบีเอส ได้จัดงานเสวนาวิชาการหัวข้อ “3/97/103/37” : วารสารศาสตร์ภายใต้กฎหมายความมั่นคง ที่ห้องคอนเวนชั่นฮอลล์ อาคารศูนย์การเรียนรู้ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ดำเนินรายการโดยณัฏฐา โกมลวาทิน ได้มีการพูดคุยเรื่องผลกระทบต่อการทำงานของสื่อในสถานการณ์ปัจจุบันภายใต้ประกาศคำสั่ง คสช. 3 ฉบับ ได้แก่ ฉบับที่ 97/2557 ฉบับที่ 103/2557 และประกาศหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 3/2558 รวมถึงมาตรา 37 ของ พ.ร.บ.กสทช.ซึ่งมีกรณีล่าสุดที่คณะอนุกรรมการพิจารณาผังรายการและเนื้อหารายการ กสทช.อยู่ระหว่างกำลังพิจารณาว่าการเสนอข่าวความเคลื่อนไหวของนักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ของไทยพีบีเอสขัดต่อมาตรา 37 ตามที่คณะทำงานติดตามสื่อในกองทัพบก ได้ร้องเรียนมาหรือไม่ นายภัทระ คำพิทักษ์ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์และประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ระบุว่ากฎหมายที่คุมสื่อตั้งแต่ช่วงหลังรัฐประหารทั้ง 3 ฉบับ เป็นการควบคุมหลายชั้นเกินไป ควรเหลือแค่เพียงคำสั่งเดียว จุดนี้มีข้อกังวลว่าหาก คสช.ไม่อยู่ในอำนาจแล้ว แต่ประกาศคำสั่งเหล่านี้ยังคงอยู่อาจกลายเป็นเครื่องมือของคนที่ต้องการจำกัดเสรีภาพสื่อต่อไปได้ นายภัทระกล่าวเพิ่มเติมว่าประกาศและคำสั่ง คสช.เป็นอุปสรรคในการทำงานของสื่ออย่างแน่นอน แต่ว่าสามารถปรับและแก้ไขตามแต่ละกรณี ประธานสภาการหนังสือพิมพ์ยังแสดงความคิดเห็นถึงกรณีทีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงร้องเรียนให้ กสทช.ตรวจสอบการนำเสนอข่าวความเคลื่อนไหวของนักศึกษาขบวนการประชาธิปไตยใหม่เมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2558 ด้วยว่ากรณีนี้ควรส่งใช้กลไกที่มีอยู่ในองค์กรวิชาชีพสื่อตรวจสอบกันเอง "ถ้าสื่อทำตามจริยธรรมกำกับจะลดปัญหาได้เยอะ คือ มีความรอบด้าน ความสมดุล ปัญหาเกิดจากเรื่องการตีความเรื่องความมั่นคงในกรอบที่แคบลง ถ้าเราบอกว่าความมั่นคงของ คสช.เป็นของประเทศนี้ คิดว่าไม่ใช่ เห็นว่าเรื่องที่เกิดแก้ไขได้ อาจส่งกลับมาพิจารณาในคณะทำงานจริยธรรมก็ได้ในกรณีของไทยพีบีเอส ถ้า คสช.ฉลาดก็ไม่ควรผลักให้ไทยพีบีเอสไปอยู่ตรงข้าม" นายภัทระ ระบุ นายภัทระ ยังระบุว่ากรณีนี้ คสช.อาจใช้แนวทางตามประกาศฉบับที่ 103 ที่ระบุให้องค์กรวิชาชีพสื่อสอบสวนด้านจริยธรรมและมีการควบคุมกันเอง ไม่จำเป็นต้องใช้ มาตรา 37 ของ กสทช. และเห็นว่าการที่ คสช.เข้ามาในช่วงปีกว่าทำให้เห็นแล้วว่าเส้นของการทำงานสื่ออยู่ที่จุดใดจึงจะพอดี พร้อมระบุว่าสิ่งที่ควรทำคือการขับเคลื่อนเรื่องปฏิรูประบบสื่อ จัดระเบียบสังคมสื่อและวางกติกาใหม่ร่วมกันมากกว่า เช่น เรื่อง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล รวมทั้งเรื่องที่มีการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ที่สร้างองค์กรสื่อหน่วยใหม่ขึ้นมา ซึ่งเห็นว่าไม่จำเป็น ด้าน น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการ กสทช. ระบุว่ากรณีที่ไทยพีบีเอสถูกเรียกสอบเรื่องการเสนอข่าวที่ขัดต่อมาตรา 37 ของ พ.ร.บ.กสทช.นั้นเห็นว่าสามารถใช้กลไกของไทยพีบีเอสเองที่มี พ.ร.บ.สื่อสาธารณะ ของตัวเองในการพิจารณาเรื่องนี้ และเห็นว่ากรณีนี้ที่ฝ่ายความมั่นคงใช้วิธีการผ่านมาทาง กสทช.ในแง่หนึ่งเป็นผลดีกับสื่อมากกว่าที่ คสช.จะใช้ประกาศคำสั่งอื่นจัดการโดยตรง "ก่อนรัฐประหาร กสทช.ก็จะพิจารณาโดยใช้ดุลพินิจของบอร์ด แต่พอหลังรัฐประหาร ดุลพินิจนี้ถูกกำกับด้วยนิยามความมั่นคงของรัฐอีกชั้นหนึ่ง ซึ่ง กสทช.อาจเป็นกันชนอีกชั้น และถ้าเข้าสู่กลไกของ กสทช.ก็ยังมีช่องที่สื่ออาจใช้ช่องทางของศาลปกครองในการปกป้องตัวเองได้ดีกว่าใช้ประกาศ คสช.ที่ 97/2557" น.ส.สุภิญญากล่าว ขณะที่นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการอิสระด้านรัฐศาสตร์และวัฒนธรรมศึกษา และผู้ดำเนินรายการสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี ระบุว่าหลังรัฐประหารการทำงานของสื่อต้องระมัดระวังมากขึ้น ต้องเซนเซอร์ตัวเองหลายเรื่อง โจทย์ของการทำงานกลายเป็นต้องยึดเรื่องความมั่นคงเป็นหลัก เป็นผลให้หลักการทำงานของสื่อในแง่ของการปกป้องประโยชน์สาธารณะถูกลดระดับลงไป นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตว่าการวิพากษ์วิจารณ์รัฐทำได้ยากขึ้น เช่น นโยบายต่างประเทศเรื่องการส่งชาวอุยเกอร์ไปจีนเพราะติดว่าเป็นเรื่องความมั่นคง ส่วน ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล สื่อมวลชนอาวุโสและนักวิชาการรัฐศาสตร์ ระบุว่า คสช.ไม่มีความจำเป็นต้องเขียนกฎหมายขึ้นมาจำกัดสื่อมวลชนขึ้นมาหลายฉบับ เพราะเห็นว่าสื่อทำหน้าที่ตามวิชาชีพอยู่แล้ว และ คสช.ควรยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์ของสื่อได้ เพราะมีหน้าที่ในการเป็นรัฐบาลคือการสร้างความมั่นคงให้ประเทศ ไม่ใช้การสร้างความมั่นคงให้กับ คสช.เอง และเห็นว่าประกาศคำสั่งต่างๆ ของ คสช.ไม่สามารถกำกับควบคุมการใช้สื่อใหม่ของประชาชนได้

เสวนา วงเสวนาวารสารศาสตร์ภายใต้กฎหมายความมั่นคง ถอดบทเรียนกรณีการเสนอข่าวนักศึกษาขบวนการประชาธิปไตยใ